ปราบพยศกระทิงโหด ทดสอบในพีระเซอร์กิตกับ LAMBORGHINI HURACAN STO

ทดสอบ LAMBORGHINI HURACAN STO เครื่อง V10 5.2 ลิตร 640 แรงม้า 565 นิวตันเมตร 0-100 ใน 3 วินาที ราคา 29,990,000 บาท

ปราบพยศกระทิงโหด ทดสอบในพีระเซอร์กิตกับ LAMBORGHINI HURACAN STO

เป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Lamborghini Huracán STO บางคนคิดว่า นี่เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงอีกรูปลักษณ์หนึ่งของลัมโบตัวเล็ก ซึ่งเป็นโอกาสที่บริษัทฯ แม่อย่าง Volkswagen Group (Audi) จะทำกำไรได้มากขึ้น จากซุปเปอร์คาร์ที่เล็กที่สุดของตนที่ถูกทำให้เหมือนกับรถแข่งทุกอย่าง มันเหมือนกับการขายของเล่นราคาแพงให้เด็กรวยที่ชอบการแสดงออกด้านความมั่งคั่ง พร้อมสิทธิพิเศษที่สามารถมีของเล่นเจ๋งๆ รุ่นล่าสุดได้ก่อนใคร แต่นั่นไม่ใช่แนวคิดและวิธีการทำงานของ Huracán STO มันเป็นรถแข่ง ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับเศรษฐีที่คลั่งไคล้มอเตอร์สปอร์ต เราทุกคนรู้ดีว่า Porsche GT3 / BMW M / Mercedes-AMG และ Ferrari ตลอดจน McLaren ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก แต่ Lamborghini ซึ่งเป็นแบรนด์อิตาลีที่มีสไตล์หรูหรามากกว่าสมรรถนะ จะทำแบบนั้นได้หรือไม่? เนื่องจากรถลัมโบที่หรูหรานั้น มักจะจอดอยู่นอกกาสิโนในมอนติคาร์โล หรือโรงแรมริทซ์ในลอนดอนมากกว่าจะเอามาอัดหนักๆ ในสนามแข่ง

ในอดีต ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของ Lamborghini มีการออกแบบซุปเปอร์คาร์สำหรับขับบนถนน มากกว่าที่จะผลิตรถแข่งแนวปิศาจสำหรับอัดในสนามแข่ง แต่แนวคิดดังกล่าวได้เปลี่ยนไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในปี 2020 Lamborghini ลงไม้ลงมืออย่างเต็มที่ เพื่อต่อกรกับซุปเปอร์คาร์คู่แข่งที่มีรถสองบุคลิก ซึ่งถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งการใช้งานบนถนนและในสนามแข่ง Huracán STO กำลังต่อสู้กับคู่แข่งชั้นดีอย่าง AMG Black Series, Porsche's RS models, McLaren long tails และรถรุ่นพิเศษของ Ferrari เช่น Scuderia, Pista และ Speciale

Lamborghini ปรับจูน Huracan รุ่นพิเศษเพื่อขับได้ทั้งบนถนนและในสนามแข่ง แน่นอนว่าอีกไม่นานหลังจากรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาแทนที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ชื่อของ STO จะกลายเป็นตำนานใน Sant'Agata จากความเหนือชั้นกว่า Huracan ทุกรุ่นที่ Lamborghini เคยผลิต รถสปอร์ตอย่าง Performante และ Aventador SVJ ฝากรอยยางบนช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ในสนามแข่งเนือร์บูร์กริง-นอร์ดชไลเฟ แต่ STO จะเข้ามาสร้างตำนานบทใหม่ใหม่ในหน้าประวัติศ่สตร์ของการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ และนี่คือข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับซุปเปอร์คาร์รุ่นใหม่ Lamborghini Huracán STO ราคา 29,990,000 บาท พร้อมการขับทดสอบช่วงสั้นๆ 5 รอบ ในสนามพีระเซอร์กิต

STO ย่อมาจาก Super Trofeo Omologata โดยพื้นฐานแล้ว Lamborghini Huracán STO เป็นรถแข่งรุ่น Huracan Super Trofeo Evo และ GT3 Evo ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานตามกฎหมาย ซึ่งใช้ในการแข่งรถสปอร์ตระดับนานาชาติของ FIA เช่น GT World Challenge และ Blancpain GT Series

STO เป็นซุปเปอร์คาร์คันแรกของ Lamborghini ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักขับที่ร่ำรวย โดยเฉพาะการขับในสนามแข่งเป็นประจำ ทุกอย่างเกี่ยวกับ STO สร้างขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในสนามแข่งให้เข้าถึงจุดสูงสุด มีการนำคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในแชสซีและตัวถัง ในขณะที่ชิ้นส่วนอำนวยความสะดวกบางอย่างถูกถอดออกเพื่อลดน้ำหนัก เป็นแนวคิดการสร้างรถถนนที่มีจิตวิญญาณของรถแข่ง สามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวันถ้าถนนหนทางที่จะไปเรียบมากพอ!

