เปิดประวัติเจ้าชายลูกทุ่ง ก๊อท จักรพันธ์ กว่าจะมีวันนี้สู้สุดชีวิต
ถ้าพูดถึงนักร้องลูกทุ่งที่มีชื่อเสียงเบอร์ต้นของประเทศไทย คงหนีไม่พ้น ก๊อท จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ เจ้าของฉายา เจ้าชายลูกทุ่ง ที่แม้เวลาจะผ่านมากี่ปี แต่ชื่อเสียงและเพลงของก๊อทก็ยังได้รับความนิยมอยู่เสมอ
วันนี้ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ จะพาแฟนๆ ไปย้อนประวัติของ ก๊อท จักรพันธ์ ว่ากว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิตเหมือนทุกวันนี้ เขาต้องต่อสู้และอดทนมาไม่น้อย
ก๊อท จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ เกิดที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นลูกคนที่ 3 จาก 4 คน พ่อของก๊อทเป็นทหารชาวอเมริกันย้ายมาประจำการที่จังหวัดนครราชสีมา และพบรักกับแม่ซึ่งขณะนั้นเป็นแม่ครัวในค่ายทหาร ทั้งคู่แต่งงานกันมีลูกด้วยกัน 4 คน
ก่อนที่พ่อจะถูกเรียกตัวกลับอเมริกาตั้งแต่ก๊อทยังเด็กมาก และแม่ไม่ย้ายไปด้วยตามคำชวนเพราะห่วงยาย พ่อของก๊อทต้องย้ายไปประจำการอีกหลายประเทศ จึงขาดการติดต่อทางจดหมายโดยไม่รู้ชะตากรรมในที่สุด
ก๊อทเป็นเด็กเงียบๆ ชีวิตวัยเด็กลำบากมาก เพราะครอบครัวยากจนอยู่บ้านเช่า แม่ทำงานรับจ้างได้ค่าแรงรายวันไม่มาก พี่สาวและพี่ชายได้เรียนแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็ต้องออกมาทำงานหาเงิน
แม่ส่งก๊อทไปให้อยู่กับตายายตั้งแต่อายุ 6 ขวบ และเกือบไม่ได้เรียนหนังสือแต่โชคดีมีคนรู้จักกันขอไปเลี้ยงดูเป็นลูกที่จังหวัดกาญจนบุรี แม่จึงตัดสินใจยกให้เพื่ออนาคตของลูก
พ่อบุญธรรมของก๊อทเป็นทหาร แม่บุญธรรมเป็นแม่บ้าน และดูแลเขาเป็นอย่างดี ชีวิตของก๊อทเปลี่ยนไปเหมือนเกิดใหม่ ก๊อทเริ่มได้รับอิทธิพลเรื่องเพลงตั้งแต่ช่วงนั้น เพราะพ่อแม่บุญธรรมชอบฟังเพลงลูกกรุง จึงได้ฟังบ่อยๆ และซึมซับ
หลังจากที่ไม่ได้ติดต่อแม่เป็นเวลานาน และสืบจนทราบว่าแม่อยู่ไหน ก๊อทได้เดินทางไปหา และตัดสินใจอยู่กับแม่โดยไม่เรียนต่อ และไปทำงานกับป๋า สามีใหม่ของแม่ที่อู่ซ่อมรถ เริ่มจากเด็กฝึกงาน จนเลื่อนเป็นช่างทำสีรถเมื่ออายุ 13 ปีเท่านั้น
วันหนึ่งก๊อทพบวิทยุทรานซิสเตอร์ถูกห่อผ้าซ่อนอยู่ในที่รกกลางทุ่งนา จึงเก็บมาใช้ทำให้เป็นช่วงเวลาที่ผูกพันกับเพลงลูกทุ่ง โดยใช้วิทยุเป็นเสมือนครูที่เปิดฟังและร้องตาม
