ลักษณะ "ลิ้น" บอกโรค
"ลิ้น" สามารถบ่งบอกถึงสภาวะสุขภาพบางอย่างของคุณได้
ลิ้น เป็นหนึ่งในอวัยวะภายในช่องปากที่สำคัญของร่างกาย ทำให้เราสามารถรับรสชาติหรือพูดให้ชัดถ้อยชัดคำได้ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ลิ้นสามารถบ่งบอกถึงสภาวะสุขภาพบางอย่างของคุณได้อีกด้วยเช่นกัน มารับรู้ถึงลักษณะของ ลิ้นบอกโรค ที่น่าสนใจไปพร้อมกันกับ Hello คุณหมอกันเลย
ลักษณะ ลิ้นบอกโรค ที่ทุกคนควรรู้
-
ลิ้นเป็นฝ้าขาว
หากลิ้นของคุณเป็นฝ้าขาวทั่วทั้งลิ้น (Leukoplakia) ซึ่งเป็นอาการที่สามารถพบได้ทั่วไป อาการฝ้าขาวนี้อาจเกิดจากการสูบบุหรี่หรือสารระคายเคืองอื่นๆ หรืออาจเกิดจากการดูแลสุขภาพในช่องปากได้ไม่ดีพอ ไม่ยอมแปรงลิ้น ทำให้มีเศษอาหารและเชื้อโรคเกาะอยู่และเกิดเป็นฝ้าขาวที่ลิ้น อาการฝ้าขาวนี้จะค่อย ๆ สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และอาจมีความเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งได้
นอกจากนี้
อาการฝ้าขาวนี้อาจสามารถเกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อราในช่องปาก (oral
thrush) ทำให้เกิดเป็นรอยฝ้าขาวหม่นคล้าย cottage cheese
การติดเชื้อราในช่องปากนี้จะพบได้มากในเด็กทารกหรือผู้สูงอายุ
โดยเฉพาะในผู้ที่ใส่ฟันปลอม หรือผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
นอกจากนี้การเป็นโรคบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน หรือใช้ยาบางชนิด เช่น
ยาพ่นสเตียรอยด์สำหรับโรคหอบหืด
ก็สามารถทำใหเกิดการติดเชื้อราในช่องปากได้และทำให้ลิ้นเกิดฝ้าขาวได้เช่นกัน
-
ลิ้นเป็นสีแดง
หากลิ้นของคุณมีลักษณะเป็นสีแดง อาจหมายถึงการขาดวิตามินอย่าง กรดโฟลิค หรือวิตามินบี 12 หรืออาจจะหมายถึงภาวะลิ้นลายแผนที่ (Geographic tongue) ทำให้เกิดเป็นจุดสีแดงขึ้นบนลิ้น จุดผดผื่นสีแดงนี้จะมีรอยสีขาวรอบนอก และสามารถเปลี่ยนตำแหน่งบนลิ้นไปได้เรื่อยๆ โดยปกติแล้วภาวะลิ้นลายแผนที่นี้จะไม่เป็นอันตรายใดๆ
โรคไข้อีดำอีแดง (Scarlet fever) ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลิ้นของคุณมีลักษณะเป็นสีแดง โรคไข้อีดำอีแดงคือการติดเชื้อที่ทำให้ลิ้นมีลักษณะคล้ายกับสตรอว์เบอร์รี คือมีสีแดงและเป็นตะปุ่มตะป่ำ พร้อมกับมีไข้สูง คุณจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อทำการรักษาโรคนี้
นอกจากนี้โรคคาวาซากิ (Kawasaki disease)
ก็สามารถทำให้ลิ้นมีอาการเป็นสีแดงคล้ายกับสตรอว์เบอร์รีได้เช่นกัน
โรคนี้จะพบในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี และมีไข้สูง
โรคคาวาซากินั้นเป็นสภาวะที่รุนแรงและจำเป็นต้องได้รับการรักษาในทันที
-
ลิ้นเป็นขนสีดำ
อาการลิ้นเป็นขนสีดำที่ทั้งดูน่าขนลุกและน่ากลัวในคราวเดียวกันนี้เกิดจากการสะสมของคราบแบคทีเรีย
หรือเกิดการสูบบุหรี่เป็นประจำมาเป็นเวลานาน
อาการนี้แม้ว่าจะดูน่ากลัวแต่จริงๆ
แล้วไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงและสามารถรักษาได้ด้วยการรักษาความสะอาดของช่องปากอยู่เสมอ
ควรแปรงฟันและแปรงลิ้นวันละสามเวลา และอย่าสูบบุหรี่
-
ลิ้นเป็นสีเหลือง
สาเหตุที่พบได้มากที่สุดของการเกิดอาการลิ้นเหลืองก็คือการทำความสะอาดช่องปากได้ไม่ดีพอ
สูบบุหรี่ หรือการใช้ยาบางชนิด
นอกจากนี้อาการลิ้นเป็นสีเหลืองยังอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับตับหรือกระเพาะอาหาร
โดยในช่วงระยะแรกของโรคลิ้นอาจจะมีอาการเป็นสีเหลือง ก่อนจะค่อยๆ
เปลี่ยนสีกลายเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำในภายหลัง
หากคุณมีอาการลิ้นเหลืองแม้ว่าจะรักษาความสะอาดของช่องปากอย่างดีแล้วก็ตามควรรีบปรึกษาแพทย์ในทันที
-
ลิ้นสีน้ำตาล
โดยปกติแล้วอาการลิ้นเป็นสีน้ำตาลมักจะเกิดจากการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม
เช่น กาแฟ เป็นประจำ และอาจจะเกิดมาจากการสูบบุหรี่ได้เช่นกัน
แต่หากอาการลิ้นเป็นสีน้ำตาลนั้นไม่ยอมหายไป
อาจหมายความว่าคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับปอดเนื่องจากการสูบบุหรี่เป็นเวลานานก็ได้
-
ลิ้นเป็นสีม่วงหรือสีฟ้า
อาการลิ้นเป็นสีม่วงหรือสีฟ้านั้นบ่งบอกว่าคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของหัวใจ
หากหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างถูกต้อง
หรือหากในเลือดของคุณมีปริมาณของออกซิเจนไม่เพียงพอ
ก็อาจทำให้ลิ้นกลายเป็นสีม่วงหรือสีฟ้าได้
หากเกิดอาการนี้ควรรีบติดต่อแพทย์ในทันที
-
รู้สึกแสบที่ลิ้น
หากคุณรู้สึกว่ามีอาการแสบร้อนที่ลิ้น
คล้ายกับเวลารับประทานของร้อนมากๆ แล้วลวกลิ้น
อาจหมายความว่าคุณกำลังมีกลุ่มอาการแสบร้อนในช่องปาก (burning mouth
syndrome) ที่พบได้มากในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
หรือคุณอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาทในลิ้น
ทำให้การรับรู้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ ปัญหาสุขภาพบางอย่าง
เช่น ปากแห้ง การติดเชื้อ กรดไหลย้อน และโรคเบาหวาน
ก็อาจทำให้เกิดอาการนี้ได้เช่นกัน
-
ลิ้นมีตุ่ม
สาเหตุของการเกิดตุ่มที่ลิ้นที่พบได้มากที่สุดก็คือเกิดจากร้อนใน อาการร้อนในคือการเกิดตุ่มแผลขนาดเล็กในช่องปากที่ทำให้มีอาการปวดแสบ สาเหตุในการเกิดร้อนในนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อาการร้อนในนี้ไม่เป็นอันตรายใด ๆ และมักจะหายไปได้เอง
หากเป็นตุ่มขนาดเล็กเพียงตุ่มเดียวที่ปลายลิ้น และมีอาการปวดมาก อาจหมายถึงอาการต่อมรับรสของลิ้นบวม (transient lingual papillitis) อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้หากลิ้นของคุณเกิดอาการระคายเคือง และสามารถหายไปได้เองโดยไม่ต้องทำการรักษา
หากตุ่มบนลิ้นของคุณไม่ยอมหายไปหลังจากผ่านไปแล้วนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ อาจหมายถึงมะเร็งในช่องปาก โดยปกติแล้วตุ่มมะเร็งในช่องปากระยะแรกนั้นมักจะไม่มีอาการปวดใดๆ หากคุณมีตุ่มบนลิ้นที่ไม่ยอมหายไปโปรดรีบติดต่อแพทย์ในทันที
คุณกำลังดู: ลักษณะ "ลิ้น" บอกโรค
หมวดหมู่: สุขภาพ