“ปาน ธนพร” เล่นหนังครั้งแรกเพิ่งเข้าใจชีวิตดิ้นรนหาเช้ากินค่ำ รับโสดมานานจนไม่คิดมีคู่
ครั้งแรกกับการรับงานแสดงภาพยนตร์แบบเต็มตัว นักร้องดีว่าสาวตัวแม่ “ปาน–ธนพร แวกประยูร” ยอมรับว่าบทบาทท้าทายสุดๆ กับการรับบทคุณแม่บ้าหวยหวังถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ในภาพยนตร์ “The Lost Lotteries ปฏิบัติการกู้หวย” ทาง Netflix ที่มีครบทุกรสชาติทั้งยกก๊วนฮาคอมเมดี้และสะท้อนสังคมยุคนี้
ปาน เล่าเริ่มจาก อะไรทำให้ตัดสินใจรับบทนี้ที่หลายคนเซอร์ไพรส์?
“อันดับแรกคือพี่ไม่เคยเล่นภาพยนตร์มาก่อน ก่อนหน้านี้ก็มีหลายเรื่องที่ติดต่อมาบ้างแต่ก็คลาดเคลื่อนกันไป พอเรื่องนี้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเรา อย่างแม่ค้ามาขายลอตเตอรี่พี่ก็ซื้อนะ แต่เราไม่เคยรู้ว่าถ้าใช้ชีวิตแบบเค้าแล้วจะเป็นยังไง บทแม่ต้อยถือว่าท้าทายถึงแม้จะมีประสบการณ์ด้านการแสดงละครเวทีมาบ้างแต่ก็อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด ถือเป็นการเรียนรู้ด้วย เป็นเรื่องที่สนุกดี เลยเปิดใจดู”
ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหม่อย่างสกาย-วงศ์รวี เป็นแม่ลูกกันเป็นไงบ้าง?
“ตอนแรกก็หวั่นๆ เพราะเราก็ไม่รู้จักกันมาก่อน ต้องขอบคุณที่มีเวิร์กช็อปเราเวิร์กช็อปการแสดงติดต่อกันสามวัน เพื่อละลายพฤติกรรม ตัวพี่ก็เชื่อว่าเค้าจะเป็นลูกเราได้ ด้วยวัยด้วยอะไรแล้วน้องก็น่ารักมากค่ะ มีคนบอกว่าเมื่อก่อนน้องเค้าพูดน้อยแต่เค้าก็เป็นเด็กตลกๆก็เล่นกับพี่ๆ กับเพื่อนๆสนุก สนานดี และก็มีวินัยในการทำงาน เป็นเด็กที่น่ารักค่ะ”
การรับบทแม่ต้อยได้อะไรมาปรับใช้กับตัวเอง?
“บทแม่ต้อย พอมาเล่นตอนที่เราอายุเท่านี้ ซึ่งเราผ่านชีวิตมาประ มาณนึง บวกกับเรารู้บทเรียนที่ชีวิตมันสอนมา พอมารับบทที่เป็นชีวิตแบบบทนี้ ขอใช้คำว่าเข้าใจแล้วกันค่ะ รู้สึกเข้าถึงคนที่ต้องหาเช้ากินค่ำมากขึ้น มีความดิ้นรน นี่แหละคือชีวิตจริงๆ ของมนุษย์เรา นี่คือพื้นฐานเลย ทำมาหากิน เลี้ยงลูก ทุกคนมีภาระ มีหนี้สิน ขณะเดียวกันก็มีความหวังอยู่ในนั้นด้วยถึงมันจะเป็นความหวังแบบลมๆเพ้อๆ กับวันที่ 1 กับ 16 เค้าสอนเราว่าคนที่เค้าปากกัดตีนถีบแต่เค้าไม่ได้คิดว่าเค้าลำบาก เค้าคิดว่ามันคือชีวิต ถ้าไม่ทำก็ไม่มีกิน เค้าไม่มีเวลามานั่งเสียเวลากับดราม่าชีวิตมากมาย”
แฟนๆคิดถึงเพลงของพี่ปาน จะมีโอกาสเล่นคอนเสิร์ตบ้างมั้ย?
“ตอนนี้มีอัลบั้มที่เป็นการทำงานกับใบชา song เป็นค่ายเล็กๆ ใครเป็นแฟนเขาก็จะรู้ลายเซ็นเค้า จะออกอินดี้ๆ หน่อย ผลิตไม่มาก อาศัยคนที่ชอบฟังเพลงจริงๆ พี่ก็มีอัลบั้ม “ดอกไม้ที่กลับมา” ออกไปเมื่อกลางปี มีคนจำนวนนึงที่มาสั่งซีดี สั่งไวนิล ใครที่เป็นนักสะสม ชอบเล่นแผ่นเสียง ก็จะมาสั่ง วางแผนไว้ว่าปีหน้าจะทำคอนเสิร์ตช่วงเดือน ก.พ. แต่คงไม่ได้ทำใหญ่โตเนื่องจากเราเป็นค่ายเล็ก ก็ทำแบบเล็กๆเป็นคอนเสิร์ตมินิมอล แต่เราอยากทำเพลงให้คนที่รักในงานเก่า รักในสีสันของดนตรีแบบเก่าๆ ได้มาร่วมสนุกกัน”
ยังมีอะไรในวงการอีกมั้ยที่อยากทำหรือท้าทายปาน?
“งานที่ยังไม่เคยทำคืองานพากย์เสียง จริงๆพี่ชอบการทำงานในห้องอัดที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทางไหน จะเป็นพากย์ จะเป็นร้องไกด์ ร้องคอรัส ทุกวันนี้ก็ยังอยากทำแต่ไม่ค่อยมีใครกล้าใช้เราเพราะคิดว่าเราแพงแต่พี่ก็จะพูดเสมอว่าพี่รับ ยังชอบอยู่ค่ะ”
รู้สึกยังไงที่การใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและอยู่ในหลักธรรมของพี่ปาน เป็นแรงบันดาลใจของหลายคน?
“ไม่กล้าที่จะคิดเลย ทุกวันนี้พี่ยังสะง่อนสะแง่น ต้องใช้คำนี้เลย เราก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนยังต้องพึ่งบารมีครูบาอาจารย์ พึ่งคำสั่งสอน แต่ท่านก็ทำได้แค่ชี้แนะ สุดท้ายมันอยู่ที่ตัวเรา เราก็รู้สึกยินดีที่จะรับการสั่งสอนนั้นก็จะทำให้เรามั่นใจว่าเราจะไม่หลงทาง เพราะว่าเราจะไม่มัวเมาให้เราอยู่บนโลกได้อย่างเข้าใจมากขึ้น พี่ว่าเรื่องนี้มันเป็นความยั่งยืน เลยรู้สึกว่าควรแบ่งเวลาตลอดทุกเดือนมีเวลาไปบ่มเพาะตัวเองไปอยู่กับธรรมชาติ พี่ไปอยู่ที่ภูผาธรรมให้พระอาจารย์ท่านขัดเกลา ไปรับใช้ท่าน เป็นการทำควบคู่ไปกับงานทางโลกของเรา ลดละตัวตนไปในตัว ยอมเดินทางเหนื่อยหน่อย แต่ว่าสิ่งที่ได้มันคุ้มค่า เพราะว่าพี่เชื่อว่าวิชาใจยังไงก็สำคัญกว่าวิชาโลก และพี่ก็จะใช้อินสตาแกรมนี่แหละเป็นพื้นที่เล็กๆน้อยๆเพื่อที่จะเผยแพร่เวลาเราเห็นครูบาอาจารย์ท่านสอนใคร หรือคำสั่งสอนมันดี พี่ก็จะชอบลงเอาไว้ เผื่อคนอ่านผ่านไปผ่านมา”
เรื่องความรัก คู่ครองชีวิต เคยบอกว่าไม่คิดมีความรักแล้วอยู่กับตัวเองดีที่สุดยังเป็นอย่างนั้นมั้ย?
“ยังเป็นอยู่ค่ะ คือไม่ใช่ว่าพี่รังเกียจความรัก พี่กลับรู้สึกว่าพี่ต้องทำความเข้าใจมันอย่างมาก มันไม่ใช่ว่าเราไม่เคยมีความรัก เรามี แต่ว่าพี่คิดว่าที่ผ่านมาเรารักไม่เป็น เรารักแล้วเราไปยึดไง มันก็เลยเกิดความทุกข์ เกิดความไม่เข้าใจ แต่ว่าทุกวันนี้ อยู่คนเดียวมาเป็นสิบๆปี เราก็เรียนรู้ โดนขัดเกลาโน่นนี่นั่นหลายอย่าง ก็ทำให้เราเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าจริงๆแล้วถ้าเราอยู่กับตัวเองได้ ก็จะไม่ต้องการคนอื่นหรอก ไม่ใช่ว่าเราเย่อหยิ่งนะแต่ว่าเราอยู่กับตัวเองได้ แต่เรากลับต้องการการมีเพื่อน มีกัลยาณมิตร ไปไหนก็ได้มันอิสระอย่างยิ่ง ชีวิตคนเรามันอยู่บนความไม่แน่นอน ทุกอย่างอยู่บนความไม่เที่ยง พี่ปานก็ไม่รู้ ชีวิตพี่อาจจะไปเจอคู่แท้ตอนอายุ 50 ก็ได้ มันก็เป็นเรื่องของโชคชะตา อนาคตเราไม่ต้องคิด ทำปัจจุบันของเราก่อน ถ้าปัจจุบันเรามีความสุขก็อยู่กับตรงนี้แหละดีที่สุดเพราะว่ามันสร้างเหตุได้มากที่สุด แล้วก็ทำตรงนี้ดีกว่า”.
คุณกำลังดู: “ปาน ธนพร” เล่นหนังครั้งแรกเพิ่งเข้าใจชีวิตดิ้นรนหาเช้ากินค่ำ รับโสดมานานจนไม่คิดมีคู่
หมวดหมู่: ความบันเทิง