คุยกับ Bear Knuckle ถึงปาฏิหาริย์เพลง “DONG” และทีป็อปไร้กรอบที่พาวงไปไกล
พูดคุยกับวงทริโอ้ฮิปฮอปแดนซ์ ในวันที่เพลงเพลงเดียวพลิกชีวิตทั้ง 3 แบบไม่ทันตั้งตัว
หลังผ่านการเปลี่ยนแปลงสมาชิก ปลายปี 2564 วงฮิปฮอปแดนซ์ Bear Knuckle ที่มาพร้อมเมมเบอร์อย่าง Bubblegum หรือ เจอาร์-พชร รักการค้า ศิลปินน้องใหม่สายเลือด LGBTQ และ J Jazzsper หรือ เจนจ๋า-จันทรลักษณ์ บูรณถาวรสม ผู้เข้ารอบสุดท้าย The Rapper ซีซั่น 2 และ M-PEE หรือ หมี-ธิติสรณ์ พันชะตา แร็ปเปอร์มากประสบการณ์ ได้ถึงเวลาเดินหน้าปล่อยผลงาน หลังไฟนอลสมาชิกทั้ง 3 โดยเริ่มจากเพลง "ZOOM" ที่มียอดวิวหลักล้าน ก่อนที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จจากเพลง “DONG” ที่ทะลุ 30 ล้านวิวอย่างสวยงาม
และในวันที่เพลง “DONG” ประสบความสำเร็จสุดๆ มันก็เป็นประตูให้วงได้ทำหลายๆ สิ่ง ทั้งการทัวร์คอนเสิร์ต การได้ทำเพลงกับศิลปินที่ชอบ และล่าสุดในวันที่พวกเขาทำเพลง “อย่าจับ” เราได้มีโอกาสพูดถึงเพลงใหม่ และโอกาสที่ได้รับจากความสำเร็จเพลง “DONG” รวมถึงความฝันพวกเขาในฐานะศิลปิน
จากวลีบนเวที สู่เพลงใหม่
หลังจากเพลง “DONG” ประสบความสำเร็จ วง Bear Knuckle ได้กลับมาพร้อมเพลง “อย่าจับ” ซึ่งผลงานนี้จากวลีที่พูดโดยบังเอิญของสมาชิก ที่มาลงล็อคกับดนตรีที่ทางวงมี ตามคำกล่าวของ M-PEE
“เพลง “อย่าจับ” จริงๆ แล้ว ผมไปได้บีทมาแล้ว และไม่รู้จะใส่คอนเซ็ปต์อะไรดี เพราะพอไปทัวร์เผลอเอามือไปจับเจน แล้วเขาบอกมาว่า “อย่าจับ” เลยได้ไอเดียเป็นเพลงนี้ขึ้นมา ตอนแรกเราเป็นดิสโก้ใน “เอวติดไฟ” เป็นยุค 2000 เพลงเต้นยุคเก่า วงเราจะเป็นฮิปฮอปแดนซ์ ก็จะพยายามแดนซ์ในทุก Element ครับ เพลงนี้กระแสตอบรับไปทางที่ดี เพราะคนชอบฟังมันติดหู มันดีใจกับเรา ก็อยากให้กระแสเพลงนี้เป็นไวรัลเหมือนเพลง “DONG”
ด้วยความที่เป็นเพลงที่มาหลังผลงานสุดฮิต ทำให้สมาชิกยอมรับว่าผลงานนี้มากับความกดดัน โดย Bubblegum ได้เล่าถึงการทำงานว่า “กระบวนการทำเพลงเราไม่ได้กดดัน เราแค่รักษาธีมไว้ว่าวงเราจะไปทางไหน อย่างที่บอกเราเป็นฮิปฮอปแดนซ์ เลยมาตีความที่เพลงนี้จะเป็นฮิปฮอปแดนซ์มาปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อน จากเพลง “DONG” จะเป็นฟีลกล้าๆ กลัวๆ หยอดๆ ยังไม่ชัด แต่รอบนี้มาบุกบ้านหมีหน่อย มาดูว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ”
ปาฏิหาริย์เพลง “DONG” ที่ทำให้คนอยากรู้จัก Bear Knuckle
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าความฮิตของเพลง “DONG” คือสิ่งที่ทำให้วงได้รับโอกาสเยอะมาก จน Bubblegum เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงด้วยเสียงที่ตื่นเต้น ว่านอกจากเพลง "DONG" จะดังแล้ว ตอนนี้ตัวของ Bear Knuckle เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย
“เป็นไปในทางที่ดีใจและเกินคาด ตอนแรกไม่ได้คาดหวังเลย ตอนแรก “DONG” มันดร็อปไปแล้ว สักพักมันพลิกมามีกระแสมา รวมถึง “เอวติดไฟ” เพลงแรก คนก็มา Explore วงมากขึ้น มีกระแสอีกรอบ”
และสาวแซ่บอย่าง J Jazzsper ก็ขยายความต่อว่า ความดังมันมาเร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาเตรียมโชว์ด้วยซ้ำ ซึ่งเธอเผยว่า “ทัวร์แรกของเราคือเตรียมตัวหน้างานเลยค่ะ ทุกการแสดงคือการฝึกซ้อม พอตารางงานเข้ามาเรื่อยๆ คือเราต้องพยายามเริ่ม เราเล่นหนึ่งชั่วโมง เพลงมันก็จะเยอะ ก็ต้องฝึกร่างกายค่ะ ให้ร่างกายแข็งแรง”
