‘การร้องไห้คือความอ่อนแอ’ จริงหรือ? เพราะการร้องไห้เป็นเรื่องธรรมดา
‘การร้องไห้คือความอ่อนแอ’ ประโยคที่ไม่รู้ต้นกำเนิด แต่กลับฝังลงลึกไปในจิตใจใครหลายคน ขอชวนทุกคนมาเปลี่ยนมุมมองเพราะการร้องไห้เป็นเรื่องสามัญธรรมดาของมนุษย์
จากงานวิจัยของ William H. Frey หรือจากหนังสือ The Art of Crying มีประโยคที่น่าสนใจคือ ผู้หญิงร้องไห้เฉลี่ย 5.3 ครั้งต่อเดือน ส่วนผู้ชายร้องไห้เฉลี่ย 1.3 ครั้งต่อเดือน จริงๆ แล้วในช่วงวัยเด็ก ทั้งผู้หญิงและผู้ชายร้องไห้นั้นร้องไห้พอ ๆ กันแต่เมื่ออายุมากขึ้น ผู้ชายค่อยๆ ร้องไห้น้อยลง
ในรายละเอียดเต็มๆ รวมถึงงานวิจัยอื่น ๆ ชี้ว่าจำนวนการร้องไห้โดยเฉลี่ยของทั้งหญิงและชาย ไม่มีความแตกต่างกัน มันเป็นเรื่องของสิ่งที่เจอ การปลูกฝัง สังคมและฮอร์โมนมากกว่า เช่น ผู้ชายถูกสั่งสอนจากสังคมให้เข้มแข็งอย่าร้องไห้ ผู้หญิงก็มีเรื่องฮอร์โมนอย่างโปรแลคตินที่กระตุ้นให้เกิดการร้องไห้ หรืออย่างประจำเดือนก็ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน
จะเห็นว่าการร้องไห้คือเรื่องปกติ จริงๆ ที่มนุษย์เราร้องไห้ มาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ
1.ความรู้สึก
ดีใจ เสียใจ โกรธ เจ็บปวด ทุกข์ เราล้วนแต่ร้องไห้ออกมาเป็นเพราะฮอร์โมนต่างๆ กระตุ้นให้เกิดน้ำตาที่ไหลออกมา
2.เพื่อความชุ่มชื้นของดวงตา
โดยปกติดวงตาของเรามีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อปกป้องดวงตาจากแบคทีเรีย เชื้อโรค
3.ป้องกันอันตรายของดวงตา
สังเกตไม่ว่าจะ ฝุ่นเข้าตา แมลงจากไหนไม่รู้บินเข้าตา โดนแสงจ้า โดนแก๊ส จนไปถึงหั่นหัวหอมที่บ้าน เราจะมีน้ำตาไหลออกมา น้ำตาประเภทนี้ไหลเพื่อปกป้องดวงตาของเราที่อาจเกิดอันตรายขึ้นได้
การร้องไห้นั้นมีประโยชน์
1.การร้องไห้ช่วยลดความเครียด
การจากศึกษานั้นค่อนข้างแน่นอนว่ามนุษย์อาจเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ร้องไห้จากอารมณ์ เพราะเราเศร้าเราก็ร้องไห้ มีความสุขเราก็ร้องไห้ แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้คือ การร้องไห้นั้นช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางร่างกายที่มาจากอารมณ์ได้
การร้องไห้นั้นจะกระตุ้นทำให้ร่างกายผลักดันความตึงเครียดหรือการทำงานของร่างกายบางอย่างไปจุดที่สูงสุดและค่อยปล่อยลงมา หลังจากเราเริ่มหยุดร้องไห้ ทำให้เกิดภาวะสมดุล เกิดความสงบอย่างบอกไม่ถูก เป็นหนึ่งในการจำกัดความเครียดที่ดี
2.การร้องไห้นั้นช่วยบูสต์อารมณ์
หลังจากร้องไห้เราต่างรู้สึกดีขึ้น นี้คือผลสำรวจจากประชากร 2 ใน 3 ที่เห็นตรงกันกับเรื่องนี้ Ad Vingerhoets ผู้เขียน Why Only Humans Weep และเป็นศาสตราจารย์ด้านสังคมและพฤติกรรมศาสตร์ เนเธอร์แลนด์ได้กล่าวไว้ว่า หลายครั้งที่เราร้องไห้แล้วรู้สึกดีขึ้น เหมือนกับได้บูสต์อารมณ์กลับมา มาจากการที่เวลาเราร้องไห้แล้วมีคนปลอบโยนกับเราดีๆ นั้นคือความห่วงใยและความอบอุ่นที่เราได้รับ เมื่อเราแสดงออกทางอารมณ์เช่นการร้องไห้
3.การร้องไห้ช่วยเพิ่มการสื่อสาร
หากย้อนไปในวัยเด็ก เคยสงสัยไหมว่าทำไมทารกหรือเด็กที่เล็กมากๆถึงร้องไห้เพื่อเรียกร้องความสนใจ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะนั้นคือการสื่อสารรูปแบบหนึ่งของมนุษย์ น้ำตาของทารกหรือเด็กเล็กนั้นช่วยเพิ่มความสนใจและดึงดูดความช่วยเหลือได้อย่างทันทีเมื่อผู้ใหญ่เช่นเราได้เห็น สิ่งนี้ถูกฝังลงไปในส่วนลึกของมนุษย์ แม้เมื่อโตขึ้นเวลาเราเห็นใครร้องไห้ เราจะรับรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังต้องการความช่วยเหลืออะไรสักอย่าง
4.การร้องไห้ช่วยให้เราได้รับสิ่งที่ต้องการ
การถูกปฏิเสธ การไม่ได้อะไรตามที่หวังหลายครั้งที่มันกระตุ้นและทำให้เราร้องไห้ออกมา แน่นอนว่าการร้องไห้นี้เราไม่ได้ตั้งใจและคงไม่มีใครอยากให้เกิดเป็นแน่ อย่างไรก็ตามผลการศึกษาชี้ว่าการร้องไห้ในสถานการณ์แบบนี้ทำให้คนอื่นรู้สึกผิดและมีแนวโน้มที่จะยอมรับในสิ่งเราต้องการ
5.น้ำตานั้นดีต่อดวงตา
น้ำตานั้นช่วยให้ดวงตาของเราชุ่มชื่นและมีสุขภาพดี น้ำตาจะคอยป้องกันสิ่งสกปรกหรือควันเข้าตา ช่วยป้องกันไม่เกิดอาการ ตาแห้ง อาการที่ดวงตาจะเจ็บและร้ายแรงที่สุดคือสูญเสียการมองเห็น
6.การร้องไห้อย่างมีความสุขช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย
เช่นเดียวกับความโกรธ ความเสียใจ ที่เป็นอารมณ์เชิงลบ ความสุข การหัวเราะ ที่เป็นอารมณ์เชิงบวกนั้นก็สามารถเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้เราร้องไห้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการได้รับเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน การเล่นสนุกกับเพื่อน การซาบซึ้งอะไรในบางอย่าง ช่วงนี้เองที่ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมา ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย และรู้สึกราวกับได้รับการปลดปล่อยอะไรบางอย่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
สุดท้ายหวังว่ามุมมองของทุกคนจะเปลี่ยนไปเพราะการร้องไห้ไม่ได้หมายถึงความอ่อนแอ แต่คือเรื่องสามัญธรรมดาของมนุษย์
คุณกำลังดู: ‘การร้องไห้คือความอ่อนแอ’ จริงหรือ? เพราะการร้องไห้เป็นเรื่องธรรมดา
หมวดหมู่: วัยรุ่น