กระแต ศุภักษร น้ำตาซึมเล่านาทีชีวิต คุณพ่อจากไปเพราะมะเร็งตับ (คลิป)
กระแต ศุภักษร น้ำตาซึม เล่านาทีชีวิตตอนตัดสินใจพาคุณพ่อกลับบ้าน ก่อนคุณพ่อจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะโรคมะเร็งตับ
คุณแม่ลูกสองสุดแซ่บ สำหรับ กระแต ศุภักษร ที่วันนี้จะมาอัปเดตภาวะจิตใจหลังคุณพ่อจากไปกะทันหันด้วยโรคมะเร็งตับ ผ่านทางรายการ "คุยแซ่บ show" ทางช่องวัน 31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
เสียใจด้วย คุณพ่อจากไปเมื่อเดือนมกราคม
ตอนนี้โอเคไหม?
กระแต : คือเป็นคนที่เห็นรูปไม่ได้
ที่กระแตไม่ได้ลงอะไรเกี่ยวกับพ่อเยอะ เพราะพอลงแล้วเห็นไม่ได้
ตอนนั้นคุณพ่อเป็นมะเร็งที่ตับ?
กระแต : ค่ะ ใช่ค่ะ เราสู้กันมา 2 ปีค่ะ
พ่อบอกตลอดไหมว่าเป็นยังไงบ้าง ไปให้คีโม หรือว่าเวลาเขาไป
เขาไปเงียบๆ?
กระแต : เขาอยู่ที่เชียงใหม่
แล้วเขาก็ไปโรงพยาบาลที่เชียงใหม่กระแตคิดว่าเขากับแม่ปิดกระแตเรื่องนี้
เหมือนกลัวเราไม่สบายใจ
ทุกวันนี้กระแตก็ยังงงในคำตอบเขาอยู่ว่าสรุปเขารู้หรือไม่รู้
แต่เรามารู้จริงๆ คือระยะสุดท้ายแล้ว ก็คือเป็นช่วงปีหลังๆ
ถ้าเลือกได้อยากจะรู้ตอนเขาเป็นตอนแรกเลยไหม?
กระแต : ถ้าเลือกได้จะทำอย่างนั้นเลยค่ะ
คือกระแตปรึกษาหมอแล้วว่าเรารู้ระยะ 1 ระยะ 2 เราแก้ไขได้ไหม
เขาบอกแก้ไขได้ มีสิทธิ์ที่จะหาย
แต่เมื่อระยะสุดท้ายแล้วก็ต้องสู้กันไปว่าคุณจะสู้ขนาดไหน
แสดงว่าเรารู้สุดท้ายเลย?
กระแต : ภาวะค่อนข้างเยอะแล้ว
ตอนที่คุณแม่บอกว่าคุณพ่อไม่สบาย
อธิบายว่าไม่สบายด้วยเรื่องอะไร?
กระแต : เขาบอกว่ามีก้อนเนื้อที่ตับ เราก็ไม่รู้ว่าก้อนเนื้อคืออะไร
เราก็ให้ไปรักษา แล้วกลับมารักษาที่กรุงเทพฯบ้าง จนช่วง 2
ปีหลังที่กระแตรู้ คุณหมอมาบอกเราว่าไม่รู้เหรอ
นึกออกไหมว่าคุณหมอเวลาพูดคำว่าก้อนเนื้อกับเนื้อร้ายมันต่างกันนะคะ
คือก้อนเนื้อ เราก็มองเป็นก้อนเนื้อไง แต่เนื้อร้ายคือเนื้อร้าย
ตอนนั้นก็มึนๆ งงๆ พอรู้ก็รีบรักษา
สุดท้ายหมอบอกเราว่า พ่อเหลืออีก 3
เดือนใช่ไหม?
กระแต : ใช่
ตอนนั้นเชื่อหมอไหม?