ความดังของเพลง “DONG” นำพาสู่การร่วมงานที่รอคอย
นอกจากแฟนเพลงจะรู้จัก Bear Knuckle แล้ว ผลงานเพลง “DONG” ยังทำให้หลายคนรู้จักวง รวมถึงวง บลูเบอร์รี่ อาร์สยาม ที่ตัดสินใจทำเพลง “กิมจิ” ร่วมกับวง Bear Knuckle ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ Bubblegum ตื่นเต้นและตั้งคำถามไปพร้อมกันเลย
“เราก็งงว่าโปรเจกต์นี้มาได้ไง เพราะคงมาทางผู้ใหญ่ เราเองก็นับถือพี่ๆ อยู่แล้ว ก็ชอบโชคดีมากๆ ที่คุยกับพี่ๆ ที่ตาม “DONG” และเราที่ตามพี่ๆ มาตั้งแต่เด็ก ก็เป็นสามสาวบลูเบอร์รี่ และ 3 วาไรตี้ Bear Knuckle มาผสมเข้าด้วยกันค่ะ กระแสตอบรับก็รัน TikTok อยู่ค่ะ”
ส่วน M-PEE ก็ได้ยืนยันว่าเพลง “กิมจิ” เป็นกระแสใน TikTok โดยยืนยันและขอบคุณผู้ใช้ว่า “ฟีดแบคดีมากเลย มีส่วนหนึ่ง มันเป็นเรื่องของ TikTok ที่คนทำต่อ เอาไปแชร์กันต่อ ก็ต้องขอบคุณตลาดนี้จริงๆ ครับ”
การร่วมงานในฝันของ Bear Knuckle
เนื่องจากที่ผ่านมาค่าย High Cloud Entertainment ได้พาศิลปินอินเตอร์ที่หลายคนคาดไม่ถึงมาฟีทเจอริ่งกับศิลปินในค่าย ทำให้เราได้ถามสมาชิกว่าอยากร่วมงานกับใคร โดยต้องบอกเลยว่า 3 คน 3 สไตล์จริงๆ
โดย M-PEE ที่ชอบแนวลาตินได้เผยว่า “ถ้าเอาของผมก็ขอฟีทกับ Shakira ครับ อันนี้ของผมนะครับ ถ้าความจริงเราต้องอยากไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็จะย่านนั้น”
ส่วน J Jazzsper ก็ได้แสดงออกความเป็นสายเคป็อปว่า “ได้ทำเพลงกับศิลปินต่างชาติมันก็ถือเป็นโอกาสที่ดีระดับหนึ่งแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้จะชอบเคป็อป ก็อยากร่วมเคป็อป ก็ชอบหมื่นล้านคน (หัวเราะ) อย่าง CL 2NE1”
และ Bubblegum ก็ได้ปิดท้ายว่าการร่วมงานในฝันของเธอ มีคนเดียวจริงๆ โดยเล่าว่า “ของหนูก็คุณแม่ Nicki Minaj แค่ไม่ต้องฟีทเจอริ่ง แค่แม่มากดไลก์มารีทวิตเพลงของหนู ก็ Nicki Minaj เป็นสารตั้งต้นในการแร็ปของหนูเลยค่ะ”
ความไร้กรอบ คือเสน่ห์ของ T-POP
ในช่วงท้าย เราได้ถามมุมมองเกี่ยวกับวงการทีป็อปกับ Bear Knuckle โดยทาง Bubblegum มองว่าความไร้กรอบ คือเสน่ห์และสิ่งที่น่าจะพาทีป็อปไปได้ไกล เพราะทุกคนจะมาสนุกกับเพลงไทยได้แบบไม่ต้องแคร์กำแพงภาษา ขอแค่ผลงานมีคุณภาพ
“มันเป็นสิ่งที่ดี ที่เราควรเอาของดีคนไทยออกไป คือเพลงมัน Borderless (ไร้กรอบ) อย่าง “DONG” มัน Borderless คือคนไม่รู้ว่ามันเป็นภาษาอะไร แต่แค่ออกไปเต้นค่ะ ไม่ใช่แค่คนไทยเต้น เพื่อนบ้านก็เต้น ลาตินก็เต้น มันทำให้เรารู้ว่าเพลงไทยดีๆ มีอยู่เยอะค่ะ มันถูกแล้วที่เราต้องโกอินเตอร์ไม่ว่าจะตะวันออก หรือ ตะวันตก”
ส่วน J Jazzsper ก็เสริมว่า “อยากเห็นทีป็อปโตไปเรื่อยๆ เด็กสมัยนี้ก็เริ่มต่อสู้ตามความฝัน ก็ทุกคนผลักดันวงการทีป็อปไป เราเชื่อว่ามันจะไปอยู่บนเวทีระดับโลกได้ค่ะ”
โดยคำถามสุดท้าย เราได้เป็นตัวแทนถามเรื่องที่หลายคนอยากรู้ว่า เราจะได้เห็นเพลงช้าจากวง Bear Knuckle ไหม ซึ่ง Bubblegum ตอบสั้นๆ แต่ให้เราตื่นเต้นว่า “มันมีแน่นอนอยู่แล้วค่ะ เพราะมันต้องมีอะไรมาตัดมู้ด แต่จะช้าแบบไหน ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ”
Photo by Ditsapong K.
อัลบั้มภาพ 35 ภาพ ของ คุยกับ Bear Knuckle ถึงปาฏิหาริย์เพลง “DONG” และทีป็อปไร้กรอบที่พาวงไปไกล
คุณกำลังดู: คุยกับ Bear Knuckle ถึงปาฏิหาริย์เพลง “DONG” และทีป็อปไร้กรอบที่พาวงไปไกล
หมวดหมู่: เพลง