ขับรถแบบ Slipstreaming ควรอยู่แค่ในสนามแข่ง

ขับรถแบบ Slipstreaming ควรอยู่แค่ในสนามแข่ง

     ประเด็นร้อนโลกออนไลน์รอบสัปดาห์ “ข่าวกระบะชนท้ายโรลส์-รอยซ์” เป็นเรื่องที่ถูกหยิบมาพูดถึงในหลากหลายแง่มุมนะครับ ทั้งเจ้าของโรลส์-รอยซ์คือใคร ค่าซ่อมเท่าไร ประกันต้องจ่ายไหม รวมถึงฝั่งที่ขับกระบะที่ถูกโลกโซเชียลกระหน่ำคอมเมนต์ไปต่าง ๆ นานา

     แต่ประเด็นที่ผมอยากจะนำมาแลกเปลี่ยนกันในวีคนี้ ก็คือพฤติกรรมการขับรถบนถนนหลวง ก่อนอื่นคงต้องบอกก่อนนะครับว่าถึงตรงนี้เรายังไม่ได้เห็นคลิปที่เกิดขึ้นจริง ๆ ก่อนที่จะมีการชนท้ายกันว่ามีจุดเริ่มอย่างไร กระบะขับจี้ขนาดไหน และโรลส์-รอยซ์เบรกแบบกะทันหันจริงหรือปล่า ซึ่งถ้าตามข่าวก็ปวดหัวเหลือเกิน พลิกไปพลิกมาทุกวัน

     อย่างไรก็ดี ไม่ว่าคุณจะขับรถประเภทไหน เมื่ออยู่บนถนนก็ควรต้องรู้จักมารยาท เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาจากประสบการณ์ของผมเองเวลาขับรถอยู่บนถนน โดยเฉพาะบนทางด่วน ทั้งในกทม. และทางวงแหวนออกนอกเมือง ประเภทของรถที่ชอบขับจี้ท้ายชาวบ้านที่เคยเจอบ่อยสุดคือกระบะส่งของ! ไม่รู้ว่าคุณผู้อ่านท่านอื่น ๆ เจอแบบผมกันบ้างหรือไม่

     ทั้งที่รถส่งของส่วนใหญ่เขาจะมีข้อความติดไว้ท้ายรถ “พนักงานขับรถไม่สุภาพโปรดแจ้ง...” ซึ่งส่วนตัวผมไม่เคยโทร. แจ้งเลยเพราะจดเบอร์ไม่ทัน (ฮา ๆ) ใครที่เคยโทร. แจ้งก็ลองช่วยคอมเมนต์มาหน่อยนะครับว่าเมื่อแจ้งไปแล้วได้ผลเป็นอย่างไร เพราะส่วนใหญ่เท่าที่ทราบมา ข้อความนี้ก็มีติดรถไว้เพื่อให้มีเท่านั้น และอย่างมากก็แค่ตักเตือน

     การขับรถแบบจี้ท้ายคันหน้า หากเป็นในสนามแข่งรถ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ จักรยานยนต์ หรือกระทั่งการแข่งขันจักรยาน หรือที่ผู้บรรยายมักจะเรียกว่า Slipstream หรือการอาศัยลมดูด ถือเป็นเทคนิคที่นักแข่งทุกคนต้องใช้ในจังหวะที่จะแซง เพราะมันคือ “กลศาสตร์ของไหล” ที่หากรถคันหน้าพุ่งแหวกอากาศ คันหลังที่จ่อท้ายมาก็จะได้ประโยชน์ที่ไม่ต้องรับแรงปะทะจากอากาศ จึงเสมือนเป็นแรงดูดให้เข้าใกล้ได้มากขึ้น และแซงขึ้นหน้าได้นั่นเอง

     ทว่าบนถนนหลวง บอกเลยว่ามันไม่ใช่ที่ที่จะมาดูดท้ายทำ Slipstream อะไรแบบนี้ หรือหากจะทำ Slipstream จริง ๆ มันก็ควรที่จะดูดท้าย จนถึงระยะแล้วแซงออกซ้ายหรือขวาแล้วจบกันไป แต่ที่ผมเคยเห็น คือ ขับจี้แบบไปไหนไปด้วย บางทีเจอคันหน้าเขาเล่นด้วยพี่ก็เล่นปาดจากขวาสุดไปซ้ายสุดราวกับอยู่ในเซอร์กิต บอกเลยว่ามันไม่เท่เลยครับ

     ยิ่งบางทีเห็นรถรุ่นที่สมรรถนะต่ำกว่า ไปไล่บดบี้กับรถรุ่นที่สมรรถนะเหนือกว่า ก็ยิ่งคิดในใจว่า “พี่จะทำไปทำไม” จากประสบการณ์ที่ผมเคยขับรถกระบะรุ่นใหม่ ๆ ก็พอจะเข้าใจท่านที่ขับรถประเภทนี้ และมีพฤติกรรมขับจี้ชาวบ้านอยู่บ้างนะครับ เพราะกระบะดีเซลยุคนี้พละกำลังมันช่างดุดันเสียเหลือเกิน รู้สึกได้เลยว่าที่ความเร็วระดับ 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังยังเหลืออีกเยอะที่จะกดคันเร่งไปต่อ

     ฉะนั้น หากขับจี้ท้ายกันแบบนี้ ต่อให้รถจะดีแค่ไหน เมื่อไปในระดับความเร็วที่สูงยังไงก็เบรกไม่ทันครับ หากเป็นในสนามแข่ง จังหวะดูดท้ายเพื่อแซงมันจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีแล้วก็จบ เพราะทางตรงยาวในเซอร์กิตอย่างมากก็ 1 กิโลเมตร และในสนามก็มีจุดเบรกชัดเจน แต่บนถนนหลวงคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

     และอีกประเด็นสำคัญที่บรรดาผู้ขับรถสายจี้ท้ายอาจจะไม่รู้หรือลืมไป ก็คือการที่อาศัย Slipstream วิ่งดูดท้ายกันไปในระยะทางยาว ๆ มันจะไม่มีอากาศและกระแสลมเข้ามาปะทะที่กระจังหน้าเพื่อระบายความร้อนให้เครื่องยนต์ และส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์อาจจะถึงขั้นความร้อนขึ้น ไปจนถึงขั้นโอเวอร์ฮีตได้เลยก็มี

     แม้กฎหมายจราจรบ้านเราจะไม่ได้มีระบุไว้เป๊ะ ๆ ว่าจะต้องขับเว้นระยะจากคันหน้าเท่าไร เพียงแค่บอกว่าให้เว้นระยะพอสมควรที่จะหยุดรถได้ปลอดภัยเมื่อต้องเบรก แต่หลักสากลที่ใช้กันทั่วโลกก็คือ “กฎ 3 วินาที” คือไม่ว่าคุณจะขับเร็วเท่าไร ควรนับในใจจากที่คันหน้าขับผ่านไปแล้ว 3 วิ ก็น่าจะทำให้ปลอดภัยมากขึ้นครับ

     สุดท้ายอยากจะย้ำว่ามันคือเรื่องของ “พฤติกรรม” ครับ ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์คาร์ หรือ All New รุ่นไหน หากไม่เลิกนิสัยขับจี้ ดูดท้ายคันหน้า ความเสี่ยงก็เกิดขึ้นอยู่ดี การใช้ Slipstream น่ะทำได้ แต่ต้องอยู่ในสนามแข่งเท่านั้นครับ

คุณกำลังดู: ขับรถแบบ Slipstreaming ควรอยู่แค่ในสนามแข่ง

หมวดหมู่: รถยนต์

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด