เลือกยางรถยนต์อย่างไรให้เหมาะกับรถ ตอบคำถามควรเปลี่ยนยางเมื่อไหร่?

คำแนะนำสำหรับการตรวจสอบสภาพยาง การเปลี่ยนยางใหม่ และการเลือกใช้ยางให้ตรงกับความต้องการของคุณ

เลือกยางรถยนต์อย่างไรให้เหมาะกับรถ ตอบคำถามควรเปลี่ยนยางเมื่อไหร่?

ยางรถยนต์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความปลอดภัยในการใช้รถยนต์เพราะยางเป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมระหว่างรถกับพื้นถนน ดังนั้นการเลือกซื้อและใช้ยางจึงต้องมีเทคนิคเพื่อความเหมาะสมกับรถ เชื่อว่าหลายท่านอาจจะยังไม่รู้วิธีการเลือกซื้อยางรถยนต์ให้เหมาะสมกับรถของคุณมากนัก วันนี้ โตโย ไทร์ (ประเทศไทย) หนึ่งในผู้นำนวัตกรรมทางเทคโนโลยียางรถยนต์ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะจากญี่ปุ่นมีเทคนิคในการเลือกซื้อยางรถยนต์ให้เหมาะสมกับรถของคุณมาฝาก

แล้วจะเปลี่ยนยางเมื่อไหร่?
ระยะเวลาที่แน่นอนของการเปลี่ยนยางไม่มีกำหนดที่ตายตัวขึ้นอยู่กับสภาพยางเป็นหลัก ซึ่งสภาพของยางนั้นเป็นผลมาจากการใช้งานของผู้ขับขี่แต่โดยทั่วไป โดยมีตัวแปรเช่น สภาพผิวถนน ความเร็วที่ใช้ น้ำหนักบรรทุกและแรงดันลมยาง วิธีสังเกต หรือสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาที่เราควรเปลี่ยนยาง ได้แก่ ยางหมดอายุการใช้งาน โดยทั่วไปยางจะมีอายุการใช้งาน ประมาณ 2-4 ปี หรือ 40,000- 50,000 กม.

ยางเริ่มแข็งตัวสังเกตยังไง?
ยางที่เริ่มแข็งตัวจะเกิดเสียงดังเวลาวิ่ง หรือหากลองเอาเล็บจิกลงไปบนเนื้อยางก็จะสัมผัสได้ถึงความไม่ยืดหยุ่นของเนื้อยาง เวลาวิ่งมีความกระด้างและสะเทือนมากเมื่อเจอกับผิวถนนไม่เรียบ ยางแข็ง มักจะเกิดจากอายุการใช้งาน การจอดตากแดดเป็นประจำหรือใช้งานหนักทั้งขับเร็วและบรรทุกหนัก เมื่อยางแข็ง สมรรถนะของยางจะค่อยๆลดลงไปตามลำดับ หากใช้งานมานาน หรือวิ่งมา 35,000-45,000 กิโลเมตร ก็สมควรแก่อายุการใช้งานและคงต้องเปลี่ยนยางใหม่กันแล้ว

ดอกยางเหลือน้อยดอก
ยางเริ่มไม่มีดอกให้เห็น วิธีตรวจสอบก็คือ ให้สังเกตในร่องของดอกยาง มันจะมีขีดเล็กๆ อยู่ระหว่างร่องกลางของลายยาง ถ้าดอกยางเรียบเสมอกับขีดเมื่อไหร่ นั่นแสดงว่าดอกยางสึกจนแทบจะไม่เหลือร่องสำหรับการรีดน้ำ นั่นก็หมายถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนยางใหม่แล้ว ยางหัวโล้นถ้าฝนตกจะเกิดโอกาสในการลื่นไถลมากกว่ายางที่มีดอกปกติ การรีดน้ำจะย่ำแย่ลง อาจหมุนหรือลื่นไถลได้ง่ายๆ เมื่อเจอเข้ากับแอ่งน้ำ แม้จะใช้ความเร็วต่ำก็ยังลื่นเพราะยางไม่มีดอกหรือร่องให้รีดน้ำออกไปได้อย่างรวดเร็ว

ยางแก้มเตี้ยล้อโต เสี่ยงต่อยางฉีกล้อดุ้ง
ในกรณีที่ขับตกหลุมอย่างรุนแรง สำหรับยางสปอร์ตบางรุ่นที่มีแก้มเตี้ย Series อาจเจอปัญหาใหญ่ได้ง่ายๆ ยางแบบสปอร์ตในรถยนต์สมรรถนะสูง ออกแบบให้แก้มยางไม่สูงมากนัก ระยะห่างจากผิวถนนถึงล้อมีแค่นิดเดียว เพื่อการทรงตัวท่ีดีสอดรับกับกำลังของรถ เมื่อตกหลุมแรงๆ แก้มยางที่เตี้ยติดพื้นอาจเกิดการบวม หรือแก้มยางปูดขึ้นมา หนักหน่อยก็แก้มยางฉีกโดยเฉพาะยางรันแฟลตที่มีแก้มแข็งแถมแก้มยังต่ำเตี้ยติดพื้น แนะนำให้เปลี่ยนยางทันที หากรำคาญยางรันแฟลตก็หายางไซส์เดียวกันแต่เป็นแบบปกติไม่รันแฟลตแล้วก็ควรใช้ความระมัดระวังให้มากกว่าเดิม เนื่องจากถนนในประเทศไทยนั้น วิ่งมาเรียบๆ อยู่ดีๆ ก็อาจเจอเข้ากับผิวถนนที่ชำรุดเสียหายซึ่งถ้าวิ่งมาเร็วหลบไม่พ้น โอกาสที่แก้มยางจะเสียหายเพราะกระแทกหลุมก็พบกันบ่อยๆ สำหรับรถที่ใส่ยางแก้มเตี้ยล้อโต นับเป็นเรื่องที่น่ารำคาญและทำให้เสียทั้งเงินและเวลา

จะเปลี่ยนยางใหม่ เลือกอย่างไร
ไม่มียางยี่ห้อใดที่ดีที่สุด ให้เลือกยางที่เหมาะสมหรือเลือกตามสเปกของรถที่ระบุมาจากโรงงาน การเลือกขนาดยางชุดใหม่นั้น ควรเลือกใช้ขนาดเดิม ที่ติดรถออกมาจากโรงงานประกอบรถยนต์ เพราะได้ผ่านการทดสอบในทุกสภาวะการใช้งานมาแล้วจากโรงงานฯ ว่ามีความปลอดภัย คุ้มค่าและให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงนั่นคือ ความสามารถในการรับน้ำหนักของยาง รวมถึงขีดจำกัดความเร็วสูงสุดของยางเส้นนั้น ซึ่งจะถูกกำหนดมากับยางรถยนต์ทุกเส้นเพื่อเป็นข้อกำหนดควบคุมการใช้งานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยอย่างเต็มที่

จะเปลี่ยนยางใหม่ ต้องรู้อะไรบ้าง
เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยางเส้นใหม่หรือชุดใหม่ สิ่งที่ควรรู้และต้องตรวจสอบทุกครั้ง คือ ควรเลือกใช้ยางที่มีขนาด ชนิดโครงสร้างของยาง ลักษณะดอกยาง และความลึกร่องดอกยาง ที่มีความเหมาะสมกับประเภทการใช้งานในรถยนต์ของคุณ ควรเลือกใช้ยางยี่ห้อและรุ่นเดียวกันทั้งชุด หากจำเป็นหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรใส่ยางยี่ห้อและรุ่นเดียวกันในเพลาหรือล้อคู่เดียวกันเท่านั้น การสลับยาง แนะนำให้ทำตามระยะของการใช้งานที่ 10,000 กิโลเมตร ข้อสำคัญก็คือ หมั่นตรวจสอบแรงดันลมยางทุกครั้งก่อนออกเดินทาง อย่าลืมเติมลมให้ยางอะไหล่ หรือนำยางอะไหล่ออกมาตรวจสอบสภาพความพร้อมของการใช้งาน

ควรเปลี่ยนยางทั้งชุดในคราวเดียวกัน
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการใช้งานของยางทุกเส้นที่มีความใกล้เคียงกัน หรือเปลี่ยนครั้งละ 2 เส้นในเพลาเดียวกันหากจำเป็นต้องเปลี่ยนคราวละ 2 เส้น ยางเส้นใหม่ควรติดตั้งที่ตำแหน่งล้อขับเคลื่อนหลักกรณีที่เลือกใช้ยางแบบทิศทางเดียว (uni-direction) ต้องตรวจดูทิศทางการหมุนของยางว่าถูกต้องไปตามทิศทางที่กำหนดหรือไม่ โดยสังเกตจากเครื่องหมายลูกศรที่ระบุไว้บนแก้มยาง เพราะการใส่ยางกลับทิศทาง จะทำให้ประสิทธิภาพของยางในการรีดน้ำลดลง ในการเปลี่ยนยางเส้นใหม่หรือชุดใหม่นั้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน หลังจากเปลี่ยนยางใหม่แล้ว ก็ควรใช้ความเร็วไม่สูงมากนักสักระยะ (200-500 กิโลเมตร)

ข้อแนะนำอื่นๆ

ทำการถ่วงล้อทุกครั้งที่เปลี่ยนยางเพื่อให้การหมุนของยางเกิดความสมดุล และไม่เกิดอาการสั่นที่พวงมาลัยและตัวรถเมื่อขับขี่ใช้งานจริง

เมื่อเปลี่ยนยางใหม่ทุกครั้งไม่ว่าจะเปลี่ยนทั้ง 4 เส้น หรือ 2 เส้นด้านหน้า ควรต้องทำการตรวจเช็กศูนย์ล้อเสมอ เพื่อป้องกันการสึกหรอผิดปกติเกิดขึ้น สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ควรมองข้ามในการเลือกซื้อยางรถยนต์ให้เหมาะสมกับรถยนต์ของท่าน นอกจากจะส่งผลถึงความปลอดภัยในยามขับขี่แล้วยังเป็นการช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย.

ผู้เขียน : อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/



คุณกำลังดู: เลือกยางรถยนต์อย่างไรให้เหมาะกับรถ ตอบคำถามควรเปลี่ยนยางเมื่อไหร่?

หมวดหมู่: เคล็ดลับยานยนต์

แชร์ข่าว