Andrea Baldi เจ้าหน้าที่ของ Lamborghini กล่าวว่า "Huracán STO ถือเป็นการเฉลิมฉลองให้กับเครื่องยนต์สันดาปภายในยุคสุดท้าย" ซุปเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นนี้เป็นหนึ่งในรถไม่กี่คันที่ออกมาจาก Sant'Agata ด้วยเครื่องยนต์เพียวๆ แบบ V10 ขนาด 5.2 ลิตร ที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นอย่างดี โดยได้แรงบันดาลใจจากเครื่องยนต์สูบวีของรถแข่งในอดีตที่ไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศ หรือไม่ต่อพ่วงกับระบบปลั๊กอินไฮบริดเหมือนซุปเปอร์คาร์บางรุ่น ที่กำลังสูญเสียตัวตนให้กับมาตรการลดมลภาวะ

เครื่องยนต์ V10 ของ Huracan STO ผ่านการปรับแต่งและทดสอบความคงทนในสนามแข่งอย่างต่อเนื่องจนมั่นใจว่าเครื่องยนต์มีความเหนียวแน่นแข็งแกร่งมากพอสำหรับการอัดอย่างต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืนในสนามแข่งความเร็วสูง Class GT3 หัวใจของกระทิงนักแข่งคันนี้ มีกำลัง 640 แรงม้า จัดจ้านขนาดลากได้ทะลุ 8,000 รอบ และเป็นขุมกำลังแบบเดียวกับที่พบใน Huracan Performante อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์ V10 ที่ประจำการใน STO มีการปรับจูนใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตอบสนอง (ให้เหนือชั้นกว่าHuracan Performante) โดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 565 นิวตันเมตร (417 lb-ft) Lamborghini อธิบายว่า แรงบิดสูงสุดที่กว้างและราบเรียบมากยิ่งขึ้น เหมาะกับการแข่งรถมากกว่าจะเอามาวิ่งบนถนน แต่ STO ก็มีโหมดสามัญสำหรับการวิ่งในย่านความเร็วต่ำเมื่อขับในเมืองและโหมดท้ารบ นั่นก็คือโหมด Trofeo มันเป็นกระทิงที่คล้ายกับพี่น้องรถแข่งในกลุ่ม GT3 Evo และ Super Trofeo Evo เจ้า Huracan STO ถ่ายเทแรงบิดทั้งหมด 565 นิวตันเมตร ลงไปยังยางคู่หลังขนาดความกว้าง 305 มิลลิเมตร มีเกียร์คลัตช์คู่เจ็ดสปีดที่ทำงานโคตรเร็ว ไหลลื่นและแม่นยำสุดๆ ระบบเกียร์ขึ้นตรงกับโหมดควบคุม รวมถึงการใช้คันเร่งหรือเบรก เนื่องจากไม่ได้มีกฎข้อบังคับ Huracan STO จึงมีข้อได้เปรียบด้วยการติดตั้งระบบบังคับเลี้ยวที่เพลาล้อหลังและ torque vectoring ที่ล้อหน้าเพื่อช่วยให้ล้อหน้ายึดเกาะดีขึ้นในระหว่างการเข้าโค้ง

Huracan STO ขับเคลื่อนล้อหลัง อัดจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ช้ากว่า Huracan Performante ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ อัตราเร่ง 0-100 ใน 3.0 วินาที ช้ากว่า Performante แค่เศษเสี้ยวของวินาที แต่ความรู้สึกของการพุ่งทะยานจากจุดหยุดนิ่งแทบไม่มีความแตกต่าง สำหรับความเร็วสูงสุดบนทางตรงยาว STO ทะยานไปได้ถึง 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม มีบางแง่มุมที่ STO จะเกทับแข่งกับ Performante ด้วยน้ำหนัก เนื่องจาก STO เบากว่า Performante 43.09 กิโลกรัม ระบบเบรกของกระทิงนักแข่งยังได้รับการอับเกรดใหม่ ทำให้มีกำลังหยุดเพิ่มขึ้นอีก 25% แอร์โรไดนามิกรอบคัน มีประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น 37% ช่องรับอากาศ ครีบรีดอากาศ วิงหลังแบบปรับระดับได้ ทำหน้าที่ร่วมกันเพื่อสร้างแรงกด 419 กิโลกรัม ที่ความเร็ว 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ชิ้นส่วนตัวถังและแชสซี Huracan STO มากกว่า 75% ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ เนื่องจากเป็นวัสดุที่เบาและแข็งแรง มีความสมบูรณ์แบบในการเพิ่มความแข็งและรีดน้ำหนักของรถให้เหลือน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปีกหลังแบบคงที่ ทำขึ้นด้วยเทคโนโลยีการสร้าง "แซนวิช" คาร์บอน โดยใช้วัสดุน้อยลง 25% ในขณะที่ยังคงความแข็งแกร่งของโครงสร้างเหมือนเดิม ล้อลายสวยทำมาจากแมกนีเซียมอัลลอย กระจกบังลมรอบคันมีน้ำหนักเบากว่า Performante ถึง 20% นอกจากนี้ STO ยังเป็นรถยนต์สำหรับการผลิตรุ่นแรกที่มีเบรก "เมทริกซ์เรซิน คาร์บอนเซรามิก" ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากรถแข่ง F1 ระบบเบรกทั้งหมดของ STO ผลิตโดย Brembo ซึ่งออกแบบมาเพื่อป้องกันอาการเบรกเฟรด (เบรกไม่อยู่เมื่อจานเบรกมีอุณหภูมิสูงเกินขีดจำกัด) เพื่อใช้ในสนามแข่งระยะไกลแบบเอนดูลานซ์

อุปกรณ์ที่มีความสำคัญและหมายถึงประสิทธิภาพของการยึดเกาะก็คือ "ยาง" ใน Lamborghini Huracan STO บริษัทผู้ผลิตยางชั้นนำของญี่ปุ่นอย่างBridgestoneโตน ควักทุนมหาศาลเพื่อพัฒนายางติดรถจากโรงงานสำหรับการใช้งานที่หลากหลายในรถซุปเปอร์คาร์ ทั้งบนถนนปกติ และในสนามแข่ง นับเป็นครั้งแรกที่รถ Lamborghini รุ่นพิเศษ ใส่ยางญี่ปุ่นยี่ห้อBridgestone แทนที่จะเป็น Michelin หรือPirelli ที่ยึดครองตลาดยางประสิทธิภาพสูงมาโดยตลอด ถือเป็นยางเฉพาะรุ่นที่พัฒนาสำหรับ Huracan STO โดยเฉพาะ Bridgestone ผลิตยางสมรรถนะสูงสองรูปแบบ ยางแบบแรกคือยางกึ่งสลิค Potenza Race ที่ผลิตขึ้นโดยเฉพาะสำหรับใช้งานในการแข่งขัน ยางกึ่งสลิค Potenza Race ให้การยึดเกาะถนนแห้งที่ยอดเยี่ยม มีประสิทธิภาพในสนามแข่งความเร็วสูง สำหรับการแข่งรถเอนดูลานซ์ระยะไกล และความสามารถในการทำเวลาต่อรอบที่โดดเด่น

ยางติดรถ STO แบบที่สองก็คือ ยางสมรรถนะสูงพิเศษ Potenza Sport สเปคซุปเปอร์คาร์ ซึ่งกำลังกลายเป็นมาตรฐานของยางที่ใช้ในจักรกลพลังสูง Potenza Sport มาพร้อมกับรูปแบบดอกยางที่ไม่สมมาตร เพื่อเพิ่มการตอบสนองของพวงมาลัย และเสถียรภาพในการเข้าโค้งที่เฉียบคม ในขณะที่ยังคงการควบคุมที่แม่นยำไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก Bridgestone พัฒนาดอกยาง Potenza รุ่นพิเศษ ขึ้นโดยเฉพาะ สำหรับใส่ในรถซุปเปอร์คาร์ Huracán STO ด้วยคุณสมบัติด้านการยึดเกาะ ประสิทธิภาพระดับสูงทั้งการรีดน้ำและความคงทนของยางซุปเปอร์สปอร์ตรุ่น Potenza ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะกับผิวถนนหรือแทร็กในสนามแข่ง การควบคุมทิศทางที่แม่นยำ การเร่งความเร็วที่มีความเสถียรภาพ และการเบรกในย่านความเร็วสูง สมรรถนะที่ดีของยางรุ่นใหม่หลอมรวมกับประสิทธิภาพด้านแรงบิดของซุปเปอร์คาร์ Huracán STO เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวก็คือ การลดเวลาต่อรอบ!!

เพื่อให้สอดคล้องกับรถแข่ง Huracán GT3 ปี 2021 ทำให้กระทิงนักแข่ง Lamborghini Huracán STO มีให้เลือกแค่รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังเท่านั้น แม้จะมีการยึดเกาะน้อยกว่า Huracán Evo ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่ STO ทำความเร็วจาก 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ใน 3.0 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 192 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 308 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง สภาวะที่สุดขั้วดังกล่าวต้องการยางที่มีสมรรถนะสูงมากกว่ายางทั่วไป Lamborghini แจ้งว่า คันเร่งแบบ snappier และการเปลี่ยนเกียร์แบบ slicker-shifting อยู่ในแพ็กเกจโหมดการขับขี่ ANIMA ของ Huracán STO ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ เช่น โหมด STO, Trofeo และ Pioggia - หรือ Road, Track และ Rain ยางติดรถ Bridgestone Potenza Sport เหมาะกับผิวแทร็กหรือถนนที่มีความหลากหลาย เจ้าของรถสามารถเลือกยางสำหรับการแข่งขันทางเรียบแบบ semi-slicks ในยางแข่งรุ่น Potenza Race