กระแต : เราก็ไม่เชื่อหรอก
เพราะเราคิดว่ายังไงมันก็ต้องมีทางอื่นที่เราสามารถทำได้ ตอนแรกๆ
คุณหมอไม่ได้บอกว่า 3 เดือน ที่กระแตบอกสู้มา 2 ปีกับพ่อ คือบินไปมาๆ
กรุงเทพฯ ช่วงหลังๆ ที่พ่อเป็นหนักๆ เขาจะปวดมากจนไม่ไหว
จากยาแก้ปวดธรรมดาที่หมอสั่งก็จะเพิ่มความแรงขึ้นเรื่อยๆ
คือปวดมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายขอเป็นมอร์ฟีนเลย
ใน 2 ปีคุณกระแตรู้หรือยังว่านี่คือมะเร็ง
หรือมารู้มีหลังตอนท้ายๆ แล้ว?
กระแต : คือมารู้ทีหลังตอนท้ายๆ แล้ว ตอนพาพ่อมารักษากรุงเทพฯ
กระแตรู้แล้ว เพราะที่เชียงใหม่มีคุณแม่กับหลานที่คุยกับคุณหมอ
เราไม่ได้ไปคุยตรงนั้น เพราะมันไม่ได้เป็นหนัก นานๆ จะไปหาหมอทีนึง
แต่พอมาอยู่กรุงเทพฯเนี่ย เราก็จะรู้แล้ว เพราะเราคุยกับคุณหมอตรงๆ
เลยว่าเป็นอะไร
แล้วช่วงสุดท้ายที่บอกว่าต้องฉีดยาเข็มละแสน?
กระแต : ก็จะมีคุณหมอเรียกไปคุย ตอนแรกมีการเข้าไปผ่าตัดแล้ว
พอเข้าห้องผ่าตัดแล้วคุณหมอต้องเย็บกลับ
เพราะตับอยู่ในภาวะที่แข็งมากๆ แล้ว หลังจากนั้นคุณพ่อก็ปวดมาเรื่อยๆ
คุณหมอถึงบอกว่าอยู่ได้แค่ 3 เดือน แต่ตอนนั้นกระแตคุยกับคุณพ่อ
คุณพ่อไม่ได้เป็นอะไรเยอะ ยังขึ้นเครื่องบินมาได้ ซึ่งจริงๆ
กระแตอยากให้เขาอยู่ที่กรุงเทพฯ ยาวเลย
แต่ผู้สูงอายุที่เป็นคนต่างจังหวัดเขาจะติดบ้านมาก
เขาก็เลยยอมที่จะบินไปบินกลับ เดือนนึง 3-4 ครั้ง แต่ว่าหลังๆ
เริ่มไม่ค่อยแข็งแรงแล้ว
ทำไมกระแตไม่เลือกการรักษาคีโม ฉายแสง?
กระแต : คุณพ่อไม่เอาค่ะ
ขอโทษ เขาไม่อยากหาย หรือไม่อยากทรมาน?
กระแต : เหมือนเป็นคำพูดที่พูดต่อๆ
กันมาว่าสุดท้ายแล้วมันไม่ได้ช่วยอะไร แล้วมันทรมาน
พ่อก็เลยขอว่าคีโมเขาไม่ทำ
แล้วใช้วิธีอะไรในการรักษาคุณพ่อ?
กระแต : เขาเรียกว่าธรรมชาติบำบัด คือไปดริปยาที่โรงพยาบาล
เห็นบอกเป็นธรรมชาติบำบัดที่ราคาสูงมาก?
กระแต : ก็สูง
มันช่วยไหม?
กระแต : ตอนแรกทำกลับไปพ่อดีเลยนะคะ
เป็นความรู้ให้คนดูทางบ้าน
ถ้าเป็นมะเร็งดริปยาช่วยไหม?
