ลุ้นเข้าไทยเอาใจคนชอบประหยัด TOYOTA NEW PRIUS PLUG IN HYBRID วิ่งไกล 1,250 กิโลเมตร!

TOYOTA NEW PRIUS PLUG IN HYBRID เทคโนโลยีไฮบริดเจนฯ 5 เครื่องเบนซินสี่สูบ 2.0 ลิตร มอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงในระบบเกียร์ กำลัง 223 แรงม้า 0-100 ใน 6.6 วินาที ไฟเต็ม น้ามันเต็ม วิ่งไกล 1,250 กม.

ลุ้นเข้าไทยเอาใจคนชอบประหยัด TOYOTA NEW PRIUS PLUG IN HYBRID วิ่งไกล 1,250 กิโลเมตร!

10 มกราคม 2566 หลังเปิดทำงานมาได้ไม่ถึงอาทิตย์ Toyota Motor ก็เปิดตัวรถยนต์พลังงานผสมรุ่นขายดีต่อจากตลาดยุโรป นี่คือ All-New Prius HEV ที่ถูกแนะนำให้กับลูกค้าในญี่ปุ่น สำหรับครอบครัวเล็กๆ ที่ชอบความคล่องตัวและอึดถึกทนของ Prius การออกแบบรถรุ่นใหม่ที่มีสไตล์ เพิ่มเติมด้วยสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ต และการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีตัวเลขดีขึ้นจากเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจเนอเรชันที่ 5 Toyota แจ้งว่า ด้วยประสิทธิภาพและรูปลักษณ์ที่ทันสมัยของ Prius ใหม่ จะทำให้โมเดลนี้มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

Toyota City ประเทศญี่ปุ่น Toyota Motor Corporation (Toyota) ประกาศว่า ได้เริ่มจำหน่าย Prius Series Parallel Hybrid (HEV) รุ่นใหม่บนเกาะญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังจะมีแผนที่จะเปิดตัว Prius รุ่นเสียบปลั๊กหรือ Plug-in Hybrid (PHEV) ประมาณเดือนมีนาคมปีนี้ (2566) เมื่อมองย้อนกลับไปในตลาดโลก Toyota Prius รถไฮบริดประสิทธิภาพสูง ถูกเปิดตัวในปี 1997 ในฐานะรถยนต์เครื่องยนต์พลังงานผสมที่ผลิตในจำนวนมากรุ่นแรกของโลก แนวคิดของการใช้งาน และสมรรถนะด้านความประหยัดทำให้โมเดล Prius ผลักดันให้มีการผลิตยานยนต์ไฮบริด HEV ในฐานะรถยนต์ครอบครัวที่มีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง ทุกวันนี้ เทคโนโลยีไฮบริดถูกนำมาใช้ในรถยนต์รุ่นต่างๆ อย่างแพร่หลาย มากกว่าการมาถึงของยานยนต์ไฟฟ้าที่ยังไม่มีความพร้อมเท่าที่ควร การเลือกใช้งานรถยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดจึงมีตัวเลขมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าหลายเท่า

Toyota แจ้งในเอกสารพีอาร์ว่า ด้วยตัวเลือกระบบส่งกำลังที่หลากหลายโดยได้รับการพัฒนาเพื่อส่งเสริมแผนงานความเป็นกลางทางคาร์บอน Toyota ได้พัฒนาและสร้าง Prius HEV รุ่นใหม่ที่ลูกค้าจะต้องเพลิดเพลินและหวงแหน ในฐานะรถยนต์ทางเลือกสำหรับคนรุ่นต่อไป Prius พัฒนาภายใต้แนวคิด "Hybrid Reborn" โมเดลใหม่นี้มีไดนามิกที่ถูกปรับปรุงให้ขับได้เร้าใจมากกว่าเดิม เพิ่มการออกแบบรูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟนคลับของแบรนด์สามห่วง เหมือนรักแรกพบ! และสมรรถนะการขับซึ่งเป็นจุดแข็งหลักของ New Prius ในฐานะรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Toyota All-New Prius HEV ใช้การออกแบบที่มีสไตล์ใหม่หมดทั้งคันโดยไม่มีชิ้นส่วนใดเกี่ยวข้องกับรถรุ่นที่ผ่านมา สมรรถนะการขับแบบสปอร์ต และการประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น การออกแบบที่สร้างแรงบันดาลใจ สืบทอดรูปทรงโมโนฟอร์มหรือรูปทรงลิ่มที่แหวกอากาศได้ดี ซึ่งเคยเป็นเอกลักษณ์ของ Prius รุ่นดั้งเดิม Prius ใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นโดยมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง สัดส่วนที่ทันสมัยเน้นหลักอากาศพลศาสตร์ แรงต้านทานอากาศที่ลดลง ส่งผลให้รถประหยัดพลังงาน เรือนร่างที่เรียบง่าย ดึงดูดความรู้สึกและความงาม ซึ่งจะยังคงดูดีต่อไปในอนาคตอีกหลายปี แนวคิดของแพลตฟอร์ม "island architecture" ทำให้รถมีความลู่ลมสูง ภายในกว้างขวาง Cockpit ที่ทำให้มีสมาธิกับการขับ โดยรวม งานตกแต่งภายในของ New Prius ให้การใช้งานที่ง่ายและไม่มีความซับซ้อนของเมนูมากจนเกินไป

สีตัวถังของ Toyota New Prius ให้เลือกทั้งหมด 8 สี รวมถึงสีพื้นที่พัฒนาขึ้นใหม่สองสี คือ สี Ash และสี Mustard ที่สร้างความรู้สึกแบบสปอร์ต

Toyota Prius 2023 HEV และ PHEV ติดตั้งระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 5 เวอร์ชันล่าสุด ทั้งในรุ่น 2.0 ลิตร และ 1.8 ลิตร สำหรับรุ่น 1.8 ลิตร เมื่อเปรียบเทียบกับ Prius 2.0 ลิตร รุ่นก่อนหน้า New Prius 2.0 PHEV 2023 มีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีขึ้นที่ตัวเลข 28.6 กม./ลิตร กำลังขับสูงสุดของระบบที่ 144 กิโลวัตต์ (196 แรงม้า) ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า 1.6 เท่า ส่วน Toyota Prius 1.8 HEV 2023 ถูกปรับให้รถมีความความสมดุลด้านการใช้พลังงานต่อระยะทางในระดับสูง เน้นประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม และสมรรถนะการขับ ตอบสนองตามที่คาดไว้ความคล่องตัวเมื่อขับในเมือง การเร่งความเร็วที่น่าพอใจบนไฮเวย์ และการตอบสนองของชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้ากับระบบรองรับที่ปรับจูนใหม่ทั้งหมด การปรับปรุงโมดูลไฟฟ้า Prius 1.8 ลิตร (เกรด U และ X) สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 32.6 กม./ลิตร สมรรถนะการขับที่ดี การเร่งความเร็วแบบไร้รอยต่อของรถไฮบริดระบบส่งกำลัง CVT ให้ความรู้สึกคล่องตัว และการตอบสนองด้วยแรงบิดที่พอเพียงต่อการใช้งาน

ในแง่ของระบบส่งกำลัง Prius PHEV ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ Dynamic Force ความจุ 2.0 ลิตรเชื่อมต่อกับมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรง MG1 และ MG2 เมื่อควบรวมกำลังของทั้งสองระบบ จะมีเรี่ยวแรงอยู่ที่223 แรงม้า (164 กิโลวัตต์) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงดีขึ้นหลายเท่า โดยทำเวลาเพียง 6.7 วินาที ในการเร่งความเร็วจากจุดหยุดนิ่งไปจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบกับ 11.1 วินาทีของรถรุ่นก่อนหน้าแบบต่างกันหลายเท่า แม้จะมีขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้น แต่ Toyota แจ้งว่า Prius ใหม่รุ่น 2.0 ลิตร นั้นประหยัดน้ำมันพอๆ กับรุ่น 1.8 ลิตร ปี 2022 เลยทีเดียว ชุดแบตเตอรี่ที่ประกอบกันเป็นระบบส่งกำลังปลั๊กอินไฮบริด PHEV ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบใหม่ขนาด 13.6 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ชุดแบตเตอรี่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีความหนาแน่นของพลังงานสูงขึ้น อยู่ในกล่องบรรจุภัณฑ์ป้องกันแบตฯ ที่เหมาะสม แบตเตอรี่แบบใหม่ มีขนาดกะทัดรัดพอที่จะติดตั้งไว้ใต้เบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง Toyota เคลมว่า เชื้อเพลิง 43 ลิตร กับไฟที่ชาร์จมาเต็มแบเตอรี่ New Prius PHEV สามารถทำระยะทางได้ไกลถึง 1250 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่ไม่มีรถไฟฟ้ารุ่นไหนทำได้ในปัจจุบันนี้

นอกจากการลดจุดศูนย์ถ่วงของรถลงแล้ว ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนใหม่ยังทำให้ Prius PHEV มีระยะ ไฟฟ้าล้วนๆ ไกล 69 กิโลเมตร เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับระยะทาง 40-50 กม. ในรุ่นที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีหลังคาโซลาร์เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าในขณะเดินทางอีกด้วย

Toyota อ้างว่า หลังคาโซลาร์เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตพลังงานไฟฟ้า สามารถป้อนไฟให้กับมอเตอร์ไกลถึง 8 กิโลเมตรต่อวัน ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ให้เต็มได้หากจอดตากแดดไว้หลายวัน (ไม่ได้บอกจำนวนของวัน) สำหรับมิติตัวถังของ Prius ใหม่ มีขนาดความยาว 4,599 มิลลิเมตร กว้าง 1,782 มิลลิเมตร สูง 1,430 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ2,750 มิลลิเมตร น้ำหนักรถทั้งคัน 1,490 kg เตี้ยลง 50 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 22 มิลลิเมตร และสั้นกว่าเดิม 46 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาวขึ้น 50 มิลลิเมตรล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 19 นิ้ว

ห้องโดยสารของ Prius สร้างขึ้นจากโครงสร้างสถาปัตยกรรมisland architecture เพื่อการตกแต่งภายในที่กว้างขวางและไม่เกะกะ แบ่งออกเป็นสามโซน ได้แก่ บริเวณโดยรอบ โมดูลคนขับ และแผงหน้าปัดแบบลอยตัว ด้านหน้าคนขับคือจอแสดงผล TFT LCD ขนาด 7 นิ้ว ไฟส่องสว่างแผงหน้าปัดเชื่อมโยงกับการแจ้งเตือนจากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Toyota Safety Sense พร้อมการแจ้งเตือนที่ฉายเป็นสีต่างๆ

แพลตฟอร์ม TNGA เจเนอเรชันที่สอง ได้รับการพัฒนาโดยเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องของแพลตฟอร์ม TNGA เพื่อให้ได้รูปแบบและสมรรถนะการขับที่เร้าใจ Prius ใหม่ ถูกออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และยางที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้น มาพร้อมกับระบบ E-Four เวอร์ชันล่าสุด ด้วยการใช้มอเตอร์กำลังสูงและคุณสมบัติด้านไฟฟ้า ทำให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้นบนทางขึ้นเขา บนพื้นผิวถนนที่มีแรงเสียดทานต่ำ เช่น ถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะ และมีเสถียรภาพมากขึ้นเมื่อเลี้ยว

ระบบสนับสนุนความปลอดภัยและการขับขี่ขั้นสูง
Toyota Safety Sense แพ็กเกจความปลอดภัยแบบแอ็กทีฟล่าสุดเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน Prius 2023 รวมถึงระบบความปลอดภัยขั้นสูง ที่ตรวจจับวัตถุได้หลากหลาย นอกจากนี้ New Prius ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

1-Rear vehicle proximity notification [first for a Toyota brand vehicle 4] การแจ้งเตือนระยะใกล้ของรถคันหลัง เมื่อใช้เรดาร์คลื่นระดับมิลลิเมตรด้านหลังของระบบ Blind Spot Monitor ทำหน้าที่ตรวจจับรถยนต์ที่อยู่ด้านหลัง และหากมีรถยนต์คันอื่นเข้ามาใกล้ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์พร้อมสัญญาณเตือน

2-Approaching vehicle proximity support (recording function and vehicle reporting suggestions) [first for a Toyota brand vehicle 4]การสนับสนุนระยะใกล้ของรถ (ฟังก์ชันบันทึกและคำแนะนำ) หากรถเข้ามาทางด้านหลังใกล้เกินไป ระบบนี้จะให้คำแนะนำผู้ขับ ในการจัดการกับปัญหา รวมถึงการติดต่อตำรวจหรือบริการโทรฉุกเฉิน HELPNET ในรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องบันทึกการขับขี่ นอกเหนือจากการบันทึกเหตุการณ์โดยอัตโนมัติแล้ว ระบบจะจัดเก็บข้อมูลในพื้นที่เฉพาะ

3- Secondary Collision Brake (rear impact mitigation when stopped) [first for a Toyota brand vehicle 4] ใช้เรดาร์คลื่นมิลลิเมตรด้านหลังของระบบตรวจจับจุดบอด ระบบนี้จะตรวจจับยานพาหนะที่อยู่ด้านหลัง และหากระบุได้ว่ามีโอกาสสูงที่จะเกิดการชนในขณะที่รถหยุด ระบบจะใช้เบรกเพื่อลดความเร็วหากเกิดการชนด้านหลัง เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ระบบนี้ช่วยลดความเร็วได้เร็วกว่าปกติโดยการใช้เบรกก่อนที่จะเกิดการชน

ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ของ Toyota Prius มีกล้องหน้าที่ได้รับการปรับปรุงพร้อมความสามารถในการตรวจจับวัตถุด้านหน้าที่เพิ่มขึ้นสองเท่าจากรุ่นก่อน ด้วยมุมมองด้านข้างและแนวตั้งที่กว้างขึ้น ช่วยให้กล้องสามารถตรวจจับวัตถุที่อยู่ใกล้เคียงได้เร็วกว่า ในขณะเดียวกันก็ระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้หลากหลายขึ้น เช่น วัตถุริมถนน เซนเซอร์เรดาร์ ยังได้รับการติดตั้งไว้ที่ส่วนด้านหน้า เพื่อรองรับระบบเตือนและเฝ้าระวังก่อนการชน ระบบช่วยติดตามเลน และคุณลักษณะการแจ้งเตือน ด้านหน้า

ระยะการตรวจจับที่เพิ่มขึ้น หมายถึงการแจ้งเตือนก่อนการชนที่รวมถึงรถจักรยานยนต์และยานพาหนะที่สวนมา นอกเหนือไปจากการปรับปรุงการระบบหลีกเลี่ยงยานพาหนะและคนเดินถนน ระบบป้องกันการชนล่วงหน้า ทำงานควบคู่กับซอฟต์แวร์รองรับการหลีกเลี่ยงการชนบนทางแยกแบบใหม่ เพื่อตรวจจับคนเดินถนนที่กำลังเดินข้ามเมื่อรถกำลังเลี้ยวและตอบสนองต่อรถที่วิ่งข้ามทางแยก

Proactive Driving Assist ใหม่จะแจ้งเตือนและสนับสนุนผู้ขับด้วยระบบช่วบเลี้ยวในพวงมาลัยไฟฟ้าและระบบเสริมแรงเบรก ผ่านการสังเคราะห์ด้วยระบบช่วยคาดการณ์สิ่งกีดขวาง ฟังกชัน Deceleration Assist จะทำให้รถช้าลงเมื่อปล่อยคันเร่ง โดยมีระดับการชะลอความเร็วที่แตกต่างกันไป ตามทางโค้งหรือสภาพการจราจรด้านหน้าที่ใกล้เข้ามา ในทางกลับกัน คุณลักษณะการช่วยบังคับเลี้ยวของ Prius จะตรวจจับทิศทางของถนนที่กำลังจะมาถึงและปรับความแรงของพวงมาลัยเพาเวอร์เพื่อช่วยให้เข้าโค้งได้นุ่มนวลขึ้น.

2023 Prius Prime 2.0 PHEV SE Grade - $32,000 (คิดเป็นเงินไทยยังไม่รวมภาษีนำเข้า 1,048,000 บาท)
2023 Prius Prime 2.0 PHEV XSE Grade - $35,000 (คิดเป็นเงินไทยยังไม่รวมภาษีนำเข้า 1,146,000 บาท)
2023 Prius Prime 2.0 PHEV XSE Premium Grade - $38,000 (คิดเป็นเงินไทยยังไม่รวมภาษีนำเข้า 1,245,000 บาท)

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

คุณกำลังดู: ลุ้นเข้าไทยเอาใจคนชอบประหยัด TOYOTA NEW PRIUS PLUG IN HYBRID วิ่งไกล 1,250 กิโลเมตร!

หมวดหมู่: รถยนต์

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด