ขับรถหน้าฝน..เราต้องรอดสิ!

วิธีเอาตัวรอดเมื่อขับรถท่ามกลางน้ำท่วมขังในฤดูฝน

ขับรถหน้าฝน..เราต้องรอดสิ!

วันนี้มีใครล้างรถหรือเปล่าครับ? หรืออาจจะมีใครไปสาบานรักเดียวใจเดียวกับแฟนแล้วดันแอบมีกิ๊กก็เถอะ แต่เราไม่ต้องอาศัยไสยศาสตร์ความเชื่อ ก็รู้กันอยู่แก่ใจว่าประเทศไทยของเรานั้นกินอยู่คู่กับฟ้าฝน สำหรับคนที่ไม่ได้ประกอบอาชีพที่ต้องพึ่งพาหยาดน้ำจากท้องฟ้าในการอยู่รอด ส่วนมากฝนมักจะหมายถึงความยุ่งเหยิงในชีวิต การไปถึงสำนักงานช้า หรือสภาพเครื่องแต่งกายเปียกปอนแถมบางคนมีกลิ่นอับชื้น หญิงที่คุณกำลังหลีอาจหนีหายไปจากชีวิต สำหรับคนที่ต้องใช้รถบนท้องถนน ถึงแม้จะมีหลังคาเหนือหัวแล้ว คุณก็ยังมีเรื่องที่ต้องระวังอยู่บ้าง คอลัมน์สัปดาห์นี้ก็จะเล่าเทคนิคส่วนตัวของผู้เขียนเมื่อถึงหน้าฝนให้ฟัง..จริงๆ ไม่ต้องรอหน้าฝนก็ได้นะ วันไหนฝนตกก็มีค่าเท่ากัน

ในการเตรียมรถ คุณต้องทำอะไรบ้าง?

นอกจากการตรวจน้ำมันเครื่อง น้ำกลั่นและของเหลวต่างๆ ตามปกติ ก็อย่าลืมนึกถึงแบตเตอรี่เอาไว้บ้าง นึกดูซิ ว่าไอ้ก้อนสี่เหลี่ยมก้อนนั้นน่ะมันอยู่ใต้ฝากระโปรงรถมาเกิน 2 ปีหรือยัง? เพราะหากคุณต้องจอดรถกลางแจ้ง ทำงานกลับบ้านดึกแล้วฝนดันตก หากแบตเตอรี่หมดรถสตาร์ตไม่ติด การขอความช่วยเหลือจากคนอื่นจะยิ่งยากกว่าตอนฝนไม่ตกเสียอีก แบตเตอรี่ส่วนมาก ถ้าคุณไม่ทำบาปมาหนาจริงๆ มันจะอยู่ได้ 2 ปีขั้นต่ำ หลังจากนั้นจะเป็นช่วงเวลาแห่งการวัดใจให้คุณเลือก ว่าคุณจะเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือเซฟเงินไปซื้อโฟโต้เซตสาวไอดอลที่คุณชอบ ผมเองก็ชอบวัดใจครับ แต่ผมพูดได้ว่า 7 ใน 10 ลูกของแบตเตอรี่ที่เคยใช้มา จัดงานศพให้ตัวเองก่อนครบ 3 ขวบทั้งนั้น