กระแต : กระแตว่ามันเป็นการยืดระยะเวลา ตอนแรกพ่อเหมือนทรุดๆ เล็กๆ
พอดริปยาเข็มแรก กลับมาตรวจค่านู่น ค่านี่ คุณหมอก็บอกว่าดีขึ้นนะ
เราก็ชื่นใจเลยจะฉีดเข็มที่ 2 แต่พอฉีดเข็มที่ 2 ปุ๊บไม่เหมือนกัน
อาการพ่อก็จะทรุดลง คือคุณพ่อเขาปวดมาก เวลาเขาปวดมากจะทานไม่ค่อยได้
ตอนอยู่กับกระแต กระแตก็จะคุมอาหารให้เขา พ่อต้องกินนะ
แต่พอกลับไปเชียงใหม่ เขาทานบ้างไม่ทานบ้าง
การที่บินไปกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ มารักษาที่นี่
ค่ารักษาน่าจะเยอะ หมดไปเท่าไร?
กระแต : 2 ปีเหรอคะ คร่าวๆ ก่อนพ่อเสีย ประมาณล้านกว่าบาท แต่ระยะ 2
ปีก็คือทีละเป็นแสน กระแตก็ไม่ได้นับว่าเท่าไร
เห็นว่าแตะหลักสิบด้วย?
กระแต : คือมันไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็สูงอยู่ 2 ปีที่ผ่านมา
อย่างที่บอกคุณพ่อรักษาตลอด มีการผ่าตัด มีนั่น มีนี่
คือพ่อเป็นทั้งหัวใจ ไต แล้วก็ตับ ระหว่างนี้ก็จะมีรักษาหัวใจ
ทำบอลลูนหัวใจ มีไต ผ่าตัดไต แล้วก็มีตับ
ตอนนั้นอะไรหนักสุด?
กระแต : ตับหนักสุดค่ะ ก่อนหน้านั้นคือคุณพ่อสูบบุหรี่
เป็นลิ่มเลือดในหัวใจ ทำบอลลูนแล้วก็หาย เวลาจะทำอะไรต้องเช็กตลอดทั้ง
ตับ ไต หัวใจ ว่าทำแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น มีเอฟเฟกต์อะไร
เห็นว่ามีความลำบากใจกับคำขอของคุณพ่อ?
กระแต : วันที่กระแตเจอพ่อ ก่อนหน้านั้นคุณพ่ออยากกลับบ้าน
แต่ก่อนหน้านั้นคุณพ่ออยู่ไอซียูมา 10 วันแล้ว
วันแรกบอกว่าไม่อยากกลับ อยากอยู่ต่อ พอวันที่ 2 บอกอยากกลับ
ตอนนั้นคุณพ่อทรุดเยอะมากๆ ตอนนั้นเราเป็นหัวหน้าครอบครัว
เราเป็นคนตัดสินใจอยู่คนเดียว
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยลำบากขนาดนี้มาก่อนเลย
นี่คือเรื่องลำบากใจที่สุดในชีวิตก็ว่าได้?
กระแต : สุดๆ เลยค่ะ
จัดการยังไง ช่วงสุดท้ายของคุณพ่อแล้ว
คุณพ่ออยากกลับบ้าน?
กระแต : จริงๆ กระแตอยากให้มันผ่านๆ ไป
ตรงนั้นมันเป็นเรื่องของการตัดสินใจคือจะยื้อให้พ่ออยู่มากกว่านี้
กับการตามใจพ่อให้พ่อกลับบ้าน
ตอนนั้นคุณหมอมาบอกกระแตว่าถ้าให้คุณพ่อกลับมันจะมีขั้นตอนแบบนี้ๆ นะ
จะต้องไม่ให้ยาต่อแล้ว ไม่เติมเลือดแล้ว ไม่ให้ยากระตุ้นความดัน
คุณหมออยากให้เราทำดีที่สุด ยืดไปเรื่อยๆ
คือพ่อเขาไม่เอาแล้ว พ่อมาขอเรา เราก็เลยตัดสินใจตั้งแต่เที่ยงถึง 2 ทุ่ม นั่งอยู่ในห้องโรงพยาบาล ตอนแรกบอกหมอว่าโอเค เราจะสู้ พอนั่งไปสักพักรู้สึกเราก็ขอพ่อมาเยอะแล้ว พ่อสู้หน่อย เราเลยรู้สึกว่าในช่วงสุดท้าย ทำไมไม่ลองทำให้เขาสักทีนึง เลยตัดสินใจวิ่งไปเปลี่ยนตอน 2 ทุ่ม
ตอนแรกบอกหมอประมาณ 1 ทุ่มว่าจะยื้อ สักพักตัดสินใจบอกหมอว่าขอพาพ่อกลับบ้าน เราอยากให้คุณพ่อไปเสียที่บ้าน เราไม่อยากให้เสียระหว่างทาง เพราะจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ กรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่คือไกลมาก เราก็เลยคุยกับคุยหมอว่าทำยังไงก็ได้ให้พ่อถึงบ้านก่อน
มันจะมีอีกอย่าง ถ้าไปถึงบ้านแล้วลมหายใจยังอยู่
ใครจะเป็นคนถอดออกซิเจนล่ะ?
กระแต : นี่แหละค่ะ
คุณหมอบอกด้วยว่าเราจะยอมรับสภาพที่บางทีอาจจะมีการเฮือกสุดท้าย
ตรงนั้นเราจะรับได้เหรออันนี้เป็นจุดสำคัญเลยที่กระแตกลัวมากว่าเราจะทำถูกไหมเราจะทำอย่างนี้ต่อได้ไหม
แต่เราก็ตามใจพ่อ พอกระแตไปกระซิบบอกพ่อว่าพรุ่งนี้เช้าพ่อกลับบ้านนะ
พ่อยิ้มดีใจ
ระหว่างที่นั่งรถพยาบาลเป็นไงบ้าง?
กระแต : ตอนเช้ากระแตให้คุณแม่นั่งรถพยาบาล
แล้วกระแตขับรถตามไปกับสามี
ก่อนขึ้นรถกระแตกระซิบบอกพ่อว่าพ่อเข้มแข็งไว้นะ พ่อกลับบ้านนะ พ่อฮึบ
แข็งแรงนะ สู้ๆ นะ ให้เราไปถึงบ้านนะ ประมาณ 7 ชม. ก็โทรเช็กตลอด
สุดท้ายก็เสียที่บ้าน?
กระแต :
ไปถึงบ้านปุ๊บเขาก็มองด้วยสายตาแบบเหมือนดีใจที่ได้มาอยู่เตียงตัวเอง
มองแต่คือไม่ไหวแล้ว ตัดสินใจจะให้แม่เป็นคนถอด
แล้วก็เอาพระมาให้คุณพ่อถวายสังฆทานในวาระสุดท้าย
กระแตโล่งมากที่สุดคือคุณพ่อค่อยๆ หายใจรวยรินแล้วหลับไป
เพราะตอนแรกเรากลัวอย่างที่คุณหมอเขาบอก
ยากไหม?
กระแต : มันยากค่ะ แต่ว่าในช่วงที่ผ่านตรงจุดนั้นได้มันก็เคว้ง
ก่อนท่านจะไป ท่านพูดอะไรไหม ตอนถึงบ้านแล้ว?
กระแต : เขาพูดไม่ไหวแล้วค่ะ เป็นแค่สายตาที่เขามอง
แล้วเวลาบอกว่าจะถอดเครื่องช่วยหายใจนะ เขาก็พยักหน้า.
คุณกำลังดู: กระแต ศุภักษร น้ำตาซึมเล่านาทีชีวิต คุณพ่อจากไปเพราะมะเร็งตับ (คลิป)
หมวดหมู่: ความบันเทิง