Bridgestone Potenza Sport พัฒนาขึ้นมาเฉพาะสำหรับรถซุปเปอร์คาร์ Huracán STO จากความร่วมมือของวิศวกรทั้งสองบริษัท (Lamborghini / Bridgestone) เป็นการผสานกันระหว่างเทคโนโลยี การออกแบบลายดอกยางพิเศษ ส่วนผสมของเนื้อยางสูตรลับเฉพาะของ Bridgestone การทดสอบการรับแรงต่างๆ ทั้งจากการเร่งความเร็ว การยึดเกาะขณะเข้าโค้ง และการใช้เบรกแบบเต็มกำลังอย่างต่อเนื่อง การทดสอบบนถนนที่เปียกลื่นเพื่อตรวจสอบการรีดน้ำและการตอบสนองของยางในสภาวะสุดขั้ว เพื่อปรุงแต่งสมรรถนะระดับสูงของรถซุปเปอร์คาร์ Huracán STO ให้เหนือชั้นกว่ารถคู่แข่ง

กุญแจสู่ความสำเร็จของยางในการเพิ่มสมรรถนะสูงสุดให้รถซุปเปอร์คาร์ Huracán STO คือ การผสานกันระหว่างการออกแบบลายดอกยางและการใช้เทคนิคส่วนผสมพิเศษในเนื้อยาง ยาง Potenza Sport ถูกออกแบบให้มีลายดอกยางที่ไม่สมมาตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตอบสนองของพวงมาลัย และเสถียรภาพในการเข้าโค้ง และโครงสร้างภายในเนื้อยางที่สามารถกระจายแรงกดเมื่อสัมผัสกับพื้นถนนไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางโค้ง ด้วยการผสานคุณสมบัติดังกล่าวกับเนื้อยางสูตรใหม่ที่พัฒนามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะจะช่วยรีดสมรรถนะสูงสุดของยางเทียบเท่ากับยางที่ใช้ในสนามแข่ง

การร่วมมือกับ Lamborghini และใช้เทคนิคใหม่ๆ สำหรับการพัฒนายางอย่างยั่งยืนของ Bridgestone สามารถผลักดันขีดจำกัดของยาง เพื่อให้ได้สมรรถนะสูงสุด ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 การพัฒนายางอย่างรุดหน้าของ Bridgestone พิสูจน์ให้เห็นจากตัวเลขสมรรถนะของ STO ในขั้นตอนของการพัฒนา ยาง Potenza Sport ถูกทดสอบในรูปแบบที่หลากหลาย ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเสมือนจริง การขับใช้งานบนถนนและการทดสอบในสนามแข่งขัน ผนวกรวมผลการทดสอบในด้านการตอบสนองของยาง ขณะรับภารกรรมอย่างเต็มที่ ซึ่งหมายถึงน้ำหนัก การเร่งแบบฉับพลันอย่างต่อเนื่อง การเบรกในทุกย่านความเร็วของรถ เพื่อค้นหาความลงตัวที่สมบูรณ์แบบของยาง สำหรับใส่ให้กับ Huracan STO ในโปรแกรมจำลองการขับขี่เสมือนจริง ผลที่ได้คือ กระบวนการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ยาง Potenza Sport ยังมีขั้นตอนของการผลิตที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

Lamborghini ทุ่มเทงบประมาณอย่างเต็มในขั้นตอนของการพัฒนา เพื่อให้ได้ความแข็งแกร่งของแชสซีและน้ำหนักที่ต้องเบากว่ารถคู่แข่ง การออกแบบที่ซับซ้อนของ Huracan STO หมายความว่าแผงด้านหน้าทั้งหมดของรถถูกเปลี่ยนเป็นโครงสร้างชิ้นเดียวที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ใช้หมุดทรงเหลี่ยม เสียบแล้วหมุนทั้งสองข้างบริเวณด้านบนของแก้มข้าง ก็จะสามารถเปิดที่ครอบส่วนหน้าของรถทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว วิศวกรของ Lamborghini เรียกมันว่า "Cofango" ซึ่งเป็นการผสมผสานของคำภาษาอิตาลีว่า "cofano" (กระโปรงหน้ารถ) และ "parafango" (บังโคลน) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Lamborghini Miura เจ้ากระโปรงหน้า Cofango มีการออกแบบบานพับโลหะยึดติดกับฝากระโปรงคาร์บอน โดยใช้การยกแล้วดันไปข้างหน้า ซึ่งมันจะเปิดออกเหมือนเปลือกหอย เพื่อเผยให้เห็นพื้นที่เก็บของเล็กๆ ด้านหน้ารถ ซึ่งใหญ่พอที่จะใส่หมวกกันน็อกได้เท่านั้น

