ของเยอะขับดีมีความหล่อ ทดสอบ MAZDA 3 2.0 SP SPORT สีใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์
MAZDA 3 2.0 SP SPORT เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 165 แรงม้า 213 นิวตันเมตร สีใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ราคา 1,198,000 บาท
New Mazda 3 รุ่นปรับปรุง ตัวถังฟาสต์แบ็ก 5 ประตู รุ่นสูงสุด 2.0 SP Sport ราคา 1,198,000 บาท ถือเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งแรกของ Mazda 3 เจเนอเรชันล่าสุด โดยให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยในการขับ มีการพัฒนารถรุ่นนี้ให้มีความสมบูรณ์แบบในเรื่องของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมากขึ้น เพิ่มออปชั่นและอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น คือ รุ่น 2.0 C/C Sports ได้แก่ ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS, ไฟหน้าโปรเจกเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature, ไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบเซนเซอร์กะระยะด้านหลัง และกล้องมองหลัง เพิ่มระบบเซนเซอร์กะระยะด้านหน้า, Sports Paddle Shift, ไฟหน้าโปรเจกเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature และระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS เข้ามาในรุ่น 2.0 S/2.0 S Sports รวมถึงหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า และระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS ในรุ่น 2.0 SP/ 2.0 SP Sports พร้อมสีภายนอกใหม่ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิทัล แบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลแบบสี MID และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า
New Mazda 3 รุ่นฟาสต์แบ็ก 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู จำหน่ายในราคาเดียวกัน
New Mazda 3 รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports ราคา 979,000 บาท
New Mazda 3 รุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports ราคา 1,069,000 บาท
New Mazda 3 รุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports ราคา 1,198,000 บาท
แคมเปญ แนะนำ New Mazda 3 ดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda
Premium Insurance 1 ปี ตั้งแต่วันนี้จนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565
สีใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ทำให้ Mazda 3 รุ่นปรับปรุงดูแปลกตาและสวยงาม รุ่นสูงสุด ยังให้หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ LED ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature ไฟท้าย LED Signature
สำหรับรุ่นปรับปรุงของ Mazda 3 มีการเติมอุปกรณ์ให้น่าใช้มากยิ่งขึ้น
เช่น
-เพิ่มระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS ในรุ่น 2.0 C และ
2.0 S
-เพิ่มระบบเซนเซอร์กะระยะด้านหลัง และกล้องมองหลัง ในรุ่น 2.0 C
-เพิ่มระบบเซนเซอร์กะระยะด้านหน้า และ Sports Paddle Shift ในรุ่น 2.0
S
-อัปเกรดความเร็วสูงสุดของระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า
CTS สามารถทำงานได้ถึง 145 กม./ชม.
-ระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
-เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง
พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง
-เทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE กว่า 12 ระบบ
