ปุ่มไล่เขม่าไอเสีย DPF ในรถดีเซล Euro 5 กดใช้ตอนไหน?
รถกระบะที่ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 5 เกือบทุกรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะถูกติดตั้งปุ่มไล่เขม่าไอเสีย DPF ติดตั้งมาให้ แล้วทราบหรือไม่ว่าปุ่มดังกล่าวใช้กดตอนไหนจึงจะเหมาะสม?
มาตรฐาน Euro 5 คืออะไร?
Euro 5 ย่อมาจากเป็นมาตรฐานการควบคุมมลพิษของไอเสียรถยนต์ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา โดยสามารถลดฝุ่นละออง (PM) จากเครื่องยนต์ได้ถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับมาตรฐาน Euro 4 จาก 0.025 กรัมต่อกิโลเมตร เหลือ 0.005 กรัมต่อกิโลเมตร และลดไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) จาก 0.25 กรัมต่อกิโลเมตร เหลือ 0.18 กรัมต่อกิโลเมตร
การบังคับใช้มาตรฐาน Euro 5 ดังกล่าว ส่งผลให้รถดีเซลทุกคันจะต้องติดตั้งอุปกรณ์ DPF หรือ Diesel Particulate Filter เพื่อทำหน้าที่กรองเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์นั่นเอง
ปุ่มไล่เขม่าไอเสีย Euro 5 กดตอนไหน?
รถยนต์ดีเซลที่ถูกติดตั้งระบบกรองเขม่าไอเสีย DPF เมื่อใช้งานไประยะหนึ่งจะเริ่มเกิดการอุดตันของเขม่าที่มีขนาดใหญ่ การกดปุ่มไล่เขม่าไอเสียก็เพื่อเป็นการกำจัดเขม่าที่หลงเหลือในระบบออกไป ช่วยลดการอุดตันของระบบ DPF เพื่อให้เครื่องยนต์กลับมาทำงานได้สมบูรณ์ดังเดิม
การกดปุ่มไล่เขม่าไอเสียจะทำต่อเมื่อหน้าปัดแสดงไฟสัญลักษณ์สีเหลืองเตือนการไล่เขม่าไอเสีย (รูปเดียวกับปุ่มกด) ซึ่งแสดงว่าระบบ DPF เริ่มมีอาการตัน แนะนำว่าให้จอดรถในที่โล่ง ห่างไกลผู้คนและชุมชน และหลีกเลี่ยงการจอดบนหญ้าหรือใบไม้แห้ง เนื่องจากขั้นตอนการไล่เขม่าจะเกิดความร้อนสูง
จากนั้นกดปุ่มไล่เขม่า 1 ครั้ง (บางรุ่นอาจต้องกดค้างไว้ ควรศึกษาจากคู่มือของรถแต่ละรุ่น) จากนั้นเครื่องยนต์อาจทำการเร่งเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ โดยระยะเวลาการไล่เขม่าอาจกินเวลาตั้งแต่ 5 นาที ไปจนถึง 1 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณเขม่าในระบบนั่นเอง
เมื่อทราบเช่นนี้แล้วก็คงใช้งานได้อย่างถูกต้องแล้วนะครับ
คุณกำลังดู: ปุ่มไล่เขม่าไอเสีย DPF ในรถดีเซล Euro 5 กดใช้ตอนไหน?
หมวดหมู่: เคล็ดลับยานยนต์