Lamborghini Huracán STO มาพร้อมกับระบบการวัดระยะทางไกล โดยเชื่อมต่อกล้องออนบอร์ดของรถ เข้ากับเซนเซอร์ต่างๆ เพื่อบันทึกอินพุตของคนขับ เช่น ตำแหน่งเบรก พวงมาลัย และคันเร่ง เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพการขับสำหรับการปรับปรุงเพื่อทำให้รุดหน้า ข้อมูลและวิดีโอทั้งหมดถูกอัปโหลดในแอป UNICA ของเจ้าของ Lamborghini Huracan STO และสามารถเข้าถึงได้เพื่อดูเวลาต่อรอบ ติดตามและพัฒนาทักษะการควบคุมรถ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์เพิ่มเติมในการแบ่งปันให้กับเจ้าของ STO คนอื่นๆ สำหรับการฝึกสอนโดยผู้เชี่ยวชาญ และเพื่อสิทธิในการคุยโม้โอ้อวดกันในกลุ่มคนที่ชอบซุปเปอร์คาร์Lamborghini แจ้งว่า เจ้าของรถ สามารถขับ Huracan STO ตัวใหม่บนท้องถนนได้เหมือนรถสปอร์ตทั่วไป การเปลี่ยนแปลงของ STO นั้นหลักๆก็คือ การทำตัวให้คล้ายกับรถแข่งและสามารถใช้งานในชีวิตประจำวัน ส่วนหน้าทั้งหมด - "cofango" ในภาษา Lambo-speak - เป็นชิ้นเดียวที่หุ้มบังโคลน กระโปรงหน้ารถ และกันชน โครงสร้างตัวถังขนาดใหญ่นี้ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา การออกแบบบานพับด้านหน้า ทำให้ฝากระโปรงเปิดออกทั้งชิ้น เมื่อยกขึ้นคุณจะเห็นโครงสร้างส่วนหน้าหลักๆ ของรถ สปลิตเตอร์ด้านหน้า ช่องระบายอากาศของกระโปรงหน้ารถ และบานเกล็ดเหนือส่วนโค้ง ทั้งหมดทำงานเพื่อลดแรงต้าน ตามหลักอากาศพลศาสตร์ทำให้เป็นชิ้นส่วนทางวิศวกรรมที่เท่อย่างร้ายกาจ

ด้านหลัง กระจกฝาครอบห้องเครื่องยนต์ของ Huracan รุ่นธรรมดา ถูกแทนที่ด้วยแผงบานเกล็ดน้ำหนักเบาใน STO พร้อมด้วยช่องรับอากาศที่ขนาบข้างหูฉลามที่เด่นชัด และช่องอากาศเพิ่มเติมด้านบน ซึ่งนอกเหนือจากการใช้งานแล้ว ถือว่าเป็นชิ้นส่วนที่ยอดเยี่ยมมาก ปีกขนาดใหญ่สามารถกำหนดตำแหน่งเพื่อสร้างแรงกดได้สามระดับ โดยส่วนสุดของปีกจะมีแรงกด 420 กิโลกรัม ที่ความเร็ว 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิงหลังใหญ่ยักษ์ทำให้ STO มีดาวน์ฟอร์ซมากกว่า Huracan Performante ถึง 53% และประสิทธิภาพแอโรไดนามิกโดยรวมดีขึ้น 37% โช้คอัพ MagneRide ตอบสนองอย่างต่อเนื่องตามสภาพถนนหรือผิวแทร็กในสนามแข่ง คุณจะพบกับดิสก์เบรกคาร์บอนเซรามิกที่ด้านหน้า ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 390 มิลลิเมตรและด้านหลัง 360 มิลลิเมตร เทคโนโลยี CCM-R ดัดแปลงมาจากรถแข่ง Formula 1 จานเบรกแบบใหม่ มีค่าต้านทานความเครียดสูงกว่าจานคาร์บอนเซรามิกทั่วไปถึง 60% จัดการความร้อนได้ดีกว่าถึงสี่เท่า STO เพิ่มหน้าการตรวจสอบอุณหภูมิเบรกให้กับคลัสเตอร์เกจดิจิทัลที่แสดงผลบนหน้าจอมัลติมีเดียของ Huracan คุณสามารถมอนิเตอร์ได้ว่า จานเซรามิกกำลังร้อนเกินไป ก่อนที่จะเริ่มได้กลิ่นเหม็นไหม้ หรือมีควันออกมาจากคาร์ลิปเปอร์