Mazda 3 2.0 SP Sports รุ่นปรับปรุง มาพร้อม หลังคาซันรูฟไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบาย เช่น กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, ระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง, กล้องแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง พร้อมเซนเซอร์เสียงแจ้งเตือนเมื่อขับเข้าใกล้กับสิ่งกีดขวาง, ระบบไฟหน้า LED ระบบ i-Activsense ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ LED ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lamp) แบบ LED Signature, ไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS, ระบบไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ, มาตรวัดดิจิทัล แบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี MID, หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า, ระบบเซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด, หน้าจอสี Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุม Center Commander, ระบบควบคุมความเร็วคงที่, ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold, กล้องมองหลัง, ถุงลมนิรภัยรวม 7 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ ระบบ i-Activsense
ภายนอกโดนใจคนชอบรถแฮตช์แบ็ก หน้าตาที่หล่อเหลาคมเข้มและดุดันของ Mazda 3 รุ่นตัวถัง 5 ประตู Fastback วางกระจังหน้าและกันชนหน้าให้แตกต่างจากรุ่นตัวถังซีดาน 4 ประตูอย่างชัดเจน กระจังพลาสติกสีดำเงา เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ซับซ้อนแต่สวยงาม ไฟหน้า LED พร้อมระบบไฟอัตโนมัติที่ทำงานได้เร็ว เพิ่มกำลังในการส่องสว่างให้เห็นในที่มืดได้อย่างชัดเจน ระบบไฟอัตโนมัติสามารถยกไฟสูงเมื่อขับเข้าสู่ถนนที่ปราศจากแสงไฟหรือลดไฟสูงอย่างรวดเร็วเมื่อมีรถแล่นสวนมา ความฉลาดของเซนเซอร์ในระบบไฟแบบใหม่ในบางจังหวะยังคงคาไฟสูงเอาไว้แต่ใช้การเบี่ยงเบนลำแสงเพื่อไม่ให้ไปแยงตารถรอบข้างทั้งการขับตามหลังหรือการแล่นสวนทางกัน
Mazda 3 รุ่นใหม่มีเสาหน้าที่บางเฉียบ เชื่อมโยงกับมุมของฝากระโปรงหน้าได้อย่างไหลลื่น เสาหน้ามีองศาของความลาดเอียงเพื่อลดแรงต้านของกระแสลม ผืนหลังคาค่อยๆ ลาดเทลงไปยังส่วนท้าย เสาหลังโค้งรับกับแนวของบานประตูหลัง ฝาท้ายติดตั้งสปอยเลอร์สีดำที่ด้านบน ไฟท้ายแบบแยกส่วนใช้หลอด LED เพื่อเพิ่มความสว่างทั้งไฟหรี่และไฟเบรก มิติตัวถังในรุ่น 5 ประตู Fastback มีความยาว 4,460 มิลลิเมตร กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,435 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อวัดจากดุมล้อหน้าไปหลัง 2,725 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,570 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หลัง 1,580 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้อง 135 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 เมตร น้ำหนักตัวรถทั้งคันอยู่ที่ 1,382 กิโลกรัม
การเลือกใช้วัสดุที่ดูดีมีคุณภาพ เพื่อยกระดับงานตกแต่งภายในห้องโดยสาร ต้องยกนิ้วให้กับดีไซเนอร์ของ Mazda ในจุดนี้ ทำออกมาได้ดี จากรูปแบบที่ทันสมัย (คล้าย BMW และ Audi ในบางจุด) วัสดุที่ใช้ก็ดูดีมีความนุ่มนวลเมื่อสัมผัส ทั้งแดชบอร์ดคอนโซล แผงประตู ซุ้มเกียร์ และพวงมาลัย มาตรวัดแบบใหม่ TFT LCD จอมอนิเตอร์ขนาด 8.8 นิ้วที่มีหน้าตาเหมือน BMW ส่วนพวงมาลัยหุ้มหนังแท้ทรงสามก้านพร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นและแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ก็คล้าย Audi ถือว่าทำออกมาได้น่าใช้น่าขับและเหนือกว่าภายในของรถคู่แข่งอย่างชัดเจน
อุปกรณ์ใช้งานครบครันทุกฟังก์ชั่น ภายในเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ผ่านการออกแบบและพัฒนาใหม่ทั้งหมดทุกรายละเอียดโดยออกแบบให้คนขับเป็นจุดศูนย์กลางในการจัดวางตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเหมาะสม เบาะดีไซน์ใหม่ รองรับสรีระช่วยให้กระดูกเชิงกรานตั้งตรง แนวกระดูกสันหลังคงรูปตัว S เหมือนขณะเดิน เพื่อให้การขับขี่ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติและสมดุล เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับ 2 ตำแหน่ง ส่วนเบาะคนนั่งยังคงใช้การปรับด้วยมือและน่าจะให้มาเป็นแบบไฟฟ้าคู่หน้าได้แล้ว เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ Mazda Connect ครบทุกฟังก์ชั่น โซเชียลมีเดีย หรือ รับ-ส่ง SMS ผ่านสัญญาณ Bluetooth Apple CarPlay® และ Android Auto™* เชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ใช้งานฟังก์ชั่นสำคัญๆ โดยแสดงผลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่ม Center Commander ระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
Active Driving Display ประกอบด้วยหน้าปัดมาตรวัดดิจิทัล TFT LCD หน้าจอ HUD head up display แสดงข้อมูลการขับขี่แบบสียิงสะท้อนบนกระจกตรงหน้าผู้ขับ ระบบเชื่อมต่อสื่อสาร Mazda Connect จัด Apple CarPlay แสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสีด้วยจอมอนิเตอร์แบบใหม่ Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่ม Center Commander ห้องโดยสารเพิ่มเติมวัสดุซับเสียงที่ทำให้เงียบขึ้น
ตำแหน่งท่านั่งขับที่ดีและลงตัวกับการควบคุม เบาะปรับไฟฟ้าเฉพาะคนขับกดลงต่ำได้ดั่งใจคล้ายการขับรถสปอร์ตของแบรนด์ Zoom Zoom จากการออกแบบให้เบาะคนขับสามารถปรับลงจนเตี้ยติดพื้น ไม่ลอยโด่งเหมือนรถคู่แข่ง SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้ New Mazda 3 มีความคล่องตัวสูง กระชับและขับในเมืองที่มีรถหนาแน่น วิศวกรโครงสร้างและออกแบบเบาะนั่งแบบใหม่ที่ใช้ใน New Mazda 3 โดยเฉพาะ ปรับปรุงโครงสร้างของเบาะรองนั่งแบบใหม่ ใช้โครงสร้างตัวเบาะที่ปรับแต่งเพื่อความสบายและปลอดภัย ให้ความรู้สึกเชื่อมโยงและเป็นจุดศูนย์กลางในการควบคุมรถยนต์ที่เป็นธรรมชาติ เพื่อรักษาสมดุลขณะที่รถกำลังขับเคลื่อน ส่วนประกอบต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อคนขับและผู้โดยสาร เช่น เบาะนั่ง ตัวถัง แชสซี ยาง ล้อ และระบบรองรับ ผ่านการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อปรับให้ดีกว่าเดิม สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ของ Mazda ตำแหน่งท่านั่งเน้นไปที่ความสะดวกสบาย การจัดวางฟังก์ชั่น รวมถึงการออกแบบที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวภายใต้งานวิศวกรรม Skyactiv แพลตฟอร์มแบบใหม่ที่สามารถสื่อสารระหว่างรถยนต์กับคนขับเป็นแนวคิดที่ Mazda ใช้มานานในรถ RX-7 รวมถึง Mazda MX-5 และ Mazda RX-8
Skyactiv Body ภายใต้แนวคิดเส้นตรงและต่อเนื่อง โดยทำการปรับแต่งแชสซี ระบบรองรับและตัวถังให้มีความแข็งแรงมากขึ้น โครงสร้างรูปวงแหวนที่เชื่อมต่อกับแชสซีในแนวดิ่งและแนวขวางในตัวถังของรถยนต์ Mazda รุ่นก่อนหน้านี้ วิศวกรของ Mazda ได้เพิ่มการเชื่อมต่อจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อปรับโครงสร้างแบบวงแหวนหลายทิศทางที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งในแนวทแยง แผงข้างด้านหน้า จุดยึดตัวหน่วงด้านหน้าและด้านหลัง การเปิดประตูบานหลังได้รับการวางตำแหน่งใหม่เพื่อประสิทธิภาพที่ขึ้นตรงกับการวิเคราะห์ทิศทางของพลังงานที่ถูกถ่ายเทตลอดการขับเคลื่อน
เทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE เกิดจากความต้องการความแข็งแกร่งที่มากขึ้นของโครงสร้างตัวถัง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ขณะเดียวกันก็ต้องการอัตราเร่งและการประหยัดเชื้อเพลิงที่มากขึ้น เหล็กกล้า High Tensile Steel ที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งถูกนำมาทดแทนโครงเหล็กซึ่งจะส่งผลให้น้ำหนักตัวรถเพิ่มขึ้น และเป็นภาระต่อการควบคุมขับขี่ แพลตฟอร์มใหม่ที่เน้นด้านระบบรองรับจัดการกับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงสร้างตัวถังแบบวงแหวนหลายทิศทาง (Multi-directional Ring Structure) รองรับแรงเค้นได้ดีขึ้น สามารถกระจายแรงปะทะที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
Mazda ปรับการทำงานของยาง โดยหันมาใช้ยางนุ่มเงียบอย่าง Yokohama db ไซส์ 215/45R18 เพื่อทำให้สามารถถ่ายเทประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ โดยเน้นไปที่ความยืดหยุ่นในแนวดิ่งของยางและการยึดเกาะ (แม้ยางเงียบจะเกาะถนนไม่ดีเท่ายางสปอร์ตที่ส่งเสียงดัง) วิศวกร Mazda พยายามปรับระบบรองรับในรถยนต์รุ่นใหม่ให้เข้ากับระบบรักษาเสถียรภาพ Mazda G-Vectoring Plus ซึ่งเป็นอุปกรณ์ควบคุมความสมดุลในย่านความเร็วต่ำ ในขั้นตอนของการพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อทำให้การทรงตัวของ Mazda 3 มีความเสถียร ควบคุมได้ง่าย นั่งสบายในย่านความเร็วต่ำ ยางล้อคือชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่ดูดซับแรงสั่นสะเทือนและช่วยลดแรงกระแทกในระดับสูงสุด ในขณะที่การถ่ายเทน้ำหนักที่เกิดขึ้นในระหว่างการเลี้ยวก็มีความสมดุล ทำให้ควบคุมทิศทางของรถได้ง่ายยิ่งขึ้น ยางรุ่น db ของ Yokohama มีส่วนช่วยลดเสียงการทำงานของยางขณะบดลงไปบนผิวถนน