ต่อมาคือใบปัดน้ำฝน ซึ่งสมัยนี้คุณสามารถประหยัดเงินได้ด้วยการซื้อจากทางออนไลน์มาเปลี่ยนเองที่บ้าน บางคนอาจจะชอบจอดข้างทางยังร้านที่รับเปลี่ยนเฉพาะยางใบปัด ก็ได้นะครับ แต่ขอแค่ว่าพอติดตั้งเสร็จ ลองฉีดน้ำกระจกแล้วปัดทดสอบดูว่าใบปัดกวาดน้ำได้เกลี้ยงหรือเปล่า ผมเคยลองแล้วพบว่ามันมักจะกวาดน้ำไม่เกลี้ยงเพราะดึงยางไม่ตึง ก็มาไล่ดึงอยู่นานจนเมื่อย ใบปัดคู่ใหม่ของแท้ไม่กี่ร้อยบาทแล้วเดี๋ยวนี้ ส่วนคนที่ติดตั้งเอง พึงระวังตอนยกใบปัดเพื่อถอด/ใส่ รถเยอรมันโดยเฉพาะ BMW คลาสสิกบางรุ่น สปริงขาปัดน้ำฝนเขาแรงเยอะ เพื่อนผมยกที่ปัดน้ำฝนคาไว้ กำลังจะเปลี่ยนแล้วปวดขี้ วิ่งเข้าบ้านไป ลูกชายเล่นโยนบอลกับพี่เลี้ยงแล้วพลาดมาโดน ดีด เพล้ง กระจกร้าวพอๆ กับใจพ่อมัน หาผ้ามารองหนาๆ ณ จุดสัมผัสกร้านซะหน่อยเถอะ พอถอดใบปัด ก็ค่อยๆ เอาก้านลงหนีบผ้าไว้ กระจกไม่เป็นรอยและปลอดภัยด้วย

บางท่านถามว่า แล้วเวลาจอดตากแดด ต้องยกที่ปัดน้ำฝนไว้ไหม เพื่อไม่ให้ยางปัดน้ำฝนโดนกระจกร้อนจนเสื่อม คำตอบคือไม่จำเป็นครับ พลังแดดเมืองไทยถ้าขนาดกระจกยังร้อน คุณว่าโลหะพ่นสีดำที่ยึดยางปัดมันเย็นกว่าหรือเปล่า ผมว่าไม่ หนำซ้ำยกคาไว้บ่อยๆ เข้า สปริงกดก้านปัดมันจะล้าเอา ถ้าสมมติคุณไม่ยกก้านปัด แต่ใช้วิธีเปลี่ยนใบปัดปีละครั้ง การยกก้านปัดก็ไม่ได้ช่วยทำให้มันกลายเป็นสองปี พูดง่ายๆ คือคุณประหยัดเงินไปไม่กี่ร้อยแลกกับชุดก้านปัดพร้อมสปริงใหม่ เลือกเอาตามใจชอบครับ

สิ่งต่อมาที่สำคัญมากคือยาง ยางรถยนต์นี่ล่ะครับ หากท่านใดนิยมใช้ยางแบบเน้นคุ้ม เกิน 50,000 กิโลเมตรแล้วค่อยเปลี่ยน ก็ขอให้เช็กสภาพของดอกยางสักนิด ความลึกของดอกยางที่เหลือ จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเมื่อต้องวิ่งผ่านกองน้ำ ยางจะสามารถรีดน้ำได้ดีแค่ไหน บางคนอาจจะบอกว่า ผมขับช้า ไม่เป็นไรหรอก ก็ขอให้โชคดีแล้วกันครับ เพราะถนนบ้านเราคุณก็รู้ พอฝนตก แอ่งน้ำบนถนนนี้ลุ้นยิ่งกว่าวันหวยออก แอ่งลึกเข้าหน่อย คุณวิ่งแค่ 60 ถ้ายางไม่เหลือดอก รถก็เป๋ได้แล้ว

ต่อมาคือเรื่องของการขับรถหน้าฝน

จากหัวข้อที่แล้วเรารู้ว่าแอ่งน้ำบนถนนไทยเยอะขนาดไหน ช่วงที่ฝนตก คุณไม่ต้องมานั่งดูหรอกครับว่าฝนตกนานแค่ไหนถนนมันจะลื่น ถ้าถนนคลุมด้วยฝนทั้งหมด อนุมานไว้ก่อนว่ามันจะลื่น สิ่งที่คุณควรทำก็คือพยายามอย่างวิ่งเกิน 100 กม./ชม. เมื่อฝนตก ทำไมต้อง 100? เพราะที่ความเร็วนั้น ต่อให้มีน้ำเคลือบถนนเพียงชั้นบางๆ โอกาสที่ยางจะเหินน้ำ จะเพิ่มขึ้นกว่าความเร็ว 60-80 เยอะมาก ต่อให้ดอกยางคุณเทพขนาดไหนก็ตาม โดยเฉพาะรถแต่งซิ่งที่ใส่ยางหน้ากว้าง 245 มม. ขึ้นไป เวลาเจอน้ำหรือแอ่ง คุณมีโอกาสบินได้ง่ายกว่ารถคุณปู่ยางแคบหนังสติ๊กเยอะ เพราะหน้ายางที่กว้างมันเพิ่มพื้นที่ในการออกแรงยกรถขึ้นจากถนนนั่นแหละ หายงงนะ..ว่าทำไมก่อนแต่งซิ่ง ใช้ยาง 195 ชีวิตก็ปกติ ทำไมใส่ 255 แล้วเจอน้ำรถมันเป๋ง่ายขึ้น