STO ใช้เวลา 1 นาทีในการอุ่นให้เบรกอยู่ในอุณหภูมิการทำงานที่เหมาะสม ด้วยความเร็วที่สูงขึ้นในขณะที่บินเข้าโค้ง คาลิปเปอร์หน้า 6 ลูกสูบจับอย่างรวดเร็วและมั่นคง ช่วยลดความเร็วก่อนถึงหัวโค้ง ในแต่ละรอบที่ขับ คาร์บอนเซรามิกจะทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบทุกครั้ง ดาวน์ฟอร์ซของ STO เข้ามามีบทบาทเมื่อความเร็วทะยานผ่าน 200 กิโลเมตร คุณสามารถเบรกก่อนที่จะถึงโค้งมุมแคบ เพื่อเลี้ยวอย่างรวดเร็วซึ่งมันก็เร็วกว่าเดิมจริงๆ การป้อนข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้นของระบบรักษาเสถียรภาพ ทำให้ระบบไม่แทรกแซงเกินความจำเป็น ซึ่งช่วยป้องกันการโอเวอร์สเตียร์โดยเฉพาะเมื่อขับในสนามพีระเซอร์กิตท่ามกลางสายฝนและสภาพผิวแทร็กที่เปียกชื้น

เทคโนโลยี Torque-vectoring ช่วยให้ STO จัดการการส่งกำลังระหว่างยางล้อหลัง และการบังคับเลี้ยวที่เพลาล้อหลัง ช่วยเพิ่มแรงผลักเพื่อทำให้คุณเข้าโค้งได้เร็วขึ้น เทคโนโลยีระบบบังคับเลี้ยวด้านหลังดัดแปลงมาจาก Huracan Evo โดยปรับแต่งเพื่อให้รู้สึกเป็นธรรมชาติมากขึ้น มีอาการกระตุกน้อยลงขณะทำงาน ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ของ Huracan Evo พวงมาลัย Alcantara นั้นยอดเยี่ยมในเรื่องของความแม่นยำ ทำให้การเคลื่อนไหวของ STO มีความคล่องแคล่วพอๆ กับ Porsche 911/992 GT3 แต่ดิบและดุดันมากกว่า จากอาการพยศในบางจังหวะของเจ้าวัวสายโหด

แน่นอนว่า คนที่ซื้อ STO มี Huracán ในโรงรถอยู่แล้ว ด้วยการตกแต่งภายในที่เป็นมิตรต่อการแข่งรถมากกว่าความสบาย ห้องโดยสารของ STO เน้นหนักด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ และด้วยน้ำหนักที่ถูกหั่นทิ้ง นั่นหมายถึงเบาะนั่งที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ พรมปูพื้นก็เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ (ใช่จริงๆ) และแผงประตูก็เป็นคาร์บอนไฟเบอร์อีกเช่นกัน ไม่ใช่ทุกอย่างที่จะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ไปซะทั้งหมด ชิ้นส่วนภายในยังมีหนังกลับคุณภาพสูง Alcantaraของ Lamborghini หน้าจอสัมผัสระบบ Infotainment ออกแบบมาสำหรับแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแข่งรถมากกว่าความบันเทิงเริงรมย์ ซึ่งรวมถึงระบบ telemetry ที่เชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์ ช่วยให้ผู้ขับสามารถบันทึกและตรวจสอบเส้นทางในสนามแข่งของได้ในภายหลัง โดยใช้แอป Lamborghini UNICA

ในสนามพีระเซอร์กิต ช่วงเวลาที่ผมกดแป้นเปลี่ยนเกียร์ก่อนถึงโค้ง 6-7 8- 9 กับระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ 7 สปีดคลัตช์คู่นั้นหดสั้นลงมาก เกียร์ DCT เปลี่ยนขึ้น-ลงได้รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด เนื่องจากการทำงานของคลัตช์ที่มีถึงสองชุด ช่วงล่างที่ยุบตัวได้น้อยลงและตอบสนองได้เร็วขึ้น ในด้านของความสบายแทบจะไม่มี แต่ในด้านของอารมณ์แบบรถแข่งที่คุณต้องนั่งในเบาะคาร์บอนที่บีบรัดพร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบสี่จุด เบาะกับการเซตช่วงล่างที่ลงตัว มีส่วนช่วยทำให้นักขับสามารถอัดกระทิงรุ่นพิเศษได้ถนัดมากกว่าเดิม พวงมาลัยก็ไวขึ้นในโหมดสูงสุด ทำให้การควบคุมในย่านความเร็วสูงมีความแม่นยำตามความต้องการ น้ำหนักของพวงมาลัยปรับไปตามสปีดความเร็ว โดยผ่อนการหน่วงลงมาเล็กน้อยในโค้งมุมแคบและหน่วงจนรู้สึกได้เมื่อเร่งความเร็วขณะทะยานออกจากปลายโค้ง ทุกอย่างที่วิศวกรของ Lamborghini ได้ลงมือไปนั้น ส่งผลให้การขับของ STO มีความพิเศษอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะตัวเลขอัตราเร่งที่ดีเกือบจะเท่ากับ Huracan EVO McLaren 720S และ Ferrari F8 แรงบิดช่วงกลางไปจนถึงช่วงปลายของเครื่อง V10 ทำให้คนขับถึงกับขนหัวลุกทุกครั้งที่จมคันเร่งลงลึก แรงพุ่งทะยานกระชากลากถูอย่างดุดันสไตล์รถแข่ง GT3 การยึดเกาะที่เพิ่มมากขึ้นของยางประสิทธิภาพสูง และอารมณ์หลังพวงมาลัยส่งผลให้ STO สร้างความประทับใจได้อย่างไม่รู้ลืม