แรงสั่นสะเทือนที่ถูกส่งถ่ายผ่านระบบรองรับมายังแชสซี การลดแรงต่างๆ ถูกปรับปรุงเพื่อลดอาการสั่นสะเทือนและลดเสียงรบกวนจากการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ เสียงลมและเสียงยาง การปรับปรุงให้ห้องโดยสารเงียบปราศจากเสียงแปลกปลอมจากภายนอกเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญ Skyactiv Vehicle Architecture เป็นก้าวย่างสำคัญของประสิทธิภาพด้านการเก็บเสียง ลดแรงสั่นสะเทือน อาการกระด้างของช่วงล่าง จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับกลไกการรับฟังของมนุษย์ ผู้ขับจะรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อมีเสียงแปลกปลอมและแรงสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ภายใต้สภาวะปกติ Mazda 3 พยายามปรับลดเสียงแปลกปลอมจากภายนอกด้วยวัสดุซับเสียงและมาตรการป้องกันเสียงจากภายนอกรวมถึงเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ รวมถึงอาการสั่นสะเทือนเมื่อขับผ่านผิวถนนที่ไม่เรียบ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างรถยนต์ที่มีห้องโดยสารเงียบสงบและมีการสั่นสะเทือนน้อยลงกว่าเดิมเมื่อวิ่งบนผิวถนนที่ขรุขระ คุณลักษณะของตัวหน่วงพลังงานที่ลดอาการสั่นสะเทือนมีความสำคัญในแง่มุมของการควบคุมรถยนต์ทั้งในเวลาที่มีเสียงรบกวนจากภายนอก Mazda ใช้ตัวหน่วงที่มีประสิทธิภาพแบบใหม่ซึ่งรวมไปถึงพันธะของการหน่วง ขึ้นอยู่กับคุณลักษณะของจุดที่พลังงานมีแนวโน้มที่จะเกิดความหนาแน่น
เครื่องเสียง Bose® Sound System 12 speaker premium audio นี่คือรถราคา 1.1 ล้านที่มีเครื่องเสียงติดรถยนต์ดีสุดในวงการกันเลยทีเดียว ยืนยัน นั่งยัน และนอนยันกันเลยว่าในรถคลาสเดียวกัน Bose® Sound System นั้นแจ่มสุด เสียงแหลมใสปิ๊ง เสียงกลางไม่บาดหู พลังของเบสหนักแน่นใช้ได้ จากซัพวูฟเฟอร์ที่อยู่ด้านหลัง ถ้าจะเอาดังกว่านี้เดี๋ยวจะเสียสมาธิเวลาขับ การเชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธเพื่อเล่นเพลงมีความรวดเร็ว ระบบสามารถจดจำการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ ทำให้เกิดความสะดวกเวลาใช้งานจริง
ช่วงล่างคานแข็ง ทอร์ชั่นบีม ที่ระบบรองรับด้านหลัง ไม่ได้ทำให้ Mazda 3 รุ่นใหม่ มีการขับที่แย่ลง หลายคนพอเห็นว่าเป็นช่วงล่างทอร์ชั่นบีมก็ทำหน้าตารังเกียจ คิดว่าชิ้นส่วนที่ลดลงจากการเปลี่ยนมาใช้ระบบคานแข็งน่าจะทำให้การทรงตัวแย่ลง แต่กลับไม่ใช่ ทอร์ชั่นบีมที่เซตมาใน Mazda 3 ใหม่ ลงตัวกับแพลตฟอร์มจนไม่ส่งผลกระทบ หรือทำให้การทรงตัวเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง คุณสามารถเข้าโค้งได้เร็วขึ้นด้วยการยึดเกาะทั้งส่วนหน้าและหลังที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว มันเป็นรถแฮตช์แบ็กที่สามารถขับเข้าออกโค้งได้อย่างเมามันและสามารถสนุกกับสไตล์การขับของรถรุ่นนี้ได้ทุกเมื่อ ช่วงล่างแบบสปอร์ตของ New Mazda 3 หนึบแน่นมากขึ้น มีแอบกระด้างในบางจังหวะจะโคนที่เจอกับผิวถนนไม่เรียบ แต่ไม่ได้ทำให้สะเทือนจนรู้สึกแย่ ยาง DB เมื่อขับบนทางปูนซีเมนต์มีเสียงการทำงานที่เงียบขึ้น ความหนึบของช่วงล่างทำให้เข้าโค้งได้มั่นใจ โดยเฉพาะถนนที่มีโค้งแคบๆ วกไปวนมา บางโค้งก็พร้อมจะเหวี่ยงรถออกไปนอกถนนหากใช้ความเร็วสูงเกินไป แต่การยึดเกาะที่ยอดเยี่ยมของมันทำให้คุณรู้สึกดี
น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ Mazda 3 ในไทย ไม่มีรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบประจำการ มีเพียงแค่เครื่อง 2.0 ลิตร หายใจเองโดยไม่มีระบบอัดอากาศที่ใช้มานานมากแล้ว เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รุ่นเดิม แต่มีการปรับปรุงเพื่อเติมเต็มประสิทธิภาพการทำงาน ระบบส่งกำลัง 6 สปีด ปรับเซตอัตราทดมาเพื่อการถ่ายเทแรงบิดที่ตอบสนองได้ดี เครื่องยนต์และเกียร์ก็ทำงานร่วมกันได้อย่างเนียน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเมื่อขับแบบปกติอยู่ที่ 11.5 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าขับเร็วๆ และเมื่อขับในย่านความเร็วต่ำ อัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นนิดเดียวเท่านั้น เครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0 ลิตร เป็นเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว ฝาสูบและแคมชาร์ปแบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC มีการติดตั้งระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual S-VT ปริมาตรความจุ 1,998 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1 กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดทำได้แค่ 213 นิวตันเมตรในย่าน 4,000 รอบต่อนาที ส่วนชุดส่งกำลังใช้เกียร์ออโต้ลูกเดิม Skyactiv-Drive 6 สปีด ขับเรื่อยๆ พอใช้ได้ เครื่องยนต์ตอบสนองดี แต่ถ้าวางเครื่องเบนซินเทอร์โบ 2.5 ลิตรที่ประจำการอยู่ใน CX-5 รุ่นปรับโฉมก็น่าจะทำให้ Mazda 3 ใหม่มีสมรรถนะที่ดีขึ้น เนื่องจากช่วงล่างหนึบๆ ของมันสามารถรองรับม้าระดับ 230 ตัวได้อย่างสบายๆ
Mazda 3 2.0 SP Sport Fastback รุ่นปรับปรุง เป็นรถที่ขับสนุก ทรงตัวดีตามสไตล์ Mazda อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบช่วยขับเพื่อความปลอดภัย ใส่มาให้จนล้น หลังคาซันรูฟไฟฟ้าช่วยทำให้หลายคนตัดสินใจได้เร็วขึ้น เป็นรถที่มีกำลังเครื่องยนต์อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เกียร์ดีแม้จะเป็นเกียร์ที่ใช้มานาน แต่การปรับซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานของชุดส่งกำลัง ทำให้เกียร์ 6 สปีดลูกนี้ มีประสิทธิภาพใช้ได้ ตอบสนองต่อการทดกำลังได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการขับบนเส้นทางภูเขา แป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและใช้งานได้จริง ช่วยลดหรือเพิ่มอัตราทดไปตามสภาพเส้นทางได้ดั่งใจ สิ่งที่มาพร้อมกับการทรงตัวที่ดีก็คือ ความแม่นยำของพวงมาลัยไฟฟ้า และน้ำหนักที่พอดิบพอดีในทุกย่านความเร็วของชุดบังคับเลี้ยว ทำให้ Mazda 3 เป็นรถที่ขับง่ายและสนุก เครื่องเสียงดี Bose แม้จะมีกำลังขับไม่มาก แต่ให้ความคมชัดและมิติของเสียงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยภาพรวม ของที่ใส่เข้ามาให้ กับค่าตัวเฉียดๆ 1.2 ล้าน คิดคำนวณดูแล้ว มันก็เป็นรถที่มีอุปกรณ์บางอย่างเหนือกว่ารถคู่แข่ง รวมถึงความสวยงาม ขับสนุกและมีราคาที่เหมาะสม นอกจากจะหล่อแล้ว ยังขับได้อย่างโดนใจแบบนี้ ชักอยากได้สักคันแล้วล่ะครับ.
เทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ประกอบด้วย
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind
Spot Monitoring)
ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross
Traffic Alert)
ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart
Brake Support-Reverse Crossing)
ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS (Adaptive Front-Lighting
System)
ระบบเตือนเมื่อเกิดความอ่อนล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention
Alert)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane Keep Assist System)
ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning
System)
ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake
Support-Reverse)
ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic
Support)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced
SBS (Advanced Smart Brake Support)
ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
คุณกำลังดู: ของเยอะขับดีมีความหล่อ ทดสอบ MAZDA 3 2.0 SP SPORT สีใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์
หมวดหมู่: รถยนต์