การลดความเร็ว ไม่ใช่แค่ทำให้คุณปลอดภัยขึ้น แต่บางทีก็เป็นการปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมถนนด้วยความเคารพ ไอ้พวกที่ชอบซิ่งฝ่าฝน 130-140 รูดผ่านแอ่งน้ำแล้วน้ำกระจายกระเด็นมาปะทะกระจกหน้ารถคันอื่นควรทราบ ว่าน้ำที่มาลักษณะนี้มันทำให้คนอื่นเสียทัศนวิสัยการมองไปหลายวินาที นอกจากนี้เวลาขับเข้าเขตชุมชน ถ้าคุณไม่เร็วเกินไป คุณจะมีเวลาเลี่ยงไม่เหยียบแอ่งน้ำ ไม่ทำให้น้ำกระเด็นชนคุณยายที่รอรถเมล์อยู่จนท่านให้นิ้วแล้วด่าเป็นเพลงแร็ปตามหลัง

เมื่อฝนตกหนักมากจนที่ปัดน้ำฝนทำงานแทบไม่ทัน สิ่งที่คุณควรทำคือ มองหาสวิตช์ไฟฉุกเฉิน...แล้วก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละอย่าไปกด บางคนชอบจัง เปิดไฟฉุกเฉินตอนฝนตกทั้งๆ ที่ความจริง ไฟท้ายคุณก็ไม่ได้มืดขนาดนั้น และไฟเบรกคุณสว่างเท่ากันกับไฟเลี้ยว มันอาจจะโอเคถ้ามีรถบนถนนไม่กี่คัน แต่ถ้ามันมีเป็นสิบๆ คัน พร้อมใจกันเปิดไฟฉุกเฉิน สมมติว่าหนึ่งในรถเหล่านั้นจะเปลี่ยนเลน ดับไฟฉุกเฉิน เปลี่ยนเป็นไฟเลี้ยว ไอ้คันที่วิ่งอยู่ข้างหลังน่ะกว่ามันจะรับรู้ท่ามกลางดวงไฟส้มๆ วาบๆ นั่นน่ะ ยากนะ พอพูดเรื่องนี้เปรี้ยวปาก บางคนชอบดื้อแพ่ง เถียงว่าพอเปิดไฟฉุกเฉินแล้วเห็นจากระยะไกลได้ง่ายกว่า คือมันจริง ถ้าทั้งถนนมีแต่คุณกับรถไม่กี่คัน คุณเคยเจอขบวนไฟส้มสิบกว่าคันพร้อมใจกันเปิดไหมล่ะ?

จริงๆ แล้วไม่ต้องเปิดไฟอะไรทั้งนั้น เอามือไปเปิดใบปัดให้เร็วสุด ใช้สมาธิรักษาระยะกับคันหน้า หรือพยายามเปลี่ยนเลนลงซ้ายเพื่อที่คุณจะสามารถใช้ความเร็วช้ากว่าปกติได้ในกรณีที่วิ่งบนทางด่วน แต่ถ้าวิ่งบนถนนทั่วไปแล้วฝนตกจนคุณไม่สามารถมองเห็นทาง ชิดซ้ายยังจุดที่ปลอดภัยแล้วรอฝนซาลงก็เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