Huracán STO มอบความตื่นเต้นให้คนขับ จากความเป็นรถซุปเปอร์สปอร์ตแนวรถแข่ง ที่มีความสมดุลสวยงาม น้ำหนักเบา และเหนือกว่าด้วยหลักอากาศพลศาสตร์แบบใหม่ สะท้อนความรู้สึกในการขับและความตื่นเต้นของ Super Trofeo ต้องยกเครดิตให้กับการผสมผสานที่ยอดเยี่ยมของโช้คอัพแมกนีโทแบบปรับได้ ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง เบรกประสิทธิภาพสูงสำหรับรถแข่ง และยาง Bridgestone Potenza Sport ที่เกาะหนึบเป็นตุ๊กแก แม้สนามพีระในวันทดสอบจะมีฝนโปรยปรายลงมาทั้งวัน ด้านหน้าของรถเปลี่ยนทิศทางได้เร็วกว่าที่คิด ขณะที่ส่วนท้ายอาจมีอาการแว้ดๆ หรืออาการโอเวอร์สเตียร์บางๆ ออกมาให้รู้สึกบ้างเมื่อลงคันเร่งในช่วงปลายโค้งบนผิวแทร็กที่เปียกชื้น อาการสะบัดสะบิ้งเกิดขึ้นในช่วงของการออกจากปลายโค้ง 3 เมื่อผมใจเร็วด่วนได้ กดคันเร่งลงจนสุดก่อนที่จะถึงจุดสมดุลของการเดินคันเร่ง เพื่อพุ่งออกจากาส่วนปลายของโค้ง รถยนต์เครื่องวางกลางนั้นมักจะมีไดนามิกที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้าคุณทำมันหลุดโค้ง โอกาสที่จะแก้ไขให้กลับมาวิ่งอยู่บนแทร็กเหมือนเดิมนั้นยากมาก และสนามอย่างพีระเซอร์กิต มักจะไม่มีการให้อภัยสำหรับทุกความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

เครื่อง V10 กับแรงบิดสไตล์โปรเกรสซีฟที่สมบูรณ์ แรงบิด 565 นิวตันเมตร ไม่ได้ทำให้ยาง Potenza ถึงกับหลังฉีกขาดด้วยแรงบิดมหาศาลเกินกว่าที่ยางจะรองรับได้ คุณสามารถกระแทกคันเร่งตรงปลายโค้งได้ทุกเมื่อเท่าที่ต้องการ (แต่ขอให้ทำเมื่อขับในสนามแข่ง ในวันที่มีแดดจัดมากกว่า) เพื่อพุ่งออกจากทุกมุมของโค้งอย่างสวยงาม STO จะสะบัดสะบิ้งบ้างเมื่อผิวแทร็กเปียกชื้นเพราะน้ำฝนและคุณเองก็เติมคันเร่งเร็วเกินไปในจุดที่ยังไม่สมดุลมากพอของมุมโค้งกับความเร็ว Huracán STO สามารถทำแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกซอกทุกมุมของสนาม ทุกรอบตลอดทั้งวัน ตราบเท่าที่คุณยังมีเรี่ยวแรงที่จะควบคุม เป็นรถที่ขับแล้วเพลินจนไม่อยากหยุดแต่ต้องหยุดเพราะเหนื่อยเอาเรื่อง ในโลกใบนี้มีซุปเปอร์คาร์เครื่องยนต์วางกลางกำลังมากกว่า 600 แรงม้ามากมาย แต่มีเพียบหยิบมือเดียวที่ขับได้อย่างยอดเยี่ยม หนึ่งในนั้นคือ Lamborghini Huracan STO

ราคาเริ่มต้นของ Lamborghini Huracán STO อยู่ที่ 29,990,000 บาท

ENGINE
ENGINE
V10, 90°, MPI (Multi Point Injection) + DSI (Direct Stratified Injection)

DISPLACEMENT
5,204 cm³ (317.57 cu in)

BORE X STROKE
84.5 x 92.8 mm (3.33 x 3.65 in)

COMPRESSION RATIO
12.7:1

MAX. POWER
470/640 kW/CV at 8000 rpm

MAX. TORQUE
565 Nm

WEIGHT TO POWER RATIO
2,09 kg/CV (5.61 lb/CV)

