ภาพคันจริง All-new Toyota PRIUS 2024 ใหม่ ไฮบริด 2.0L ก่อนขายจริงในไทย

30 ธ.ค. 2566 | 11:24 น.

ภาพคันจริง All-new Toyota PRIUS 2024 (Gen 5) ใหม่ เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 2.0 ลิตร ก่อนขายจริงในไทยปี 2567 นี้

ภายหลังจากที่โตโยต้าประเทศไทยยุติการทำตลาด PRIUS เจเนอเรชันที่ 3 และไม่ได้ไปต่อในเจเนอเรชันที่ 4 ล่าสุดมีข้อมูลว่าโตโยต้าเตรียมนำรถไฮบริดรุ่นดังกล่าวกลับมาทำตลาดอีกครั้งภายในปี 2567 ที่จะถึงนี้ ภายหลังจากที่เปิดตัวในตลาดโลกเมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา พร้อมชูจุดขายด้วยสโลแกน "Hybrid Reborn" เน้นความสปอร์ตกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด เพื่อสร้างความแตกต่างจาก Corolla Hybrid ในปัจจุบัน

สำหรับ All-new Toyota PRIUS ที่ถูกนำมาชิมลางลูกค้าชาวไทยคันนี้ ติดตั้งเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร (HEV) มีกำลังสูงสุดเฉพาะเครื่องยนต์อยู่ที่ 152 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 188 นิวตัน-เมตร ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 113 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 206 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 28.6 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 81 กรัมต่อกม.

ในตลาดญี่ปุ่นยังมีเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 1.8 ลิตร และ Plug-in Hybrid 2.0 ลิตร โดยรุ่นไฮบริด 1.8 ลิตร มีกำลังสูงสุดเฉพาะเครื่องยนต์อยู่ที่ 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 185 นิวตัน-เมตร ให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 32.6 กม./ลิตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ WLTC)

ขณะที่รุ่น Plug-in Hybrid ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 151 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 188 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 208 นิวตัน-เมตร ทำงานคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 51 Ah สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าได้ไกลสูงสุด 87 กิโลเมตรเมื่อชาร์จจนเต็ม

ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานของ Toyota Prius เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ได้แก่ ไฟหน้าแบบ Full LED, ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว, หน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบนำทางในตัว, กระจกมองหลังแบบดิจิทัล, เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทางฝั่งผู้ขับขี่ พร้อมเมมโมรี่ 2 ตำแหน่ง, ระบบปรับอากาศ nanoe X, ช่องจ่ายไฟแบบ AC สูงสุด 1,500 วัตต์, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Toyota Teammate และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense

รายละเอียดความคืบหน้าการเปิดตัว Toyota Prius ในประเทศไทยต้องอดใจรอกันอีกนิด