ลุยท้าโลกกับ Isuzu V-Cross 4x4 MAGIC EYEs ใหม่ ตะลุยข้ามพรมแดนจากอุดรธานีสู่วังเวียง
เปิดประสบการณ์ขับ Isuzu V-Cross 4x4 MAGIC EYEs บนเส้นทางอุดรธานี ข้ามชายแดนไทย-ลาวสู่เวียงจันทร์และวังเวียง ตอกย้ำความแข็งแกร่งของปิกอัพสปอร์ตออฟโรดขุมพลัง 3.0 Ddi Blue Power 190 แรงม้า พร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS เพิ่มความปลอดภัยและสะดวกสบายตลอดเส้นทาง
จากความสำเร็จของโปรเจ็กต์พิเศษ “Isuzu V-Cross 4x4 Master Of All Roads…ตัวจริงทุกเส้นทาง” ซีซั่น 1 สู่ “Isuzu V-Cross 4x4 Master Of All Roads…ลุยท้าโลก” ซีซั่นที่ 2 ภาพยนตร์สั้นสะท้อนสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของ “NEW! ISUZU V-CROSS 4X4 MAGIC EYEs” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะใช้งานในแบบออนโรดหรือตะลุยในแบบออฟโรด เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถปิกอัพออฟโรดระดับพรีเมียมสู่ประสบการณ์จริงของการขับขี่ในเส้นทางอุดรธานี สู่วังเวียง และเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
การเดินทางสุดท้าทายพร้อมชื่นชมกับทิวทัศน์ที่สวยงามในครั้งนี้ เริ่มต้นด้วยร้านคิงส์โอชา ร้านอาหารเช้าขึ้นชื่อของจังหวัดอุดรธานี โดยเมนูเด็ดของร้านคือไข่กระทะและขนมปังยัดไส้ที่กรอบนอกนุ่มในหอมอร่อย ก่อนจะเริ่มเดินทางด้วย ISUZU V-CROSS 4x4 MAGIC EYEs รวมทั้งสิ้น 11 คัน ข้ามแดนผ่านด่านหนองคาย ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว โดยการขับรถยนต์ท่องเที่ยวในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวนั้น สามารถใช้ใบอนุญาตขับขี่แบบสมาร์ทการ์ดของประเทศไทยได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำใบขับขี่นานาชาติ
เมื่อเข้าสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงได้ขับรถมุ่งหน้าต่อไปยังร้านอาหาร “Lao Derm Som Ngum” ร้านอาหารแพริมน้ำ ตั้งอยู่บริเวณสะพานท่าง่อน ริมแม่น้ำงึม ห่างจากนครเวียงจันทน์ประมาณ 23 กม. ที่ทุกคนสามารถชมบรรยากาศของลำน้ำงึม ไปพร้อมกับอาหารมื้ออร่อย เพื่อส่งต่อพลังให้กับการขับรถในช่วงบ่าย
หลังจากอิ่มจากอาหารเที่ยงแล้ว ขบวนรถ ISUZU V-CROSS 4x4 เดินทางต่อไปอีก 123 กม. ผ่านทางด่วนพิเศษตัดใหม่สู่เมืองวังเวียง เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของแขวงเวียงจันทน์ ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามและสมบูรณ์ จนได้ชื่อว่าเป็น "กุ้ยหลินเมืองลาว" พื้นที่ของเมืองนี้ เต็มไปด้วยป่าไม้ ถ้ำ และภูเขาหินปูนมากมาย โดยจุดหมายของเราอยู่ที่ สะพานสีฟ้า และถ้ำนางฟ้า ซึ่งเป็นจุดเช็กอินใหม่ของวังเวียงที่ห้ามพลาด
“สะพานสีฟ้า” หรือมีชื่อเรียกที่รู้จักกันดีว่า “ขัวสีฟ้าถ้ำนอน” เป็นสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำซอง ซึ่งจะพานักท่องเที่ยวไปพบกับ “ถ้ำนางฟ้า” ถ้ำหินงอกหินย้อยที่สวยงามตามธรรมชาติ และมีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย ได้แก่ จุดชมวิวบนสะพาน พายเรือคายัค ซิปไลน์โหนสลิง สำรวจถ้ำ และกิจกรรมอื่น ๆ ให้ร่วมสนุกกัน จากนั้นจึงเดินทางเข้าที่พัก ณ โรงแรมอมารี วังเวียง ซึ่งแวดล้อมไปด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติแห่งขุนเขา ตั้งตระหง่านริมแม่น้ำซอง
