เมื่อสัญญาณไฟสูง กลายเป็นอุปกรณ์กระตุ้นอารมณ์โกรธ!
ช้าแช่ขวา ยกไฟสูงเตือน เกิดอารมณ์ทันที มีเยอะขึ้นทุกวัน!
การแจ้งเตือนรถรอบข้างด้วยการให้สัญญาณไฟรถยนต์ล่วงหน้าคือกฎแห่งความปลอดภัยที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
การให้สัญญาณเมื่อขับรถยนต์ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญลำดับต้นๆ
ในด้านความปลอดภัย สัญญาณต่างๆ
โดยเฉพาะไฟเป็นการบอกความตั้งใจให้กับผู้ร่วมทางรอบๆ ตัวคุณ
ถือเป็นการสื่อความหมายให้รถยนต์คันอื่น รับรู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไร
สัญญาณที่ใช้จึงต้องชัดเจนตรงกับความคิดและการกระทำที่จะเกิดขึ้นต่อไป
หากสัญญาณที่ให้ไม่ถูกต้อง หรือคลุมเครือไม่ชัดเจน
สิ่งที่จะตามมาก็คือการแปลสัญญาณผิด
รวมถึงคนที่ขับโดยไม่ใส่ใจต่อการให้สัญญาณล่วงหน้า
ซึ่งเสี่ยงต่ออันตรายและมีความล่อแหลมต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ซึ่งมีทั้งเล็กน้อยและรุนแรงถึงชีวิต
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเร็วในขณะนั้น
ประเภทของสัญญาณในรถยนต์
-สัญญาณมือ
-สัญญาณไฟเลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง
-สัญญาณเสียงแตร
-สัญญาณไฟฉุกเฉิน
-สัญญาณไฟเบรก
-สัญญาณไฟสูง
-สัญญาณของการขอบคุณซึ่งเป็นมารยาทในการขับรถที่ถูกละเลยมานานแสนนานแล้ว
ไฟเลี้ยว สัญญาณให้ทิศทางล่วงหน้าที่ถูกละเลย
เป็นสัญญาณที่ถูกละเลยและทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเมื่อรถที่จะเปลี่ยนช่องทางแต่ดันไม่เปิดสัญญาณไฟแจ้งเตือนล่วงหน้า
ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดความใส่ใจระลึกรู้ในกฎจราจรหรือกฎแห่งความปลอดภัยในการใช้รถ
การเปลี่ยนช่องทางที่ถูกต้องควรใช้สัญญาณไฟเลี้ยวล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า
50 เมตร มองให้ดีๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนช่องทาง
ไม่ใช่ยกไฟเลี้ยวปุ๊บก็หักพวงมาลัยเลี้ยวทันที
สัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายควรใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
เพราะมีทั้งเลี้ยวเปลี่ยนช่องทางมาทางซ้ายหรือเลี้ยวซ้ายเข้าซอย
รวมถึงสัญญาณเลี้ยวซ้ายเพื่อจอดรถชิดขอบทาง
ระวังการใช้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายบริเวณทางแยกทางร่วม
การวางตำแหน่งของรถที่ชัดเจนและการใช้ความเร็วที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนช่องทางร่วมกับสัญญาณไฟเลี้ยวจะช่วยทำให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ควรให้สัญญาณไฟเลี้ยวล่วงหน้าก่อน 3-5 วินาที
ก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนช่องทางเมื่อเห็นว่าไม่ไปรบกวนรถที่ตามมาด้านหลัง
การเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวค้างไว้นานเกินไปจะสร้างความสับสนให้กับรถคันอื่นที่แล่นอยู่ด้านข้างและด้านหลัง
ไฟฉุกเฉินหรือไฟขอทาง
ทำอะไรตามใจคือไทยแท้
สัญญาณฉุกเฉินที่เห็นกันจนชินตาในบ้านเราเกิดจากการใช้ตามความเข้าใจของตนเองเป็นหลัก
โดยไม่ได้คำนึงถึงสภาพแวดล้อมความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
แม้จะขับผ่านสี่แยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจรก็ยังมีนักขับจำนวนไม่น้อยเปิดไฟขอทาง
ไฟฉุกเฉิน หรือไฟผ่าหมาก แล้วแต่จะเรียกกันตามความถนัด
ฝนตกอากาศปิดเพราะหมอกลงจัด
หมอกควันจากไฟไหม้หญ้าข้างทางก็ยังมีคนเปิดไฟฉุกเฉินโดยคิดว่าให้สังเกตเห็นง่ายไว้ก่อน
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากไฟฉุกเฉินจึงเกิดขึ้นจากรถร่วมทางที่แปลสัญญาณความหมายของไฟฉุกเฉินที่คุณเปิดผิดเต็มๆ
เช่น วิ่งเข้ามาที่สี่แยกจากมุมใดมุมหนึ่ง
สัญญาณไฟฉุกเฉินที่ปรากฏในสายตาของรถคันอื่นอาจแปลความหมายว่าคุณกำลังจะเลี้ยว
ทั้งๆ ที่จะตรงไป
ไม่มีใครมารับประกันว่ารถยนต์ร่วมทางคันอื่นจะเห็นไฟของคุณหมดทุกด้าน
กฎหมายจราจรกำหนดห้ามใช้ไฟฉุกเฉินขณะที่กำลังวิ่ง ในต่างประเทศก็เช่นกัน หากจะใช้ก็ให้ใช้เพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น สัญญาณไฟฉุกเฉินใช้ในกรณีรถเสียแล้วไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ หรือเมื่อต้องจอดล้ำเส้นออกมาในผิวการจราจร สัญญาณไฟฉุกเฉินนั้นไม่ได้ให้อภิสิทธิ์แก่ผู้ใช้อย่างที่เคยเข้าใจกันไปเอง และเมื่อฝนตกหนักก็ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน ซึ่งอาจทำให้รถร่วมทางเกิดความสับสนขณะที่กำลังวิ่งอยู่ท่ามกลางการมองที่ย่ำแย่ โปรดเข้าใจวิธีการใช้และเปลี่ยนความคิดที่เคยครอบงำทำให้ใช้ไฟฉุกเฉินผิดมาโดยตลอดด้วยเถอะครับ
ไฟสูง (อุปกรณ์กระตุ้นอารมณ์โกรธ)
การกะพริบไฟสูงเปรียบเหมือนการแจ้งเตือนคล้ายกับการใช้สัญญาณแตร
มักใช้ในเวลากลางคืน
แต่ก็ใช้ตอนกลางวันในบางจังหวะจะโคนที่ต้องการเตือนรถที่กำลังจะเลี้ยวกลับรถซึ่งอาจล้ำเข้ามาในเส้นทางที่คุณกำลังขับเคลื่อนอยู่
หรือขอทางรถที่วิ่งช้าขับอยู่ในช่องทางด้านขวา
ตีคู่ไปกับรถเลนซ้ายด้วยความเร็วที่เท่ากันจนรถคันหลังที่วิ่งเร็วกว่าต้องชะลอตัว
สัญญาณไฟสูงนอกจากจะเป็นการเตือนให้ระวังแล้วยังใช้เป็นเทคนิคพิเศษเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย
ขณะขับรถตอนกลางคืนบนถนนแบบสองเลนสวนกัน
การกะพริบไฟเตือนถือเป็นการแจ้งเตือนรถที่แล่นสวนทางมาเพื่อแจ้งให้ทราบหรือให้ระมัดระวัง
การกะพริบไฟสูงเหมาะกับทางข้ามยอดเนิน สะพานที่โค้งยาวต่อเนื่องรวมถึงเหลี่ยมมุมโค้งในหุบเขา ใช้ไฟสูงเพื่อเตือนรถที่แล่นสวนมาบนทางที่ค่อนข้างคับแคบ ยกไฟสูงเพื่อตรวจสอบมุมอับ ถนนที่มืดมิดไม่มีไฟส่องสว่าง หรือเพื่อตรวจสอบผิวถนนว่ามีอะไรหล่นหรือกองอยู่ เช่น เศษยางรถสิบล้อที่ระเบิด ไม้หนุนรถบรรทุก เศษดินที่รถบรรทุกทำหล่นไว้ การยกไฟสูงต้องระวังไม่ให้ไฟของคุณไปแยงตารถที่แล่นสวนมา หากเห็นว่ามีเพื่อนร่วมทางที่ขับสวนมาก็ต้องรีบตบไฟกลับไปเป็นไฟต่ำเพื่อเพิ่มมุมมองให้กับรถที่แล่นสวนมาด้วยความเร็ว แถมยังช่วยทำให้ปลอดภัยไฟสูงไม่ไปแยงตาจนรถสวนมามองอะไรไม่เห็นแล้วขับเข้ามาในเลนของคุณจนเกิดการประสานงากันขึ้น ไฟสูงยังใช้กะพริบเมื่อต้องการแซงอีกด้วย
ไฟสูงยังเหมือนกับการกระตุ้นอารมณ์โกรธของนักขับบางคนที่ไม่สนใจโลก
ไม่รู้ตัวหรือไม่สนใจว่าเลนทางขวานั้นมีไว้สำหรับแซง
และเมื่อแซงผ่านแล้วก็ต้องกลับไปวิ่งที่ช่องทางด้านซ้ายเหมือนเดิม
แต่บนถนนของประเทศไทยในทุกวันนี้
จะหานักขับที่ปฏิบัติตามกฎจราจรเพื่อความปลอดภัยและใส่ใจต่อรถยนต์รอบตัวน้อยลงทุกวัน
การกะพริบไฟสูงเตือนรถที่วิ่งช้าอยู่เลนขวาสุดอาจทำให้เกิดความไม่พอใจแต่ไม่ได้ดูว่าตัวเองนั้น
กำลังใช้ถนนแบบกีดขวางทางจราจร
แต่การคาไฟสูงใส่รถคันข้างหน้าจากความโมโหที่ไม่ยอมหลบให้แซง
ก็อาจทำให้เกิดเรื่องเกิดปัญหากันมาเยอะแล้ว
บางกรณีถึงกับทำร้ายร่างกายกันก็มีให้เห็นบ่อยๆ
ถ้าเห็นว่าคาแบบไม่สนใจใครทั้งสิ้น ก็ควรหาทางไปเอาเองเถอะครับ
อย่าใช้อารมณ์ด้วยการสาดไฟสูงใส่
สุดท้ายอาจตามมาด้วยอุบัติเหตุหรือการทะเลาะเบาะแว้ง
ซึ่งการกระทำดังกล่าวเราสามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
คุณกำลังดู: เมื่อสัญญาณไฟสูง กลายเป็นอุปกรณ์กระตุ้นอารมณ์โกรธ!
หมวดหมู่: เคล็ดลับยานยนต์