ทุกวันอาทิตย์ในตัวจังหวัดจะมีการประกวดร้องเพลงที่จัดโดย นที สุนันทา ดีเจชื่อดัง ซึ่งผู้ชนะเลิศจะได้เข้าประกวด รายการชุมทางคนเด่น ของ ประจวบ จำปาทอง เขาไปดูทุกครั้งและอยากประกวดมากแต่ไม่กล้า
ต่อมา ก๊อท จักรพันธ์ สมัครทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในโรงแรม ซึ่งอยู่ใกล้กับเวทีประกวด โดยไปดูการประกวดทุกครั้งกับเพื่อนที่ชื่นชอบเหมือนกัน เขาร้องเพลงขณะทำงาน เหมือนการฝึก ซึ่งมักร้องเพลงของ สายัณห์ สัญญา หรือ ยอดรัก สลักใจ โดยใช้เพลงดังกล่าวไปประกวด และได้เข้ารอบในครั้งที่ 3 ผู้จัดให้ผู้เข้ารอบได้ร้องเพลงอัดเสียง เพื่อนำไปเปิดในรายการวิทยุให้คนทางบ้านช่วยตัดสิน
ชีวิตของ ก๊อท ช่วงหนึ่งเป็นเซลส์แมนขายเครื่องเสียงตามบ้าน ร้องเพลงเรียกลูกค้า รับเงินเดือนประจำ เขาสนุกกับชีวิตตะลอนทัวร์ประมาณ 2 ปี โดยไม่กลับบ้าน ส่งแต่เงินกลับ และได้มาทำงานที่พัทยาตอนนั้นแม้เงินเดือนไม่มาก แต่ได้ทิปหลักหมื่นต่อเดือนจึงมีความเป็นอยู่ดีขึ้นมาส่งเงินกลับจำนวนมาก
ประมาณ 1 ปี ได้ย้ายมาประจำที่ร้านไอส์แลนด์ ว่าว อนุวัฒน์ ซึ่งขณะนั้นเป็นโปรดิวเซอร์ของ คีตา เรคคอร์ดส มาพบ และให้เข้ากรุงเทพฯ ทดสอบเสียง แต่ไม่ผ่าน จึงกลับไปทำงานที่เดิม
อีกประมาณ 3-4 เดือนต่อมา เต๋อ เรวัต ผู้ก่อตั้งร่วมและโปรดิวเซอร์ของ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มาชวนออกอัลบั้ม โดยแกรมมี่เช่าอพาร์ตเมนต์ให้อยู่ มีเงินเดือนให้ รุ่นเดียวกันที่เรียนร้องเพลงคือ ใหม่ เจริญปุระ
ปี พ.ศ. 2533 ช่วงการผลิต เซตอัลบั้มชุด "แม่ไม้เพลงไทย" รวมศิลปินหลายคน ร้องเพลงเก่าที่ดังในอดีต และยังหาคนสุดท้ายไม่ได้ สำหรับแนวเพลงระดับครูของ สุรพล สมบัติเจริญ เต๋อจึงเสนอชื่อก๊อท และได้เป็นอัลบั้มชุดแรกของเขา ชุดอัลบั้มนี้ขายดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงที่เขาร้อง และในช่วงเวลาเดียวกัน ก๊อทเริ่มมีงานแสดงอย่างต่อเนื่อง และได้รับความนิยม และสร้างชื่อเสียงให้เขาเป็นอย่างมาก
ยุคนั้น แนวเพลงไทยสากล (สตริง) มีกระแสนิยมมากกว่าแนวเพลงลูกทุ่ง ก๊อทอยากลองเพราะอายุยังน้อย เพื่อให้ตรงกับการตลาด แต่เต๋อ ยืนยันมาตั้งแต่แรกว่าก๊อทเหมาะกับเพลงลูกทุ่ง แต่ก็ไม่คัดค้าน
จึงเกิด อัลบั้มชุดที่ 2 ก๊อต ช็อต ที่เปลี่ยนแนวเป็นสตริง และ อัลบั้มชุดที่ 3 ก๊อต เพราะใจไม่เหมือนเดิม เป็นเพลงฟังสบาย แต่อาจเพราะฟังยาก ไม่ติดหู จึงไม่ค่อยได้รับความนิยม