อีกเรื่องหนึ่งที่เลี่ยงไม่ได้เลย และช่วงนี้ฮิตมาก คือการขับรถลุยน้ำ

การลุยน้ำกับการจีบหญิงมีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ มันจะมีเส้นบางๆ ระหว่างความเป็นไปได้กับความโง่ วิธีลุยให้ฉลาดคือ ส่งหน่วยกล้าตายไปก่อนถ้าคุณทำได้ ชีวิตของผมช่วงหนึ่งต้องอยู่กับรถเก๋งที่เตี้ยสนิทและไม่พ้นที่จะต้องลุยน้ำ วิธีดูว่าควรลุยหรือไม่ก็คือ จอดแอบข้างทางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วให้จิตอาสาของเรา ซึ่งอาจจะเป็นลุงในรถ Vios ข้างหลัง ขับผ่านเราไปก่อน เราจอดแล้วดูว่าลุยผ่านตรงนั้นไป น้ำลึกประมาณไหน รถเก๋งทั่วไปมักมีความสูงใต้ท้องต่างกันไม่เกิน 3 นิ้วครับ ดังนั้นถ้าหากคุณเห็นลุง Vios วิ่งเข้าไปในซอยน้ำท่วมสักพัก กันชนหลังของรถแทบจะจมไปในน้ำ มันก็เป็นสัญญาณว่า “ลองอ้อมไปทางอื่นดีไหม?”

ในขณะเดียวกัน รถที่วิ่งสวนมาจากอีกทางก็เป็นจิตอาสาให้เราได้ครับ ถ้าคุณยังสามารถมองเห็นทะเบียนหน้าได้ ก็ไม่น่ามีปัญหากระไร แต่ถ้าหากรถที่สวนมานั้นไฟหน้า กระจังหน้าหายไปในคลื่นน้ำ แบบนั้นเลี่ยงได้เลี่ยงเถอะ ถึงแม้จะมีคนบอกว่าไม่เป็นไร แต่รถบางรุ่นน่ะ ท่อดักอากาศเข้าเครื่องมันเน้นดีไซน์มาอ้าขารับลมจริงๆ พอมาเจอน้ำ มันเลยดูดน้ำเข้าไปได้ง่าย ถ้าน้ำเข้าเครื่องไป ยกเครื่องใหม่ สูญเงินหมื่นเงินแสน เราอยากเสียไหมล่ะ?

เมื่อตกลงใจว่าจะลุยน้ำแล้วจริงๆ ปิดแอร์ เพื่อไม่ให้พัดลมแอร์ทำงาน บางรุ่นพัดลมแอร์โตและส่วนล่างอยู่ชิดพื้นมาก มันจะตีน้ำได้ แล้วจากนั้นก็เริ่มลุยน้ำไป ความเร็วที่ใช้ในการลุยน้ำ ผมแนะนำว่าพยายามให้เร็วคล้ายๆกับพวกเดินออกกำลังกายหรือจ็อคกิ้งความเร็วต่ำๆ บางคนบอกว่ายิ่งเร็ว น้ำก็จะไม่เข้ารถ ก็อาจจะใช่ครับ แต่คราวนี้กลายเป็นป้ายทะเบียน สเกิร์ตลิ้นหน้า หลุดหายไปกับสายน้ำแทน แล้วยิ่งเร็วมาก น้ำก็ยิ่งแหวกจนอาจจะหลุดไปเข้าท่ออากาศได้ ทางที่ดีคือใช้ความเร็วประมาณคนเดินจ้ำเร็วๆ ความเร็ว ไม่สำคัญเท่ากับการพยายามให้รถมีการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอยู่เรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน การลุยน้ำผ่านบ้านเรือนประชาชน ก็ต้องคำนึงถึงหัวอกชาวบ้าน บางทีคุณมาเร็วแล้วแหวกน้ำเป็นคลื่นโต ซัดเข้าบ้านคนอื่น คุณยายตรงบ้านนั่นอาจจะเขวี้ยงมีดแบร์กิลใส่ด้วยความหมั่นไส้

