ขับรถปิดแอร์ประหยัดน้ำมันจริงหรือไม่?
หลายคนมีความเชื่อว่าการขับรถโดยปิดแอร์ จะทำให้อัตราการกินน้ำมันลดลง ช่วยให้ประหยัดน้ำมันขึ้น แถมยังทำให้รถแรงขึ้นอีกด้วย แต่ในความจริงเป็นเช่นนั้นหรือไม่?
ระบบแอร์รถยนต์ทำให้เปลืองน้ำมันขึ้นจริง
ระบบปรับอากาศในรถยนต์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในปัจจุบัน หากวันไหนเกิดรถแอร์เสีย เป็นอันต้องลางานเพื่อเอารถไปซ่อมแอร์ให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน หรือไม่อย่างนั้นก็ยอมทิ้งรถไว้บ้านแล้วนั่งรถสาธารณะไปทำงานยังจะดีเสียกว่า
หลักการทำงานของระบบปรับอากาศในรถยนต์นั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ “คอมเพรสเซอร์” (Compressor) ซึ่งจะเพิ่มแรงดันของสารทำความเย็น (น้ำยาแอร์) ซึ่งมีสถานะเป็นแก๊ส จากคอยล์เย็น (Evaporator) พร้อมทั้งเพิ่มแรงดันและอุณหภูมิให้สูงขึ้นส่งไปยังคอยล์ร้อน (Condenser) เพื่อระบายความร้อนออกไป จากนั้นเมื่อสารทำความเย็นมีอุณหภูมิลดลงก็จะถูกส่งไปยังวาล์แอร์ (Expansion Valve) เพื่อลดแรงดันและอุณหภูมิให้ต่ำลง ก่อนที่พัดลมแอร์ (Blower) จะเป่าเอาความเย็นนั้นออกมาจากช่องแอร์เพื่อลดอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกเย็นสบายตลอดการเดินทางนั่นเอง
กรณีเป็นแอร์บ้าน คอมเพรสเซอร์แอร์จะให้ไฟฟ้า 220 โวลต์ในการทำงาน แต่สำหรับแอร์รถยนต์จะใช้กำลังเครื่องยนต์จากแรงขับทางสายพานส่วนหนึ่ง เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้ช่วงที่คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงาน กำลังของเครื่องยนต์จะลดลงเล็กน้อย ส่งผลให้เครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้น โดยระหว่างที่คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานนั้น อาจทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นถึง 20% เลยทีเดียว
ถึงปิดแอร์ไม่ได้ แต่ก็ลดอัตราสิ้นเปลืองได้
แม้ว่าการเปิดแอร์จะเป็นสิ่งจำเป็นทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน แต่ผู้ขับขี่สามารถช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองลงได้ ด้วยการปรับอุณหภูมิแอร์ให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการปรับแอร์ให้เย็นจนเกินไป อาจลองปรับอุณภูมิเพิ่มขึ้น 2-3 องศาจากที่ใช้อยู่เป็นประจำ จะทำให้ระยะเวลาทำงานของคอมเพรสเซอร์สั้นลง ส่งผลอัตราสิ้นเปลืองลดลงได้นั่นเอง
เมื่อทราบแบบนี้แล้วหากใครอยากให้รถของตัวเองประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น ก็อย่าลืมนำไปลองทำตามกันดูนะครับ
คุณกำลังดู: ขับรถปิดแอร์ประหยัดน้ำมันจริงหรือไม่?
หมวดหมู่: รถยนต์