ลองของดี ขับสี่มีชุดแต่ง! SUBARU FORESTER EYESIGHT GT EDITION
ทดสอบ Subaru Forester i-S Eyesight พร้อมชุดแต่ง GT Edition ราคา 1,550,000 บาท
TC Subaru นำชุดแต่ง GT Edition สำหรับ New Forester Eyesight มาสู่กลุ่มลูกค้าในประเทศไทยที่ชอบความแตกต่างด้วยงานตกแต่งตัวถังในรูปแบบแอร์โรพาร์ตของGT Edition เป็นชุดแอร์โรพาร์ตที่ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษ เพิ่มความสวยงามให้กับตัวถังภายนอกของ Forester ให้เป็นเอสยูวีที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ส่วนอุปกรณ์ Eyesight เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ และความอเนกประสงค์จากขนาดพื้นที่ของห้องโดยสารNew Forester Eyesight GT Edition ใส่เทคโนโลยีหลักที่เป็นเอกลักษณ์ 4 อย่างของแบรนด์ Subaru คือ
1-เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ (Boxer Engine)
2-ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive)
3-Subaru Global Platform โครงสร้างแชสซีใหม่
4-เทคโนโลยีเสริมความปลอดภัย EyeSight Driver Assist Technology
ชุดแต่ง GT Edition สำหรับ Subaru Forester 2.0iS Eyesight สามารถแต่งเข้าได้กับ Subaru Forester 2.0i-S EyeSight ทั้ง 7 สี ได้แก่
Crystal White Pearl
Ice Silver Metallic
Jasper Green Metallic
Horizon Blue Pearl
Sepia Bronze Metallic
Dark Grey Metallic
Crystal Black Silica
ชุดแต่ง GT Edition ราคา – 100,000 บาท
Giken เป็นบริษัทวิศวกรรมยานยนต์ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2507 และถือครองสิทธิบัตรจำนวนมากในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา Giken เป็นผู้นำอุตสาหกรรมในด้านการออกแบบ การผลิตวัสดุและเทคโนโลยีสำหรับระบบควบคุม และยังเป็นซัพพลายเออร์ระดับโลกในด้านชิ้นส่วนอากาศยานยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอื่นๆ ให้กับ Subaru และแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นรายใหญ่ มร. โคบายาชิ เป็นอดีตหัวหน้านักออกแบบ (หัวหน้าทีม Global Advanced Design Studio) ของ Subaru Corporation ทำหน้าที่รับผิดชอบด้านการออกแบบภายนอกของรถยนต์ Subaru กว่า 12 รุ่น รวมถึง Subaru WRX STI รถแรลลี่ในตำนาน โคบายาชิ ได้รับการศึกษาและฝึกฝนในฐานะนักออกแบบแฟชั่นในโตเกียว ก่อนจะสำเร็จการศึกษาด้านการออกแบบคมนาคม ตลอดระยะเวลา 25 ปี ในการร่วมงานกับ Subaru โคบายาชิ กลายเป็นที่รู้จักในนาม ‘hit maker’ เนื่องจากออกแบบรถยนต์ที่ได้รับความสำเร็จมากมาย เช่น Outback, Legacy และ Impreza หลายรุ่น, WRX รุ่นปัจจุบัน, WRX STI, Levorg และ XV รุ่นแรก
ชุดแต่ง GT Edition สำหรับ New Subaru Forester Eyesight รุ่นพิเศษนี้ได้รับการออกแบบรูปลักษณ์เพื่อชาวเอเชียโดยเฉพาะ เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของ Forester ให้มีความแข็งแกร่ง โฉบเฉี่ยวและสปอร์ตมากกว่าเดิม โดยชุดแต่งภายนอกประกอบด้วย
1. สเกิร์ตด้านหน้า
2. สเกิร์ตด้านหลัง
3. สเกิร์ตด้านข้าง (ซ้าย-ขวา)
4. สปอยเลอร์หลังคา
5. ล้ออัลลอยสั่งทำพิเศษขนาด 18 นิ้ว
ภายในยังมีเบาะที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากห้องโดยสารของแกรนด์
ทัวร์เรอร์สมรรถนะสูงจากเยอรมนีและอังกฤษ ระบบเสียงและจอแสดงผลขนาด 8
นิ้วใหม่ และระบบกล้องมองรอบคันรถ 360° (Superview Around Recognition
Three-sixty System)
ช่วยทำให้การจอดรถและหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ตัวช่วยในเรื่องของความปลอดภัยในการขับใช้งาน
ซึ่งเป็นอุปกรณ์แบบใหม่ที่ Subaru เรียกว่า Eyesight ประกอบด้วย
ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Warning
ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง SVRD
กล้องมองภาพมุมมองด้านข้าง บริเวณล้อหน้าซ้าย Side View Monitor
ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน Pre-Collision Braking
ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go
ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน Pre-Collision Throttle Management
ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน Lane Departure Warning
ระบบเตือนเมื่อขับรถส่าย Lane Sway Warning
ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert
Eyesight ทำงานผ่านการตรวจจับของเซนเซอร์และกล้อง Twin Camera ที่ติดตั้งบริเวณกระจกหน้าบริเวณกึ่งกลาง ซึ่งจะมองเห็นกล้องสองตัวอยู่ระหว่างกระจกมองหลัง เซนเซอร์จะประมวลผลจากกล้องมองภาพทั้งด้านหน้าและด้านข้าง สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบๆ รถขณะขับเคลื่อน Eyesight เชื่อมต่อการทำงานกับระบบต่างๆ เช่น Adaptive Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go รวมถึงระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน Pre-Collision Braking ที่ช่วยชะลอความเร็วขณะพุ่งเข้าไปใกล้ท้ายรถคันข้างหน้ามากจนเกินไป ส่วนระบบแจ้งเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert ทำให้คุณรับรู้เมื่อรถคันข้างหน้าเริ่มเคลื่อนที่ สำหรับ Lane Departure Warning ระบบแจ้งเตือนเมื่อเปลี่ยนทิศทางโดยไม่เปิดไฟเลี้ยวหรือมีรถที่อยู่ด้านข้างใกล้เกินไปทำให้การเปลี่ยนเลนมีความปลอดภัยมากกว่าเดิม
Subaru Forester 2.0i-S Eyesight GT Edition AWD วางเครื่องยนต์เบนซิน Boxer เป็นเครื่องยนต์ที่มีความแตกต่างจากเครื่องยนต์สูบเรียง และมีแค่สองแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้นที่ยังคงใช้เครื่องยนต์แบบนี้ (Porsche / Subaru)เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบนอน Boxer ขนาด 2.0 ลิตร ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,995 ซีซี. จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดตรงแบบ Direct Injection พร้อมการออกแบบระบบไอดีที่มีความเหมาะสมเพื่อการตอบสนองที่ดี เครื่องยนต์ตัวนี้มีกำลังสูงสุดแค่ 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดไม่ได้มากมายอะไรแค่พอได้อาศัยแซงแบบต้องเผื่อระยะให้มากหน่อย แรงบิด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ดูเหมือนน้อยเกินไป แต่พอขับแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ารถอืดเกินทนหรือมีกำลังไม่พอ เครื่องยนต์สูบนอน 2.0 ลิตร ต่อเชื่อมกับระบบส่งกำลังซึ่งใช้เกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD Symmetrical All-Wheel Drive
ระบบวาล์วแปรผันทั้งสองฝั่ง (ฝั่งไอดีและฝั่งไอเสีย) เพื่อทำให้เครื่องยนต์สามารถเค้นประสิทธิภาพที่แท้จริงออกมาตั้งแต่รอบต่ำไปจนถึงรอบสูงสุด ระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสียจะควบคุมการทำงานของวาล์วไอดีโดยควบคุมระยะและช่วงเวลาของการเปิด-ปิดวาล์วไอดีให้มีความเหมาะสมประสานไปกับการทำงานของรอบเครื่องยนต์ ในรอบเครื่องยนต์ต่ำ เครื่องยนต์ FB20 แบบสูบนอนหายใจเองโดยไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศต้องการอากาศในการเผาไหม้ในปริมาณที่ต่ำกว่ารอบเครื่องยนต์สูงๆ ซึ่งคล้ายคลึงกับเครื่องยนต์แบบแถวเรียงสี่สูบทั่วๆ ไป เปรียบเทียบได้กับการที่เดินและวิ่ง ต่างก็ต้องการอากาศในการหายใจในปริมาณที่ไม่เท่ากันวาล์วแปรผัน Double Continuous Variable Cam Phasing จะบังคับให้วาล์วไอดีตัวที่หนึ่งเปิดน้อยกว่าวาล์วไอดีอีกตัวหนึ่ง ทำให้อากาศไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ในปริมาณที่เหมาะสม กับที่เครื่องยนต์ต้องการในการเผาไหม้ สำหรับที่รอบเครื่องยนต์สูง ระบบจะบังคับให้วาล์วไอดีทั้ง 2 ตัว เปิดในระยะที่กว้างขึ้น และในช่วงเวลาที่มากขึ้น เพื่อทำให้อากาศที่ไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้มากขึ้น เพียงพอกับการใช้รอบเครื่องยนต์ในรอบสูง Double Continuous Variable Cam Phasing หนึ่งในระบบแปรผันการเปิด-ปิดวาล์ว เพื่อให้เกิดกำลังในรูปแรงบิดที่มีความต่อเนื่องและอยู่ในช่วงกว้างมากยิ่งขึ้น ทำให้เครื่องยนต์มีการตอบสนองดีทุกความเร็วรอบ เครื่องยนต์ที่วางได้ต่ำมากกว่าเครื่องยนต์สูบเรียงช่วยลดค่า CG ทำให้การทรงตัวในโค้งมีความเสถียรมากกว่า ลดอาการโคลงตัวที่ทำให้ควบคุมและนั่งขับได้อย่างสบายเนื้อสบายตัว
เกียร์อัตโนมัติแบบ Lineartronic - continuously variable transmission CVT อัตราทดแปรผัน ติดตั้งระบบล็อกอัพเพื่อเปิดโอกาสให้คนขับสามารถชิฟเกียร์เองได้บนเส้นทางคดเคี้ยวหรือเส้นทางวิ่งขึ้น-ลงภูเขาที่สูงชันโดยมีตำแหน่งเกียร์แมนนวลมาให้ เป็นความสามารถของเกียร์อัตโนมัติที่ใช้สายพานแบบโซ่หรือเกียร์ CVT ที่แข็งแกร่งและถ่ายทอดกำลังได้ดีกว่าเกียร์ CVT ที่ใช้สายพานยาง แม้จะใช้สายพานโลหะแต่ความนิ่มนวลในการส่งถ่ายแรงบิดจากเครื่องยนต์ไปยังล้อขับเคลื่อนทั้งสี่ก็ยังคงความนิ่มนวลในการทดกำลัง เนื่องจากการออกแบบห้องเกียร์และการวางกลไกของชุดเฟือง สมรรถนะที่เคลมจากโรงงาน เจ้า Subaru Forester 2.0i-S มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 10.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 192 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ช่วงล่างด้านหน้าใช้แบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนระบบรองรับด้านหลังเป็นแบบดับเบิลวิชโบน โช้คอัพสปริงและเหล็กกันโคลง ช่วงล่างและจุดยึดรวมถึงมุมทางเรขาคณิตของ Subaru Forester Minor Change ถูกปรับตั้งมุมองศาและปรับค่ามาใหม่หมด เป็นการจูนช่วงล่างเพื่อส่งถ่ายความสบายในการนั่งโดยสาร ช่วงล่างแนวขับสี่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพของการควบคุมแบบสั่งได้ ทั้งการขับบนทางเรียบและขับลุยพอหอมปากหอมคอบนทางวิบากขรุขระ ช่วงล่างของ Forester มีความแข็งแกร่งทนทานรองรับการขับในสภาพทางที่มีความทุรกันดารและมีความเหมาะสมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาสลับกับทางขึ้น-ลงเนินยาวๆ
ยาง Bridgestone Dueler ขนาด 225/55 R18 มีแก้มสูงทำให้เกิดความนิ่มนวลเมื่อวิ่งอยู่บนไฮเวย์ หรือแม้แต่ตอนที่กำลังห้ออยู่บนทางลูกรังที่เต็มไปด้วยหลุมก็ยังซับแรงสั่นสะเทือนและทำงานกับแชสซีได้ดี แต่ยางก็ยังมีเสียงดังมากกว่ายางยี่ห้ออื่น เป็นยางทางเรียบที่มีคุณภาพดีและมีเสียงรบกวนไม่มาก รวมถึงยังมีราคาของยางรุ่นนี้ที่ไม่ได้แพงจนเกินไป อย่างไรก็ตาม ยางติดรถมาจากโรงงานของ Forester ใช้ลุยได้แค่พอหอมปากหอมคอ หากคิดจะจัดแบบเต็มสูบมาแนวโหดหินแบบลุยแหลกแจกสะบัดต้องหายางลุยดอกลึกมายัดแทน Subaru Forester 2.0i-S Eyesight คันทดสอบเป็นรถของลูกค้าและสื่อมวลชนที่ใช้วิ่งทดลองประสิทธิภาพ มันผ่านการวิ่งแบบจัดเต็มมาแล้ว 1,700 กิโลเมตร ทุกอย่างยังคงใหม่เอี่ยม ยางยังอยู่ในสภาพดีและมีช่วงล่างที่ยังทำงานได้อย่างปกติ
คนที่เลือกใช้รถยนต์ยี่ห้อ Subaru ส่วนใหญ่มักเป็นคนที่รักการขับรถเป็นชีวิตจิตใจและชอบรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ หากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง กลุ่มลูกค้าเก่าของ Subaru Forester ก็คือคนที่ตกลงปลงใจเลือกรถ SUV จากแบรนด์หมู่ดาวโดยไม่แคร์หรือไม่สนใจเรื่องของราคาขายต่อและศูนย์บริการที่มีอยู่เพียงน้อยนิด เป็นนักขับที่เบื่อสภาพการควบคุมของรถ PPV ในประเทศที่ขับยังไงก็ไม่สามารถสลัดคราบเคราของรถปิกอัพออกไปได้ในเรื่องของความสบายจากระบบรองรับ อาการโคลงตัว การถ่ายเทน้ำหนักในโค้งหรือขณะที่ต้องใช้เบรกหนักๆ รถแชสซีโมโนค็อกอย่าง Ferester นั้นมีประสิทธิภาพในด้านดังกล่าวดีกว่ารถกระบะดัดแปลง PPV - SUV แต่จะด้อยกว่าในเรื่องของการลุยหนักจากแชสซีและช่วงล่างที่เซตมาแตกต่างกันในด้านความแข็งแกร่งคงทน
X-Mode เข้าควบคุมการหมุนของล้อแต่ละข้าง เพื่อลดหรือเพิ่มแรงบิดไปยังล้อที่เสียสมดุลหรือเริ่มสูญเสียการยึดเกาะ ซึ่ง X-Mode จะเข้ามาช่วยให้การควบคุมรถมีความปลอดภัยขณะขับผ่านทางโค้งหรือขึ้น-ลงเนินเขาที่สูงชัน ระบบห้ามล้อแบบมาตรฐานใช้ดิสเบรกทั้ง 4 ล้อ พ่วงต่อกับระบบความปลอดภัยแบบใหม่หรือ Eyesight คาร์ลิปเปอร์เบรกแบบอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาและมีความแข็งแรง เบรกให้สัมผัสมั่นใจด้วยระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) รวมถึงระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแบ่งสันปันส่วนเฉลี่ยแรงเบรกไปที่ด้านหน้า / หลังโดยผ่องถ่ายแรงดันเบรกเพิ่มขึ้นเมื่อรถมีการโหลดน้ำหนักบรรทุก เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้เบรกแบบฉุกเฉินสามารถทำให้ตัวรถหยุดได้ในระยะที่ปลอดภัย
ความสมมาตรและมีเสถียรภาพด้านการทรงตัวในระดับที่ดี ช่วยให้ผู้ขับขี่มีภารกรรมน้อยลงจากความสมดุล วิศวกรของ Subaru ออกแบบระบบขับเคลื่อนของ New Forester คันนี้เพื่อให้ความมั่นใจในด้านการขับเคลื่อนในทุกย่านความเร็ว นั่นคือเหตุผลที่ Subaru ทำการพัฒนากลไกขับสี่ล้อตลอดเวลาแบบ Symmetrical AWD มาตั้งแต่ปี 1972 และยังคงก้าวต่อไปกับ New Forester ด้วยโหมดขับเคลื่อนล่าสุดหรือ X-Mode เพื่อการใช้งานสำหรับขับขึ้น-ลงทางลาดชันหรือทางวิบากที่มีผิวถนนขรุขระ ระบบขับเคลื่อนแบบทุกล้อตลอดเวลา เพิ่มการส่งมอบพลังงานในรูปของแรงบิดจากเครื่องยนต์มายังชุดส่งกำลังและกระจายไปแรงบิดไปยังเพลาขับหน้า-หลัง ทำให้เกิดแรงฉุดที่ดีตั้งแต่ออกตัวไปจนถึงการทรงตัวที่มั่นคงเมื่อวิ่งด้วยความเร็วเดินทางบนไฮเวย์ ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เข้ามาเพิ่มเติมสมรรถนะของตัวรถ New Forester เมื่อขับผ่านถนนขรุขระหรือที่ทางสูงชัน รวมถึงการขับในสภาวะที่อาจก่อให้เกิดอาการลื่นไถล เช่น วิ่งฝ่าสายฝนบนสภาพทางที่เปียกลื่น
การควบคุมที่มีความมั่นคงยังช่วยทำให้ผู้ขับขี่สามารถนำรถวิ่งฝ่าถนนเปียกลื่น ทางลูกรัง หล่มโคลน หรือผิวถนนที่เต็มไปด้วยหิมะได้อย่างปลอดภัยจากโหมดขับสี่แบบใหม่หรือ X-Mode สำหรับการตอบสนองของระบบเกียร์ Lineartronic - continuously variable transmission CVT จาก Subaru ทันทีที่คันเร่งถูกกด เกียร์แบบสายพานโซ่โลหะที่แทบจะไม่มีระยะของการยืดตัวแบบเกียร์ CVT ที่ใช้สายพานยาง ทำให้การส่งกำลังไปที่ล้อทั้ง 4 เกิดขึ้นในแบบไร้รอยต่อและปราศจากอาการกระตุกกระชาก เกียร์ออโต Lineartronic มีการเปลี่ยนอัตราทดที่ต่อเนื่องและลื่นไหล ช่วยให้การตอบสนองต่อการถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อขับเคลื่อนทุกล้อเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในจังหวะตั้งแต่เริ่มออกตัว ระบบส่งกำลัง Lineartronic ยังจับคู่กับกลไกกระจายแรงบิดผ่านระบบ AWD สามารถตอบสนองต่อการขับแบบลากเกียร์ด้วยโหมดแมนนวลหรือชิฟเกียร์ด้วยตัวผู้ขับเอง การควบคุมแรงบิดจากด้านหน้าไปทางด้านหลังหรือจากด้านหลังถ่ายเทมาด้านหน้าจึงเต็มไปด้วยความสมดุลสูงสุด แตกต่างจาก Honda CR-V / Mazda CX-5 / Nissan X-Trail ซึ่งใช้การขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้าเป็นหลัก ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Honda CR-V / Mazda CX-5 และ Nissan X-Trail จะทำงานก็ต่อเมื่อล้อหลังขาดการยึดเกาะและเป็นการสั่งงานด้วย ECU ที่ผู้ขับไม่สามารถปรับระบบการขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้
พวงมาลัยไฟฟ้าแม่นยำ มีน้ำหนักที่ค่อนข้างคงที่ ขนาดความกว้างของฐานล้อ แกนของรถซึ่งมีการจัดวางเครื่องยนต์ที่วางเอาไว้ต่ำมากเป็นพิเศษ จากลักษณะของเครื่องสูบนอนที่ออกแนวแบนและกว้าง วางอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป มันค่อนข้างแตกต่างจากเครื่องสูบเรียงที่มีความสูงของตัวเครื่องมากกว่า การถ่ายเทน้ำหนักและอาการโคลงตัวอยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อขับอยู่บนไฮเวย์และใช้ความเร็วสูงในบางโอกาส แม้บางช่วงบางตอนจะต้องผจญกับผิวถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอ ไม่ว่าคุณจะขับมันบนทางแบบไหน New Forester รุ่น 2.0i-S พร้อมระบบ Eyesight จะส่งถ่ายสมรรถนะที่แท้จริงของรถยนต์แบบ SUV ออกมาให้สัมผัสกันอย่างจุใจ ทางที่ค่อนข้างลื่นจากฝนที่ตกหนักของพายุฤดูร้อนทำให้เกิดสภาพผิวถนนที่เปียกชื้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของ Forester
รถยนต์ของแบรนด์หมู่ดาวที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้ง XV / Forester / Levorg / WRX / WRX STi รวมถึง Outback เมื่อนำไปวิ่งในสภาพฝนตกหนัก คุณก็จะรับรู้ถึงการยึดเกาะที่เหนือกว่ารถ PPV SUV ความสมมาตรของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่กระจายแรงบิดเท่ากันทั้งหมดบนถนนที่เปียกลื่น มีส่วนช่วยทำให้รถเกิดเสถียรภาพ ความหนึบนุ่มของระบบรองรับ การกระจายแรงไปยังล้อทั้ง 4 จะทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากรถคู่แข่ง ช่วงล่างของ Forester ที่ใส่ยางแก้มสูงทำให้เกิดความนิ่มนวล ขับแล้วรู้สึกผ่อนคลาย บนทางลาดยางข้ามจังหวัดจากเพชรบุรีไปปราณบุรี Forester โลดโผนโจนทะยานเปลี่ยนทิศทางไปตามการหมุนพวงมาลัยจนทำให้ผมรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินเจริญใจมากกว่า PPV ทุกแบรนด์ในปัจจุบันที่เคยได้ลองขับ มันแสดงออกถึงความสามารถของการขับที่เหนือชั้นกว่าออฟโรดทุกๆ คันที่มีราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ถึงแม้ขนาดตัวถังจะใหญ่แต่การควบคุมกลับง่ายดายราวกำลังขับรถคันเล็กที่มีช่วงล่างดีงาม พร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาที่คอยประคับประคองสอดประสานให้เส้นทางที่คุณวิ่งผ่านไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
Subaru Forester 2.0i-S Eyesight GT Edition
แม้จะลุยหนักได้ไม่เท่ากับ PPV SUV ที่แข็งแกร่งกว่า
เพราะใช้พื้นฐานจากรถกระบะ แต่ก็ทรงตัวบนไฮเวย์ได้ดีกว่า
ขับสบายและมีพื้นที่ใช้สอยภายในเหลือเฟือ
ในด้านของการควบคุมก็ถือว่าเป็นรถคันโตที่บังคับควบคุมได้ง่าย
กำลังจากเครื่องยนต์ 2 ลิตร สูบนอนหายใจเอง แค่พอได้อาศัย
ไม่แรงแต่ก็ไม่ได้อืดจนน่ารำคาญ เครื่องยนต์สูบนอน 2 ลิตร
ทำงานไปตามเรื่องตามราว
เร่งรอบสูงขึ้นเร็วใช้ได้แต่แรงบิดจะเหี่ยวๆไปนิดและการเร่งแซงต้องกะระยะเผื่อเหลือเผื่อขาดกันพอสมควร
เกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันทำงานไหลลื่น แม้จะมีอาการย้วยๆ
ขณะเร่งความเร็วแต่ก็เป็นเกียร์ที่เหมาะสมกับแรงบิดของเครื่องยนต์ที่ไม่ได้มากมายอะไร
หากไม่แคร์ศูนย์บริการที่มีไม่เยอะ
ไม่สนอะไหล่ที่บางชิ้นใช้เวลารอนานกว่าชาวบ้านเค้า
เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวแล้วกับ PPV SUV เจ้า Subaru Forester 2.0i-S
Eyesight GT Edition
จะเป็นเอสยูวีพันธุ์แท้ที่มีความน่าใช้งานและความคุ้มค่าเหมาะสมกับราคาค่าตัวที่ไม่แพงจนเกินไป.
SUBARU FORESTER 2.0 i-S EYESIGHT GT EDITION
ชุดแต่ง GT Edition ราคา – 100,000 บาท
อุปกรณ์ภายนอก
ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R18
ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED
ไฟตัดหมอกคู่หน้า
ที่ฉีดน้ำล้างไฟหน้า Headlamp Washer
ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
ไฟหน้า ปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ
ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
ระบบไฟหน้า ปรับตามทิศทางการเลี้ยว
ไฟตัดหมอกหลัง
ราวหลังคา
สปอยเลอร์หลังคา
เสาอากาศแบบครีบฉลาม Shark Fin
กระจังหน้า แบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ
กระจกมองข้าง พร้อมระบบไล่ฝ้า
ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Special X-Mode
ระบบ SI-DRIVE
อุปกรณ์ภายใน
เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า
เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า
เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40
เบาะนั่งด้านหลัง ปรับเอนได้
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีดำ
ระบบเปิด-ปิดฝาท้าย ด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ Push Start Button
แป้นเหยียบ คันเร่ง – เบรก แบบอะลูมิเนียม
พวงมาลัย ปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก)
แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมฟังก์ชัน Auto Hold
แผ่นปิดที่เก็บสัมภาระด้านท้าย แบบถอดเก็บได้
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ ซ้าย-ขวา Dual Zone
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
หน้าจอเครื่องเสียง ขนาด 8.0 นิ้ว
ระบบนำทาง Navigation System
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
ช่องเชื่อมต่อ AUX / USB
ระบบเข้าสู่รถด้วยรหัส PIN
ระบบความปลอดภัย Eyesight
ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Warning
ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง SVRD
กล้องมองภาพมุมมองด้านข้าง บริเวณล้อหน้าซ้าย Side View Monitor
ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน Pre-Collision Braking
ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go
ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน Pre-Collision Throttle Management
ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน Lane Departure Warning
ระบบเตือนเมื่อขับรถส่าย Lane Sway Warning
ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert
ระบบความปลอดภัย
ระบบเบรก ABS / EBD / BA
ระบบ Brake Override System
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC
ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ
ระบบควบคุมแรงบิดอัตโนมัติ เมื่อเข้าโค้ง Active Torque Vectoring
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ESS
ระบบป้องกันรถไหล โดยไม่ต้องเหยียบเบรก AVH
ระบบความปลอดภัย Eyesight ประกอบด้วย
ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Warning
ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง SVRD
ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน Pre-Collision Braking
ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน Pre-Collision Throttle Management
ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน Lane Departure Warning
ระบบเตือนเมื่อขับรถส่าย Lane Sway Warning
ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
ม่านนิรภัย 2 ตำแหน่ง
ถุงลมนิรภัยหัวเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง
เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหลัง
กล้องมองภาพด้านข้างตัวรถ
กล้องมองภาพขณะถอยจอด
จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
คุณกำลังดู: ลองของดี ขับสี่มีชุดแต่ง! SUBARU FORESTER EYESIGHT GT EDITION
หมวดหมู่: รถยนต์