จากนั้นเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ “พูม่ายคาเฟ่” ร้านกาแฟ ราคาหลักสิบแต่วิวหลักล้าน คาเฟ่ตกแต่งในสไตล์ธรรมชาติ รายล้อมไปด้วยวิวภูเขาล้อมรอบ 360 องศา พร้อมเมนูเครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลาย จากนั้นจึงออกเดินทางต่อไปเพื่อรับประทานอาหารกลางวันที่ “ร้านอาหารเวียงธารา” ตั้งอยู่ใน เวียงธารา วังเวียงรีสอร์ท ได้อิ่มอร่อยกับอาหารนานาชนิด พร้อมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และทุ่งนาอันเขียวขจี
จุดหมายต่อมาคือ “วัดสินไชยาราม” ณ เมืองเฟือง ที่โอบล้อมด้วยภูเขาหินสูงตระหง่าน โดยวัดแห่งนี้มีการสร้างวัดไปพร้อมกับการดูแลอนุรักษ์ป่าไม้ ฟื้นฟูสภาพป่าไม้ เป็น 1 ในพุทธอุทยาน ที่สำคัญใน สปป.ลาว และเป็นสถานที่เรียนรู้พุทธศาสนาและปฏิบัติธรรม รวมถึงเป็นจุดหมายของสายมูทั้งหลายที่มักจะมาขอพรจากพญานาคเพราะมีความเชื่อว่าที่วัดสินไชยารามแห่งนี้เชื่อมต่อกับคำชะโนดในประเทศไทย จากนั้นจึงมุ่งหน้าต่อสู่เมืองเวียงจันทร์ อันเป็นเมืองหลวงของ สปป.ลาว
วันสุดท้ายของทริป เราได้มีโอกาสแวะไปสักการะ “พระธาตุหลวงเวียงจันทน์” (Pha That Luang Vientiane) หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี ศาสนสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของสปป.ลาว องค์พระธาตุหลวงเวียงจันทน์นั้น มีลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น โดยองค์พระธาตุมีความสูง 45 เมตร มีลักษณะคล้ายดอกบัวตูม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์คำสอนของพระพุทธเจ้า ด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา
หลังจากขอพรสักการะเสร็จเรียบร้อย เราแวะรับประทานอาหารเที่ยงกันที่ “ร้านอาหารลาวเดิม” (LaoDerm Restaurant) ร้านอาหารลาวแท้ ๆ ที่มีเมนูอาหารลาวแบบดั้งเดิมที่ดีที่สุดของเวียงจันทน์ เลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นที่สดใหม่สะอาด และยังคงสูตรดั้งเดิมที่สืบทอดมายาวนาน ที่ทุกคนในทริปติดใจในรสชาติอาหารที่กลมกล่อม แซ่บนำ ที่มาพร้อมกับการนำเสนอการจัดวางอาหารที่สวยงาม และแวะจิบกาแฟกันที่คาเฟ่สไตล์มินิมอลของเมืองวียงจันทน์ Au8ust The Living Factory กันอิ่มหนำ ก่อนเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
ปิดท้ายทริป “Isuzu V-Cross 4x4 Master Of All Roads …ลุยท้าโลก” กันที่ร้าน “ซาหมวย แอนด์ ซันส์” ในจังหวัดอุดรธานี อาหารอีสานฟิวชั่นที่การันตีความอร่อยด้วยมิชลินไกด์ 2023 มีเมนูแนะนำเป็นเมนูตามฤดูกาลอย่างจังโก้ เนื้อย่าง และไอศกรีมหมากกระบกช็อคโกแลตหนองคายกับกล้วยปิ้ง ด้วยจุดเด่นของเมนูอาหารที่เลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่น จากตลาดพื้นบ้าน ฟาร์มออร์แกนิก หรือแม้แต่ป่าในพื้นที่ เชฟใส่ใจในรายละเอียดอย่างยิ่ง ทั้งเทคนิคการปรุงและคุณสมบัติทางอาหารและยาของเครื่องปรุงแต่ละชนิด จึงมั่นใจได้ว่านอกจากอร่อยแล้ว แต่ละจานยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย
การเดินทางไปกับ “NEW! ISUZU V-CROSS 4X4 MAGIC EYEs” ในครั้งนี้ ได้ออกเดินทางแบบท้าทายขีดจำกัดของชีวิต พิชิตเส้นทางจากไทย สู่วังเวียง และเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นการขับรถผ่านชุมชน ที่มีความแออัดซึ่งเป็นเส้นทางในเมือง และเส้นทางด่วนจากเวียงจันทน์ ไปยังวังเวียง ขับสนุก ลุยท้าโลกไปทุกเส้นทางกับ “NEW! ISUZU V-CROSS 4X4 MAGIC EYEs”…ทะยานต่อ ให้โลกตาม” อีกขั้นแห่งปิกอัพ สปอร์ตออฟโรดเหนือระดับ แข็งแกร่ง ดุดัน ทรงพลังเต็มสมรรถนะออฟโรด จากภายนอกจรดภายใน
ISUZU V-CROSS 4X4 MAGIC EYEs ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ทำงานผ่านกล้องคู่ 3D Imaging Stereo Camera ที่ถูกติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถกระบะเมืองไทย ทำหน้าที่เสมือนดวงตาคู่อัจฉริยะ ตรวจจับวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ควบคู่ไปกับเรดาร์ 2 จุดและเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน ที่อีซูซุออกแบบให้ทุกระบบความปลอดภัยทำงานผสานร่วมกันเป็นหนึ่ง ให้ความมั่นใจในการเดินทาง
ระบบความปลอดภัย ADAS ที่ได้ลองใช้งานบนเส้นทางครั้งนี้ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) โดยระบบจะทำหน้าที่ควบคุมความเร็วให้คงที่ และจะช่วยควบคุมความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยโดยอัตโนมัติได้จนถึงรถคันหน้าหยุดนิ่ง
อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning) และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking) ที่คอยตรวจจับสิ่งกีดขวางด้านหน้าจากกล้องหน้าคู่ และแจ้งเตือนเมื่อสิ่งกีดขวางอยู่ในระยะกระชั้นชิดเกินไปจนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และจะทำการเบรกโดยอัตโนมัติหากผู้ขับขี่ยังไม่เหยียบเบรกหลังสัญญาณเตือน
โดยเทคโนโลยีเพื่อระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS สามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดถึง 50% (ข้อมูลอ้างอิงจากสภาความปลอดภัยแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา : The National Safety Council, U.S.A.) ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่สามารถลดอุบัติเหตุ โดยระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Forward Collision Warning with Autobrake ช่วยลดการชนท้ายรถคันหน้า 50%)
นอกจากนี้ “NEW! ISUZU V-CROSS 4X4 MAGIC EYEs” ยังมาพร้อมกับดีไซน์ดุดัน ทรงพลังด้วย Front Bumper Guard สีทูโทน พร้อมชุดแต่งสีเทาดำรอบคัน ที่กระจกมองข้าง ราวหลังคา มือจับประตู บันไดข้าง ที่เปิดกระบะท้าย Fender Lip และ Robust Extender
ขณะที่รุ่น V-Cross จะได้ขุมพลังดีเซล 3.0 Ddi Blue Power รุ่น 4JJ3-TCX กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ระบบ Terrain Command สวิตช์เปลี่ยนการขับเคลื่อนจาก 2 ล้อเป็น 4 ล้อ ทำงานได้ฉับไว แม่นยำ เลือกการใช้งานให้เหมาะกับทุกสภาพถนนทั้ง 2H/4H และ 4L พร้อมสมรรถนะในการลุยน้ำได้สูงสุด 800 มิลลิเมตร
อีกทั้งยังมีระบบ Electronic Diff-Lock ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ช่วยล็อกเฟืองท้ายให้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังล้อหลังด้านซ้ายและขวาเท่ากันเพื่อให้ผ่านอุปสรรคอย่างง่ายดาย ช่วงล่างแกร่งทน เกาะถนนเหนือชั้นด้วยโครงสร้างตัวถัง และแพลตฟอร์ม “ISUZU DYNAMIC DRIVE PLATFORM” ที่ออกแบบมิติฐานล้อ และช่วงล้อหน้า-หลัง เพื่อดุลยภาพในการขับขี่ทั้งขณะรถเปล่า และการบรรทุกหนัก
พบกับ “NEW! ISUZU V-CROSS 4X4 MAGIC EYEs” ได้ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai
คุณกำลังดู: ลุยท้าโลกกับ Isuzu V-Cross 4x4 MAGIC EYEs ใหม่ ตะลุยข้ามพรมแดนจากอุดรธานีสู่วังเวียง
หมวดหมู่: รถยนต์