ในปี พ.ศ. 2538 กลับมาเป็นแนวเพลงลูกทุ่ง ซึ่ง เต๋อ เรวัติ ดีใจมาก และเป็นช่วงเดียวกับที่ก่อตั้งแกรมมี่โกลด์ ทีมงานจึงผลิต เซตอัลบั้มชุด ก๊อต หัวแก้วหัวแหวน ชุดที่ 1-5 (ออกมาพร้อมกันถึง 5 ชุด ในเซต) โดย กริช ทอมมัส เป็นโปรดิวเซอร์ประจำตัวของเขา นับแต่นั้นเรื่อยมา
แม้ว่า สร้างหลายอัลบั้มพร้อมกัน แต่ก็ขายได้ถล่มทลายเป็นประวัติการณ์ ประมาณ 2 ล้านตลับ จนถือเป็น จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่สร้างชื่อและแจ้งเกิดในวงการลูกทุ่งของเขา
ในปี พ.ศ. 2538 ทีมงานผลิต เซตอัลบั้มชุด ก๊อต หัวแก้วหัวแหวน ชุดที่ 1-5 และในปี พ.ศ. 2539 ผลิตชุดที่ 6-9 ออกมาอีก ยอดขายรวมทั้ง 9 ชุด กว่า 10 ล้านตลับ ความสำเร็จที่ท่วมท้นนี้ เต๋อ เรวัติ ได้เตือนเขาว่า "ขอให้มีสติดีๆ เพราะความสำเร็จที่เข้ามาขนาดนี้ จะทำให้เราเขวได้" ซึ่งเขาจดจำยึดถือเรื่อยมา
หลังประสบความสำเร็จ มีรายได้มากขึ้น ความเป็นอยู่ที่บ้านก็ดีขึ้น ก๊อทดูแลช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบ้านของแม่และน้อง ขณะช่วยเหลือพี่สาวกับพี่ชายตามโอกาส เพราะทั้งสองแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว
ใน พ.ศ. 2550 หลังจาก อัลบั้มชุดที่ 4 ก๊อต จักรพรรณ์ 4 เจริญ เจริญ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ก๊อท จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ เพราะถูกทักว่า เกิดวันศุกร์ ไม่ถูกโฉลกกับ ร.เรือ หลายตัว ส่วนนามสกุล เปลี่ยนให้ความหมายดีขึ้นเป็น ครบุรีธีรโชติ แปลว่า เมืองแห่งความรุ่งเรืองของนักปราชญ์
ก่อนผลิตอัลบั้ม แทนความคิดถึง และก่อนผลิตอัลบั้ม แทนความผูกพัน 20 ปี หัวแก้วหัวแหวน เขาได้พักผ่อนยาว ใช้เวลากับครอบครัว และใช้โอกาสนี้ปลูกบ้านใหม่ ที่อยู่กับแม่และน้อง โดยดูแลการก่อสร้างทั้งหมดเอง
นอกจากอัลบั้มที่นำเพลงเก่ามาร้องใหม่แล้ว อัลบั้มของตนเอง ที่ประกอบด้วยเพลงแต่งใหม่ ซึ่งนับเป็นชุดที่ 4 ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ในปี พ.ศ. 2546 ผลิตอัลบั้ม "ก๊อต จักรพรรณ์ 4 'เจริญ เจริญ" ที่กลับมาเป็นแนวลูกทุ่งแล้ว และผลิตแต่ผลงานแนวเพลงลูกทุ่งเรื่อยมา
ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ก๊อท จักรพันธ์ได้ประกาศว่าได้หมดสัญญากับแกรมมี่ โกลด์เป็นที่เรียบร้อย และตัดสินใจไม่ต่อสัญญา เดินหน้าเป็นนักร้องอิสระเต็มตัว
คุณกำลังดู: เปิดประวัติเจ้าชายลูกทุ่ง ก๊อท จักรพันธ์ กว่าจะมีวันนี้สู้สุดชีวิต
หมวดหมู่: ความบันเทิง