ผมชอบลุยโดยการขับตามรถคันหน้า เพราะถนนบ้านเรามีหลุมขุดไม่กลบ ท่อฝาไม่ปิดเยอะ การมีรถคันหน้าเป็นจิตอาสา มซก. (ย่อมาจากมึงซวยก่อน) ก็ช่วยให้เราเลี่ยงอันตรายที่ไม่ควรจะเกิดได้ เราก็แค่วิ่งตามเขาไปแล้วพยายามให้รถวิ่งทับทางตรงที่เขาวิ่ง ไม่เป๋ออกนอกแนว

และถึงน้ำเข้ารถจริงๆ ความเสียหายที่จะเกิดก็มักจะไม่มาก อย่างมากก็พรมรอบคันแฉะ ชื้น เหม็นอับ สามารถให้คาร์แคร์ถอดเบาะ แกะพรมทั้งแผงออกมาซักได้ ปัญหาก็จบ ไอเดียเสริมให้อีกอย่างสำหรับคนที่ขับรถเก๋งแล้วต้องลุยน้ำบ่อยมากๆ ถ้าคุณลุยจนต้องถอดพรมซัก ตอนตากพรมเสร็จ ไม่ต้องใส่กลับหรอกครับ ปล่อยเป็นพื้นเหล็กเปลือยๆ เอาฟองน้ำ วัสดุซับเสียงทั้งหลาย รวมถึงพรมเก็บไว้ที่บ้าน คราวนี้น้ำเข้ารถ อย่างมากก็เอาฟองน้ำเช็ด จบเรื่อง พอหมดหน้าฝนแล้วค่อยเอาพรมกับทุกอย่างกลับมาติดตั้ง

อีกเรื่องหนึ่งที่เกือบลืมครับ หลังจากลุยน้ำลึกมา และเข้าสู่เขตที่น้ำไม่ท่วมแล้ว อย่าเพิ่งได้ใจสับเกียร์ต่ำลากรอบรีบไปหาแฟนนะครับ เมื่อลุยน้ำมา เบรกจะลื่นมาก คุณแตะเบรกย้ำๆ 2-3 ทีให้คุ้นกับความลื่นของมันสักหน่อย แต่เมื่อมันร้อนได้ที่ มันจะกลับมาใช้งานได้ตามปกติเอง ถ้าเป็นไปได้ จอดรถในจุดที่จะไม่มีคนเมาหรือเล่นมือถือเพลินขับเป๋มาชน แล้วลงไปเช็กหน้ารถสักหน่อย ผมเคยลุยน้ำแบบนี้แล้วพอไปถึงจุดนัดหมาย สาวที่ผมนัดไว้หันมาเห็นหน้ารถแล้วขำ ไอ้ผมก็งงว่าขำหาว่าที่พ่อตาเหรอ เปล่าหรอก ตรงหน้ารถผม ในช่องรับอากาศ มีโป๊หัวฝรั่งเล่มนึงแปะเปียกคาในท่าอ้าอยู่ อะไรมันจะพอดีได้อย่างเฮงซวยขนาดนั้น ไอ้ของพวกนี้บางทีมันติดนานติดทน แล้วพอเราวิ่งไป ตัวมันเอง บังทางระบายลมหม้อน้ำ ความร้อนขึ้นอีกต่างหาก เปิดกระโปรงรถ สำรวจเป็นบริเวณท่อไอเสียว่าไม่มีเศษกระดาษเปียกลอยมาติดด้วย เป็นอันสมบูรณ์ครับ

นี่ละครับ เรื่องราวของการใช้รถหน้าฝนที่อยากจะแชร์ให้ฟังกันวันนี้ หลายเรื่องที่คุณอ่านก็อาจจะมองว่าผมฝอยอะไรไร้สาระ แต่ถ้าเชื่อผมสักครึ่งหนึ่งของที่ผมเขียน ใครจะไปรู้ล่ะครับ คุณไม่มีอะไรต้องเสีย และอาจจะเซฟตัวเอง ไม่ต้องเสียหน้า เสียอารมณ์ เสียรถโดยไม่จำเป็นได้อีกด้วยครับ.

Pan Paitoonpong

คุณกำลังดู: ขับรถหน้าฝน..เราต้องรอดสิ!

หมวดหมู่: เคล็ดลับยานยนต์

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด