"กบ พิมลรัตน์" เปิดใจทั้งน้ำตา ปิดฉากรักสามี 9 ปี เผยเหตุผลที่ไม่จดทะเบียนสมรส
กบ พิมลรัตน์ เปิดใจทั้งน้ำตาเป็นครั้งแรก ปิดฉากรักกับสามี ขอกลับมารักตัวเอง
ออกมาเปิดใจเคลียร์ชัดๆ ให้ฟังกันเป็นครั้งแรก สำหรับนักแสดงสาว กบ พิมลรัตน์ ถึงเรื่องความสัมพันธ์ภายในครอบครัวกับสามีนักธุรกิจ ประสพ พลากรกิตติ หลังถูกโยงถึงข่าวลือเรื่องชีวิตครอบครัว เจ้าหญิง ก.ไก่ สามีมี 2 บ้าน
โดย กบ พิมลรัตน์ ได้เผยในรายการ คุยแซ่บโชว์ ว่า "ส่วนใหญ่ก็จริงค่ะ ไม่จริงก็มี ในส่วนของสามี กบเคยทราบว่าเคยมีครอบครัวมาก่อน แต่ตอนมาแต่งงานก็เคลียร์เรียบร้อย เราตัวติดกันตลอด ไม่เคยห่างกันเลย ยกเว้นเวลาเขาไปทำงาน เปนแบบนี้ทุกวัน"
"มันมีเหตุการณ์สะสมหลายๆ อย่าง ทั้งที่เราอดทน และเราทนไม่ไหวแล้ว ที่ผ่านมาเราดีลกับตัวเองได้ เรายอมรับ"
"สิ่งที่เราทนไม่ได้คือ ชอบบอกเลิกตลอดเวลา เราคิดว่ามีปม คงมีเหตุและผล ก็พยายามเข้าใจเขา แต่หาเหตุผลไม่เจอ เราได้บอกเขาไม่พูดได้ไหม มีการหยุดไปสักพัก แต่หลังๆ ก็มีการบอกให้ยกของออกจากไปจากบ้าน ให้กบยกของออกไป"
"ปีที่แล้วจะบอกเลิกรายเดือน ไม่มีสาเหตุ เรายังเป็นเหมือนเดิมนะ เรื่องที่หาจุดลงตัวได้ก็กลับมาเป็นประเด็นอีก"
"ช่วงโควิดจะรับรู้ว่าเขาเปลี่ยนไป เราเข้าใจได้ว่าสถานการณ์ในช่วงนั้นไม่เอื้ออำนวย เราก็ติดกันอยู่ในบ้าน แต่ก็ดูแลอย่างดีเต็มที่ แต่รู้สึกว่าใจเขาไม่อยู่กับเรา ตัวอยู่แต่ใจไม่อยู่"
"มีความรู้สึกว่าทำไมใจเขาไม่อยู่กับเรา ทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกัน ก็มีการสงสัย มีการถาม ได้มีการเคลียร์กัน เรื่องนี้ก็ได้จบไป"
"ปกติตัวจะติดกันมาก เขาจะติดเราตลอดเวลา แต่พักหลังจะขอไม่ให้ขึ้นไปข้างบนได้ไหม เขาบอกเขาไม่ชอบสุนัขมีขนติด อายุเยอะ อยากมีเวลาส่วนตัวให้ตัวเองมากขึ้น"
"หลังๆ ที่เขาบอกเลิกและขอให้ยกของเอง ฟางเส้นสุดท้ายเราก็เลยยกของออกจากบ้านเขาออกให้ มีอะไรหลายๆ อย่างที่เคลียร์กันไม่ได้ เลยให้ทางครอบครัวช่วยเคลียร์"
"ที่หยุดเพราะมีการส่งรูปจากเพื่อนเขามาให้ เวลานั้นเป็นการที่เราแยกกันแล้ว ยังมีการต่อลองเงื่อนไขตามนี้ได้ไหม เราอะตัดสินใจแล้ว และนิ่งเงียบ ทางนั้นเลยไม่รู้ว่าเราตอบอะไร และมีรูปเขากับครอบครัวที่ไปเปิดตัวกับสังคมของเขาแล้ว"
"เราเคยทราบว่าเขาเคยมีภรรยาและลูก แต่ตอนมาคบเราคือเคลียร์แล้ว เรารู้สึกปลดล็อกนะพอเห็นรูปนั้น (น้ำตาคลอ) ไม่ได้ช็อก แต่ปลดล็อกตัวเอง เหมือนกับว่าโอเคจบ เหมือนเป้นการหมดพันธนาการแล้ว (ร้องไห้) ไม่ยึดติดกับเขาอีกแล้ว และได้กลับมาเป็นตัวเอง"
"เราพยายามปรับตัวให้ความรักไปต่อได้ มันคือชีวิตของเราเลยที่ปรับเพื่อผู้ชายคนนี้ เราชอบทำงาน หาเงินตั้งแต่เด็ก ทำมาตั้งแต่ 14 ปี ไม่ชอบเป็นภาระให้ใคร"
"อะไรหลายๆ อย่างที่เขาขอ มันเป็นความชอบของเขาเลย ไม่อยากให้ทำงานในวงการ ไม่อยากให้แต่งตัวแบบนี้ ไม่ชอบให้คบเพื่อน และอื่นๆ อีกมากมาย"
"ตอนแรกพยายามต่อลองและให้เหตุผลเขามากที่สุด เราต้องมีสตางค์เป็นของตัวเองโดยไม่พึ่งพาเขา เรารู้ว่าเขาตั้งใจดูแลเรา แต่เราก็อยากหาเงินด้วยตัวเอง แต่ที่ยอมคือช่วงที่คบยังต้องมีการไปโปรโมทหนังเรื่องอื่นอยู่ กลับมาก็ทะเลาะ เลยอยากให้เรามาโฟกัสที่ธุรกิจครอบครัว"
"ยอมมา 9 ปี คือหลังโควิดเขายอมให้เรารับงานแล้วนะ แต่บทยังไม่ได้เป็นที่พอใจ แต่สิ่งที่เราได้เริ่มตอนเขาเปลี่ยน เราเอาวิกฤตมาทำเป็นโอกาส มาทำคอนเทนต์แต่งหน้า ก็ไม่ได้รับการซัพพอร์ตจากเขา หน้าเกลียด ชายหน้าชายตา อายลูกค้าเขา เราก็พยายามเข้าใจแหละ เพราะเขาอายุเยอะกว่า มันเป็นมุมมองของเขา แต่นี่ก็คือรูปแบบในการทำงานของเราเหมือนกัน"
"ที่ผ่านมา 9 ปีทั้งมีความสุขจริงๆ และแกล้งมีความสุขเอาใจสามี (ร้องไห้) เราได้รู้ว่ามีใคร เราอบอุ่นนะคะ การตัวติดกันได้เติมเต็มบางอย่างในชีวิตเรา เรารู้สึกอุ่นใจที่มีผู้ชายคนนี้ ในความเป็นตัวเขา เขาก็น่ารัก ด้วยความอายุห่างกันมาก มันก็จะมีความน่าเอ็นดู น่ารัก"
"เราพยายามจะเข้าใจเขาให้ได้มากที่สุด ทั้งที่ไม่เป็นตัวเองเลย"
"คิดว่าเขาไม่เข้าใจเรานะ ทุกอย่างที่คุยกันจะเป็นไปในทิศทางเขาเสมอ ถ้าคุยไม่ลงตัวก็จะปรับไปทางจิตแพทย์ บอกเราคิดไปเอง บ้าหรือเปล่า ไปหาหมอไหม เจอมากๆ เข้า เราก็เลยสงสัยในตัวเอง ก็เลยไปทั้งคู่เลย"
"สิ่งที่ทำให้เหมือนเป็นการพิสูจน์ตัวเอง เพราะช่วงแรกๆ เราปรับทัศนะคติกันหลายรอบมาก สุดท้ายสิ่งที่เราไม่เหมือนเขา เรามักจะเป็นคนคิดผิดและแปลก ทำให้เราสงสัยและไม่รัก ไม่ชอบในตัวเอง"
"อายุห่างกัน 19 ปี ปรับยาก เราไม่เคยมีประสบการณ์คบคนอายุห่างกันขนาดนี้ เราปรับกันแทบจะทุกเรื่องเลยค่ะ จนทำให้เครียดมากกลายเป็นโรคซึมเศร้า ตั้งแต่สงสัยในตัวเองว่าเราไม่ดีพอ"
"เราไม่อยากตื่น ไม่อยากให้ฟ้าสว่าง บางทีตื่นมาจะรู้สึกไม่มีคุณค่า อาจจะเกิดจากเราไม่ได้ทำงานที่เรารัก งานเขาเราทำอยู่แล้ว เวลาเดินทางกับเขา เราจะซัพพอร์ตดูแลเขา แต่ความรู้สึกที่ไม่อยากจะอยู่บนโลกนี้ ตอนนี้ไม่มีแล้ว รู้สึกว่า 24 ชม. ไม่พอ ได้ทำนู่นนี่ ไม่มีใครมาว่า โรคซึมเศร้ายังไม่หายค่ะ ยังมีทานยาคุมอาการอยู่ แค่ยาโดสลดลง"
"ช่วงที่บอกเลิก เดอะแบกค่ะ แบกทุกอย่างไว้ที่ตัวเอง ถ้ามีโอกาสดีๆ ก็จะพูดกับเขา ไม่พูดได้ไหม ช่วงที่เราทำตามเขา ทุกอย่างมันดีไปหมด เราจะได้ความรัก ความอบอุ่น ความซัพพอร์ต มันก็ต้องแลก"
"เรื่องที่เคลียร์ไม่ลงตัวคือ การให้มาคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายเรา แต่เขาก็ไม่มา แต่ส่งคนมาคุย ซึ่งก็ไม่ลงตัว ก็ได้มีการต่อลอง มีหลายสเต็ป อย่างบอกขอไปอยู่ 2 วัน ขอไปอยู่กับลูก เราก็ไม่ได้ตอบ สักพักก็เพิ่มเลเวลเป็นครึ่ง/ครึ่ง เราเลยรู้สึกว่าพอดีกว่า"
"ที่ไม่จดทะเบียนสมรส เป็นการที่เราคุยตั้งแต่แรก อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราได้ฟ้องไปด้วย ช่วงนั้นเขาทำธุรกิจต่างๆ ขอไม่ลงดีเทล เราเข้าใจ ขอ 5 ปี พอ 5 ปีผ่านไปมีการทวงถามก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด"
"ในกรณีของพี่มีการตกแต่ง ถึงจะไม่เป็นลายลักษณ์อักษรที่คุยกันเรื่องจดทะเบียน แต่ภาพที่ออกไปแล้วมันเป็นสิทธิ์ของเรา ฟ้องร้องได้เรียกค่าทดแทน"
"หลังจากที่ฟ้องไปก็มีติดต่อให้มาเจอ แต่ไม่ให้เอาทนายไป แต่เรายืนยันขอเอาทนายไป เขาก็บอกอยากเจอส่วนตัว"
"อยากให้จบลงยังไง คืออยากให้เป็นธรรมมากที่สุด พยายามเรียกร้องความเป็นธรรมของเรา"
"ถ้าเขาขอโอกาส คิดว่าน่าจะสายเกินไปแล้วค่ะ ถามว่ารักเขาอยู่ไหม ต้องตัดใจค่ะ รักมันรักอยู่แล้ว คบกันมาขนาดนี้ ผูกพันก็มาก"
"เรื่องนี้สอนอะไรบ้าง จริงๆ ควรจะรักตัวเองมากกว่ารักคนอื่น เราดีกับคนได้นะ มีเมตตากับคนได้ แต่ต้องดีให้ถูกคน (น้ำตาคลอ)"
คุณกำลังดู: "กบ พิมลรัตน์" เปิดใจทั้งน้ำตา ปิดฉากรักสามี 9 ปี เผยเหตุผลที่ไม่จดทะเบียนสมรส
หมวดหมู่: ความบันเทิง