LUBRICATION
Dry sump

EMISSION CLASS
Euro 6 - LEV 3

TRANSMISSION
TRANSMISSION TYPE RWD

GEARBOX
Dual clutch gearbox LDF (Lamborghini doppia frizione) with 7 speeds

PERFORMANCE
TOP SPEED
310 km/h

ACCELERATION 0-100 KM/H (0-62 MPH)
3,0 s

ACCELERATION 0-200 KM/H (0-124 MPH)
9,0 s

BRAKING 100-0 KM/H (62-0 MPH)
30 m

BRAKING 200-0 KM/H (124-0 MPH)
110 m

BODY AND CHASSIS
CHASSIS
Hybrid in aluminum and carbon fiber

BODY
aluminum and synthetic material

TOP ROOF
MIRRORS
electrically operated, heated and foldable

AERODYNAMICS
front splitter and rear wing in carbon fiber with 3 manual regulation

WHEELS
FRONT RIMS
8,5J x 20

REAR RIMS
11J x 20

FRONT TIRES
Bridgestone Potenza Sport 245/30 R20

REAR TIRES
Bridgestone Potenza Sport 305/30 R20

STEERING AND SUSPENSION
CONTROL SYSTEM
Electronic Stability Control (integrating ABS and TCS)

SUSPENSION TYPE
Magneto-rheological suspension

STEERING SYSTEM
Electro-mechanical power steering (EPS)

BRAKING SYSTEM
CARBON CERAMIC BRAKES (FRONT)
Type: CCM-R

diameter: 390

thickness: 34

CARBON CERAMIC BRAKES (REAR)
Type: CCM-R

diameter: 360

thickness: 28

SAFETY
AIRBAGS
DIMENSION
LENGTH
4549 mm (179.09 in)

WIDTH (EXCLUDING MIRRORS)
1945 mm (76.57 in)

WIDTH (INCLUDING MIRRORS)
2.236 mm (88.03 in)

HEIGHT
1.220 mm (48.03 in)

WHEELBASE
2.620 mm (103.14 in)

DRY WEIGHT
1339 kg

WEIGHT DISTRIBUTION
% 41/59

CONSUMPTION
COMBINED CONSUMPTION
The fuel consumption and emission data is in the type approval stage

EMISSIONS
The fuel consumption and emission data is in the type approval stage

EMISSION LAW
DRIVING DYNAMICS
LAMBORGHINI CONNECTED TELEMETRY (LCT)
With Lamborghini Connected Telemetry, the driving experience on the track will be even more fun. You get helpful information on how to improve while behind the wheel, and it analyzes the performance achieved in detail with the UNICA app, turning your smartphone into your personal track engineer.



Driving dynamics
DRIVING DYNAMICS
AERODYNAMICS
Every race car requires extreme aerodynamics and to achieve that level of performance on the new road-legal Huracán STO, Lamborghini has used all its racing experience.



Driving dynamics
DRIVING DYNAMICS
BRAKING FEELING
One of the features that sets the Huracán STO apart is its state-of-the-art braking system. At its heart is the special CCMR carbon-ceramic brake disc, developed by Brembo and derived from Formula 1 racing.


Driving dynamics
DRIVING DYNAMICS
LIGHTWEIGHT APPROACH
As the mission behind the design of the new Huracán STO is to instill a racing attitude into a street-legal super car, the keyword has always been “lightweight”.



Driving dynamics
DRIVING DYNAMICS
ENGINE
When the engine in the new Huracán STO roars into life, its motorsports heritage can be both felt and heard. As Lamborghini has applied to its design all the knowhow gained from its Squadra Corse greats, like the Huracán ST and GT3 EVO.



Driving dynamics
DRIVING DYNAMICS
DRIVING MODE
To offer new heights of performance and the sensation of driving a genuine race car, Lamborghini Dynamic Steering (LDS) has been replaced on the Huracán STO with a fixed and more direct steering ratio and three new outstanding driving modes: STO, TROFEO and PIOGGIA.


Driving dynamics
DRIVING DYNAMICS
LAMBORGHINI CONNECTED TELEMETRY (LCT)
With Lamborghini Connected Telemetry, the driving experience on the track will be even more fun. You get helpful information on how to improve while behind the wheel, and it analyzes the performance achieved in detail with the UNICA app, turning your smartphone into your personal track engineer.


Expand all
Driving dynamics
DRIVING DYNAMICS
AERODYNAMICS
Every race car requires extreme aerodynamics and to achieve that level of performance on the new road-legal Huracán STO, Lamborghini has used all its racing experience.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-5253692475053

คุณกำลังดู: ปราบพยศกระทิงโหด ทดสอบในพีระเซอร์กิตกับ LAMBORGHINI HURACAN STO

หมวดหมู่: รถยนต์

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด