เปิดใจที่แรก กานต์ นางสาวไทย 2566 กับความหวังที่อยากไปต่อเวที Miss World

22 มี.ค. 2566 | 17:19 น.

การประกวดนางสาวไทย 2566 จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสาวไทยตัวแทนจากหัวเมืองเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ กานต์ ชนนิกานต์ สุพิทยาพร คว้าตำแหน่งเอาไปครอง ถือเป็นคนที่ 54 ของประเทศ

ซึ่งเธอไม่เพียงแต่สวยสง่า ทรงพลัง และเฉลียวฉลาดตรงกับคอนเซปต์ “The Ultimate Precious” (ที่สุดแห่งความล้ำค่า) เท่านั้น เธอยังมีความสามารถพิเศษและคว้ารางวัลสำคัญๆ ที่น่าสนใจอย่างมากมาย

และ กานต์นอกจากจะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้แล้ว เธอยังมีความสามารถพิเศษ คือ รำไทย ฟ้อนขันโตก ฟ้อนผาง ฟ้อนที ฟ้อนสาวไหม นักแสดง และทำโครงการ “Underprivileged to precious ด้อยโอกาสสู่ได้โอกาส” ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการทำกิจกรรมร่วมกับน้องๆ ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน และกำลังมีผลงานแสดงละครอีกด้วยกับทางช่อง 3

อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้ กานต์ จะร่วมปฏิบัติภารกิจสาธารณกุศลมากมาย เพื่อเป็นตัวแทนหญิงไทยแห่งยุคสมัยใหม่ ในฐานะภูมิปัญญาแห่งอนาคต รวมถึงเป็นกระบอกเสียงให้กับสังคม ส่งเสริมและยกระดับการศึกษาให้คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับเด็กที่ด้อยโอกาสทางศึกษา และเป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

รวมถึงจะเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวไปประกวดบนเวทีระดับนานาชาติอย่าง Miss World ด้วย ซึ่งจากข่าวดังกล่าว ประเด็นนี้เลยกลายเป็นกระแสที่ถูกแฟนนางงามถกเถียงและลุ้นกันอยู่ ว่าสรุปแล้ว กานต์ นางสาวไทย 2566 จะได้เป็นตัวแทนไปประกวดMiss World (มิสเวิลด์) หรือไม่

เพราะบางกระแสข่าวก็บอกมาว่าน้องอาจจะไม่ได้ไปแล้ว เนื่องจากทางเทโร เจ้าของ MISS THAILAND WORLD ตัวจริง ยังไม่ได้ให้ลิขสิทธิ์ใคร และจะจัดประกวดเอง อย่างไรก็ตามตอนนี้ทุกคนยังไม่ทราบว่าข้อเท็จจริง และข้อสรุปสุดท้ายนั้นเป็นยังไงแน่ แฟนนางงามต้องรอติดตามกันต่อไป

ล่าสุด ทีมนางสาวไทย 2566 ได้เดินทางมาขอบคุณสื่อมวลชน หลังจากเสร็จสิ้นการประกวด และ กานต์ชนนิกานต์ ได้เปิดใจกับทางบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ถึงประเด็นดังกล่าวว่า "ก็รอลุ้นอยู่ว่าจะได้ไปประกวดที่ไหนต่อ อาจจะมีหลายข่าวที่ออกมา ก็คิดว่าคงต้องรอผู้ใหญ่แจ้งอีกครั้งหนึ่ง ว่าผลสรุปจะเป็นยังไง

ถ้ามันไม่ได้เป็นไปตามแบบที่เราคิดไว้ ก็ต้องยอมรับว่าเสียใจอยู่แล้ว เพราะเราตั้งเป้าหมายมาก็เพื่อเป้าหมายนั้นเลย แต่ก็จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด คือถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ไปต่อ แต่เราก็มีหน้าที่อื่นให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติภารกิจนางสาวไทย หรือตำแหน่งที่เปิดโอกาสให้เราก้าวสู่เข้าวงการบันเทิง

เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีงานติดต่อเข้ามาแล้วเหมือนกัน ก็เลยรู้สึกว่าเราพัฒนาจุดที่เรามีอยู่ก็ได้ คือเป้าหมายเรามันมีมากอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเป้าหมายสูงสุดเราไปไม่ถึง เราอาจจะเลือกเป้าหมายรองถัดมาแทนเท่านั้นเอง แต่ยอมรับว่าเสียดายค่ะ เพราะว่ามันคือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตเหมือนกันที่อยากจะไปประกวดบนเวทีระดับโลก

แต่ถ้าได้ไป Miss World เราก็มีเรื่องที่อยากจะคุยกับทุกคนในระดับโลกเยอะมากๆ ทั้งเรื่องในโครงการของตัวเองที่หนูรู้สึกว่าเราไม่ได้มีความบกพร่องในแค่ประเทศไทย แต่ปัญหานี้เรามีกันทั่วโลก และหนูรู้สึกว่าเรายังมีอีกหลายๆ คนที่กีดกันความสามารถของพวกเขาอยู่ หรือแม้กระทั่งการที่พวกเขาอยากจะได้กำลังใจมากขึ้นในการที่จะมีแรงใช้ชีวิต

ซึ่งอย่างตอนที่หนูไปทำโครงการนี้ หนูรู้สึกว่าการทำโครงการของหนูไม่ได้เป็นการช่วยเหลือ หรือให้แค่เฉพาะกลุ่ม แต่มันเหมือนเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนได้เลย อย่างตัวหนูเองก็ได้กำลังใจมาจากน้องๆ คือ โครงการของหนูทุกอย่างมันเป็นไปได้ และอย่าให้ข้อจำกัดบางอย่างมาเป็นการขีดเส้นใต้ความสามารถของเรา ซึ่งตรงนี้มันเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนูมาก

ส่วนความคาดหวังหากได้ไป เราก็ต้องหวังให้ตัวเองเข้ารอบก่อนเลยอันดับแรก และอยากให้สปีชการพูดของเรามันส่งถึง ซึ่งต้องฝึกภาษาให้คนทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทยเรามีอะไรดีบ้าง รวมไปถึงโครงการของเรามันสำคัญต่อคนระดับโลกยังไง เพราะถือว่ามันเป็นภาพรวมของการเป็นพลเมืองโลกที่เราจะไปทำประโยชน์เพื่อโลกของเรา และหนูรู้สึกว่าความเป็นไทยของเรา ความสามารถของเราจะต้องจับใจแน่นอนค่ะ".