เปิดใจ "เปอติ๊ด" ถึงเพลง “die tryin” และตัวคนใหม่หลังผ่านวิกฤตที่ไม่คิดว่าจะรอด
สนทนากับ "เปอติ๊ด" หลังผ่านวิกฤตหนักในชีวิตจนพบตัวตนใหม่ที่โตขึ้น และการหวนคือ The Voice Thailand
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เปอติ๊ด-ญาดา โกเมศ ศิลปินโซลจากเวที The Voice Thailand ซีซั่น 4 ผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิต ทั้งการเริ่มต้นกับค่าย Yeezaa ที่ทำกับ ยิ้ม-ประวิทย์ ฮันสเตน อดีตสมาชิก Somkiat และในขณะเดียวกันก็ได้สูญเสียสมาชิกครอบครัว จนตั้งตัวไม่ทัน และจากนั้นไม่นานเธอก็มาเยือนรายการ The Voice All Stars ในภาพลักษณ์ที่โตขึ้น
และในวันที่เธอมากับเพลง “die tryin” ซึ่งเธอได้มากับภาพลักษณ์และซาวด์ใหม่ที่ต่างออกไป จนเราต้องพาเธอมาพูดคุยเรื่องงานใหม่ และไขปริศนาเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงหลายแง่มุมของชีวิตเปอติ๊ด ที่เธอมาเล่าทุกอย่างในวันที่ฟ้าหลังฝนเธอใกล้เข้ามา
เส้นทางของเปอติ๊ด กับ Yeezaa มีจุดเริ่มต้นอย่างไร ?
เปอติ๊ด : คิดว่าเราก็เป็นคนที่มีส่วนเริ่มต้นกับค่าย Yeezaa ทั้งพี่ ยิ้ม Somkiat และ Daynim ที่ออกมาจากบ้านเดียวกันก็มารวมกัน พอดีเป็นแก๊งค์ปาร์ตี้ก็แบบ ยิ้มทำค่ายไหม ไหนๆ เราก็อยู่ด้วยกันขนาดนี้ อยู่ด้วยกันก็บ้าบอมาก คอนเทนต์ที่ทำด้วยกันก็นี่คือะไรนะ สาระอยู่ตรงไหน แต่ละคนมีเพลงที่แตกต่าง แนวทางแตกต่าง แต่เป็นตัวเองสุดมากๆ บ้ามากๆ เป็นความบ้าที่สุด
แล้วเปอติ๊ดปัจจุบันต่างจากแต่ก่อนอย่างไรบ้าง ?
เปอติ๊ด : เหมือนเราโตขึ้น แก่ขึ้น โตขึ้นเร็วมาก สมัยก่อนดนตรีเยอะๆ ฉูดฉาด เดี๋ยวนี้มันผ่านความเจ็บปวด สูญเสียด้วยอายุ เหมือนไวน์พร้อมดื่ม ยิ่งบ่มยิ่งรสดี คราวนี้ดนตรีน้อยๆ ได้ยินเนื้อเสียงเต็มๆ ความบาดในเส้นเสียง รอบนี้จะจบเป็นอัลบั้ม จะมีความวาไรตี้ แต่จะจบแบบโซลอาร์แอนด์บีแน่นอน แต่จะมีอะไรเพิ่มมาต้องรอดู
เพลง “die tryin” มีที่มาอย่างไร ?
เปอติ๊ด : จุดเริ่มต้นคือคุณพ่อเสีย แล้วแมวที่เลี้ยงมา 12 ปี เหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวก็เสีย เสียแล้วเสียอีก ญาติก็เสีย เราไม่คิดว่าเราจะรอดมาได้ แต่ก็ยังมีชีวิตรอดมาได้ เพราะเราโคตร “die tryin” พยายามจะมีชีวิตอยู่ และเป็นเพลงกึ่งกำลังใจสำหรับคนที่ผ่านวิกฤต ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว เธอยังมีเราที่อะไรมาเหมือนกัน มาพยายามมีชีวิตอยู่ด้วยกันดีกว่า
อยากบอกอะไรกับคนที่กำลังเจอวิกฤต ?
เปอติ๊ด : เปอจะมีคำหนึ่งที่พูดเสมอว่า วันนี้ไม่ใช่วันของเรา วันหน้าต้องเป็นของเรา ไม่ว่าจะวันไหน แต่มีแน่นอน พอมีเรื่องเข้ามา เราจะแบบนี่แหละชีวิต ชีวิตคนเราต้องเจอ อาจจะเจออะไรมากกว่าชาวบ้านนิดนึง แต่วันหน้าต้องเป็นของเราแน่นอน เสียใจได้ แต่เราต้องข้ามไปให้ได้ ขนาดในตัวเนื้อเพลงยังมีท่อน “Raise Glass Cheer to What I Have Lost” ดื่มให้กับสิ่งที่สูญเสียไปแล้วอย่างชีวิต และดื่มให้กับสิ่งที่กำลังจะเข้ามา
เปอติ๊ดใน The Voice All Stars ต่างจากตอนแรกอย่างไร ?
เปอติ๊ด : รอบนี้มันสนุก เพราะมันรียูเนี่ยนแล้ว ไม่มีใครคิดเป็นการแข่ง คำถามแรกคือใครมาบ้าง ไม่ได้คิดว่าจะแข่งกับใคร แต่อยากเจอเพื่อน รียูเนี่ยน ไม่มีความกดดัน พักกองมาก็จกส้มตำชิลล์ๆ เล่นกัน
แล้วบนเวทีมันต่างจากซีซั่นที่เราเคยแข่งไหม ?
เปอติ๊ด : ต่างค่ะ เพราะเราแข่งมาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้ไม่กดดัน ไม่เครียด ฉันมาโชว์ ไม่ใช่การแข่งคนในทีมก็รู้จักกันมานานแล้ว ก็แบบเรามาทำโชว์นี้ให้ดีที่สุดกันเถอะ ได้เติมไฟ แบบบางคนที่ไม่รู้จักเราก็ได้รู้จักเรา คนที่รู้จักเราในซีซั่น 4 ก็มารู้จักเราในวันที่โตขึ้น ก็แบบตอนนั้นเปอติ๊ดเด็กอยู่เลย ตอนนั้นโตเป็นสาวแล้ว
จะมีร่วมงานกับเพื่อนๆ ในรายการไหม ?
เปอติ๊ด : อยู่แล้ว! เพราะเขาจะมีคุยๆ กันว่าอยากร่วมงานกับคนนี้ อยากร่วมคนนั้น เราก็มีจีบๆ ว่าอยากทำกับคนนี้ แต่ตอนนี้ทุกคนน่าจะยุ่งกัน เรื่องการจัดสรรเป็นเวลาน่าจะเป็นเรื่องลำบากทั้งการคุยเพลงเข้าห้องอัด
หลังจากนี้เปอติ๊ดจะมีอะไรให้ติดตามบ้าง ?
เปอติ๊ด : ก็จุดเริ่มต้นคือ “die tryin” และตั้งใจทำอัลบั้มให้เป็นสากลไปเลย อยากขยายฐานกลุ่มแฟนไปเมืองนอก เพราะตัวเลขหลังบ้านก็เป็นต่างชาติเยอะแล้ว
Photo by Ditsapong K.
คุณกำลังดู: เปิดใจ "เปอติ๊ด" ถึงเพลง “die tryin” และตัวคนใหม่หลังผ่านวิกฤตที่ไม่คิดว่าจะรอด
หมวดหมู่: เพลง