การคาดการณ์ล่วงหน้า ขับรถปลอดภัย ใส่ใจต่อสภาพแวดล้อมรอบตัว
วางโทรศัพท์ไม่ลง อาจจบตรงอุบัติเหตุ วิธีขับรถให้ปลอดภัยด้วยการใส่ใจต่อสภาพรอบตัว
สาเหตุหลักของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการใช้รถอันดับแรกสุดก็คือการขับรถเร็วเกินอัตรามากกว่าที่กฎหมายกำหนด
ตามมาด้วยเมาแล้วขับและหลับใน
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นตัวแปรของการเกิดอุบัติเหตุ
ส่วนใหญ่เกิดจากความประมาทและการขาดความระมัดระวัง
ซึ่งจบลงด้วยการบาดเจ็บสาหัส หรือถึงแก่ชีวิต
สถิติอุบัติเหตุและจำนวนผู้เสียชีวิตบนท้องถนนของไทยทะยานขึ้นไปคาอยู่อันดับต้นๆ
ของโลก บ่งบอกถึงการขับที่ย่ำแย่ขาดจิตสำนึกด้านความปลอดภัย
และละเลยกฎหมายจราจรของนักขับบางคน (ที่มีจำนวนไม่น้อย)
มาช้านานจนติดเป็นนิสัย
มาช่วยกันขับด้วยความระมัดระวังเพื่อลดการสูญเสีย ส่อง 5
วิธีขับเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ
คิด วิเคราะห์ แยกแยะ คาดการณ์ล่วงหน้า
การคาดการณ์และประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า เป็นกระบวนการทำงานของสมอง
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุขณะขับขี่รถยนต์ โดยอาศัยการมองให้ไกลเข้าไว้
การตัดสินใจที่ต้องรวดเร็วฉับไวและถูกต้อง
การคาดการณ์และตอบสนองเพื่อหลีกหนีจากอุบัติเหตุ
ยิ่งมีเวลาให้แก้ไขนานเท่าไร ก็ยิ่งปลอดภัยจากอุบัติเหตุมากเท่านั้น
ควรทิ้งระยะให้ห่างจากรถคันหน้า หากเกิดการเบรกแบบฉุกเฉิน
หรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การเฉี่ยวชนที่ย่านความเร็วสูง
จนทำให้รถคันข้างหน้าเสียหลัก
การคาดการณ์ที่ดีและแม่นยำเกิดจากประสบการณ์และมุมมองที่คำนึงถึงความปลอดภัยในการขับขี่เป็นหลัก
สมาธิที่ดีของการขับ ด้วยการจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า จะทำให้ผู้ขับสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง เช่น เห็นรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อกำลังจะเลี้ยวกลับรถ การคาดการณ์ที่ช่วยหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุก็คือ รถบรรทุกคันนั้นเลี้ยวออกมาขวางอย่างแน่นอน มักเป็นการคาดการณ์ที่ถูกต้อง ผู้ขับลดความเร็ว เตรียมพร้อมที่จะมองหาช่องทางเพื่อหลบหลีกเปลี่ยนช่องทาง หรือชะลอความเร็วเพื่อระมัดระวังสิ่งที่จะเกิดขึ้น ให้คิดไปในทางลบเสมอ จะช่วยให้การขับขี่มีการเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ข้อพึงระวังก็คือ ไม่ขับให้เร็วมากจนเกินไปนั่นเอง ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดเป็นย่านความเร็วที่ปลอดภัย การกำหนดความเร็วในเมืองไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบนไฮเวย์ไม่เกิน 90-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาจดูช้ามากจนเกินไป แต่ถ้าทุกคนร่วมกันปฏิบัติตาม ตัวเลขอุบัติเหตุที่เคยสูงติดอันดับโลกจะต้องลดลงมาอย่างแน่นอน
หลีกเลี่ยงการใช้เบรกกะทันหัน
การเบรกแบบฉุกเฉินเป็นสาเหตุที่นำพาไปสู่อุบัติเหตุสองทางคือ
หยุดไม่ทันแล้วไปซัดท้ายคันข้างหน้า หรือหยุดทัน แต่โดนซัดท้ายเต็มๆ
เกิดขึ้นบ่อยครั้งเมื่อฝนตกในเขตเมือง จากการขับทิ้งระยะที่ไม่มากพอ
สมาธิและสติที่ครบถ้วน รวมถึงการไม่ขับเร็ว
จะช่วยทำให้คุณไม่ต้องใช้เบรกหนักๆ หรือกดกันชนิดเต็มเหนี่ยว
โดยเฉพาะการขับรถในเขตชุมชน
บนทางหลวงชนบทที่มักมีชาวบ้านร้านตลาดสัญจรไปมาด้วยจักรยาน
หรือมอเตอร์ไซค์ ที่พร้อมจะแวบเข้ามาในช่องทางของคุณได้ทุกเมื่อ
รู้จักการเลียเบรกแต่เนิ่นๆ เพื่อการชะลอความเร็วที่นิ่มนวล
ดีกว่ากดเบรกแบบหัวทิ่มหัวตำ
จนภรรยาหรือกิ๊กที่นั่งมาด้วยตาเขียวใส่
เมื่อต้องเบรกขณะที่ผิวถนนเปียกชื้น ระยะเบรกจะเพิ่มมากขึ้นจนคุณตกใจว่าทำไมเบรกไม่อยู่ การขับโดยใช้เบรกแบบค่อยเป็นค่อยไป จะสร้างนิสัยการขับขี่ที่ปลอดภัย ไม่ใช่พุ่งเข้าไปจนใกล้แล้วเบรกตัวโก่งตัวงอจนรถสะบัด ระยะห่างที่ถูกต้องทำให้การใช้เบรกเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยแทบจะไม่ต้องพึ่งพาระบบช่วยเบรกแต่อย่างใดทั้งสิ้น การเบรกหนักจนตัวช่วยทั้งหมดพร้อมใจกันทำงาน ไม่ว่าจะเป็น ABS/EBD/BA ทุกระบบทำงานหมด อาจไม่ได้ช่วยทำให้คุณรอดพ้นจากการชน เมื่อทิ้งระยะห่างจนอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย หากรถคันข้างหน้าเบรกหนักจนปัดก็ยังพอทำให้คุณมีระยะเบรกพร้อมๆ ไปกับการหักพวงมาลัยเพื่อหลบ ไม่ใช่จี้จนติด พอเขาเบรกหนักๆ ก็ซัดตูมเข้าไปเต็มเหนี่ยว แบบนี้ก็ตัวใครตัวมัน
ไม่ควรละเลยมุมมองด้านข้างและด้านหลัง
กระจกมองหลัง และกระจกมองข้างทั้งซ้ายและขวา อย่าละเลยที่จะมอง
ก่อนจะเปลี่ยนทิศทาง หรือเปลี่ยนช่องทางจราจร
นอกจากจะต้องให้สัญญาณไฟเลี้ยวล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 50-100 เมตรแล้ว
กระจกมองข้างที่มองแต่เนิ่นๆ จะช่วยทำให้คุณเปลี่ยนช่องทางได้ปลอดภัย
ไม่โดนใครตะโกนด่ามารดา หรือโดนรถคันข้างๆ รูดจนสีข้างแหกยับ
การมองกระจกขึ้นตรงกับการคาดการณ์ล่วงหน้า เช่น
เห็นว่ามีรถข้างหน้ากำลังจะเลี้ยวออกมาจากซอยในขณะที่คุณกำลังห้อมาด้วยความเร็วสูงปรี๊ด
สิ่งที่ต้องทำก็คือ มองกระจกขวาทันที เตรียมเปลี่ยนช่องทางไปด้านขวา
หรือแย่กว่านั้นช่องทางด้านขวามีรถแล่นอยู่ข้างๆ
ด้วยความเร็วที่สูงพอกัน หากใส่มาเต็มข้อ
รับรองว่าต้องอัดเข้าไปเต็มลำรถที่เลี้ยวออกมา
ความเร็วที่เหมาะสมกับสภาพของเส้นทาง โดยเฉพาะการขับขี่รถยนต์ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น จะทำให้คุณหลีกเลี่ยงจากอุบัติเหตุได้ง่ายๆ เมื่อขับไม่เร็วมากก็แค่ใช้เบรกหนักๆ ดีกว่าซัดมาเต็มเหนี่ยวแล้วเบรกไม่อยู่หวดเข้าไปแบบจังเบอร์ กระจกมองข้างมีมุมที่มืดบอดในบางจุด และไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่วิ่งขนาบอยู่ข้างๆ ทางที่ดีหันไปมองสลับกับการใช้กระจกมองข้าง จะมองได้อย่างชัดเจนมากที่สุด
ส่วนกระจกมองหลังที่ควรมองบ่อยๆ เมื่อขับทางไกล หากวิ่งอยู่ขวาสุดแล้วมองกระจกหลังเห็นรถคันข้างหลังมาจ่อท้าย หรือเห็นว่ารถเลนซ้ายวิ่งแซงผ่านไปหลายคัน ก็ควรหลบเข้าช่องเลนกลาง หรือเลนซ้าย จะเป็นการดีที่สุด ขับช้าแล้วยังคาอยู่ขวามีอยู่เต็มไปหมดบนถนนหนทางของประเทศไทย คนที่ขับเร็วกว่าก็ควรใจเย็นๆ หาจังหวะแซงที่ปลอดภัย ดีกว่าไปขับจี้ท้ายติดๆ เพื่อกดดันให้หลบ เมื่อไม่หลบก็ยิ่งโมโห เดี๋ยวก็เกิดเรื่องเกิดราวเป็นข่าวเป็นคลิปกันขึ้นมาอีก
จุดอันตรายห้ามแซง
การแซงรถช้าโดยปราศจากการมองเห็นที่ดี
และการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาด
นำมาซึ่งอุบัติเหตุรุนแรงนับครั้งไม่ถ้วน
สภาพเส้นทางก็มีส่วนทำให้การแซงมีอันตรายที่อาจตามมา เช่น
ถนนสองเลนสวนกันแบบขึ้น-ลงเขาที่คับแคบ
เส้นทึบคือเส้นห้ามแซงที่ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเมื่อขับอยู่บนเส้นทางภูเขาที่คดเคี้ยวขึ้น-ลงวกไปวนมาและมีเส้นสีเหลือง
หรือสีขาวทึบกั้นกลาง
เมื่อจะแซงรถช้าต้องตัดสินใจให้ดี ไม่ลังเลว่าจะแซงหรือไม่แซง มองให้ไกลมากกว่าปกติเพื่อสังเกตการณ์ล่วงหน้าว่ามีรถสวนมาหรือไม่ วางตำแหน่งรถให้ถูกต้องตามสถานการณ์ เช่น จะแซงออกขวาบนถนนสี่เลนก็ไม่ใช่อยู่มันซะช่องซ้ายสุด แล้วปาดออกขวาด้วยความเร็วสูง การแซงที่ถูกก็คือค่อยๆ เปลี่ยนเลนทีละช่องทาง ไม่โยกทีเดียวรวบไปสามสี่เลน รถอาจเกิดอาการเสียหลักจากความเร็วในการเบี่ยงเบนทิศทาง
การใช้ความเร็วที่เหมาะสม จะทำให้การขับแซงรถช้ามีความปลอดภัย จุดคับขันที่ไม่ควรแซงก็คือ ทางแยกทางร่วมที่ไม่มีไฟสัญญาณจราจร หรือมีแค่ไฟกะพริบสีเหลือง โค้งที่มองไม่เห็นเช่น โค้งขึ้น-ลงเนิน การแซงรถช้าบนถนนสองเลนสวนกันนั้นมีอันตรายมากกว่าการแซงในที่คับขันอื่นๆ ต้องมองให้ขาดว่าเลนสวนที่จะใช้แซงไม่มีรถวิ่งอยู่
ห้ามแซงขณะขับลงเขาในโค้ง ซึ่งเป็นการแซงข้ามเส้นทึบที่ถือว่าผิด และอาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้ทุกเมื่อ ระยะในการแซงต้องมีมากพอตั้งแต่เริ่มกดคันเร่งไปจนถึงการเปลี่ยนช่องทางกลับเข้าที่เดิม การแซงที่ปลอดภัยที่สุดก็คือคุณสามารถมองเห็นทัศนวิสัยด้านหน้าได้ไกล และไม่มีรถคันอื่นแล่นสวนมา ไม่ควรขับแซงตามรถคันข้างหน้าแบบคุณก็ไปผมก็ด้วย การแซงในลักษณะขับตามคันหน้าสุดท้ายจะนำพาระยะแซงที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง และตามมาด้วยอุบัติเหตุชนปะทะที่ย่านความเร็วสูง
ลดความเร็วก่อนถึงโค้ง
เข้าช้าออกเร็ว คือสูตรสำเร็จของการขับเข้าโค้งที่มีความปลอดภัย
ไม่ใช้ความเร็วสูงเกินไปที่ไม่สอดรับกับลักษณะของโค้ง ไม่เบรกกะทันหัน
หรือเบรกอย่างรุนแรงในโค้ง ไม่เปลี่ยนเกียร์ขณะอยู่ในโค้ง
ไม่หมุนพวงมาลัยอย่างรุนแรงเมื่อขับเข้าสู่กลางทางโค้ง
แต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยการลดความเร็ว
จัดท่าทางของรถให้ถูกต้องก่อนที่จะเริ่มต้นหมุนพวงมาลัยไปตามทางโค้ง
ท่ามกลางความเสี่ยงเมื่อขับด้วยความเร็วเข้าโค้ง
คุณสามารถป้องกันและแก้ไขได้ไม่ยากด้วยทักษะและจิตสำนึกที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกก่อนที่จะขับเร็วๆ
เข้าสู่ทางโค้ง
ขณะขับเข้าโค้งให้รักษาความเร็วตั้งแต่เริ่มเข้าโค้งจนถึงหัวโค้ง หรือจุดกึ่งกลางทางโค้ง พอเริ่มจะเข้าสู่ปลายโค้งก็กดคันเร่งเพื่อรักษาความเร็วขณะขับออกจากโค้ง หากเป็นโค้งซ้ายทีขวาทียาวตลอด การขับด้วยความเร็วที่ไม่สูงมากจนเกินไป และรู้จักรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้า ไม่ขับจี้ท้ายแบบใจเย็น พอทางตรงแล้วค่อยแซง จะเป็นการขับที่ปลอดภัยมากกว่าขับกดดันคันที่ช้าด้วยการจี้ท้ายติด.
ผู้เขียน : อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
คุณกำลังดู: การคาดการณ์ล่วงหน้า ขับรถปลอดภัย ใส่ใจต่อสภาพแวดล้อมรอบตัว
หมวดหมู่: เคล็ดลับยานยนต์