รถยนต์ไฟฟ้า NETA EV ชื่อนี้มีความเป็นมาอย่างไร

อาทิตย์นี้ แพนพาไปดู ประวัติความเป็นมาของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า NETA

รถยนต์ไฟฟ้า NETA EV ชื่อนี้มีความเป็นมาอย่างไร

NETA EV ชื่อนี้มีความเป็นมาอย่างไร
งาน Thailand International Motor Expo 2022 เริ่มขึ้นแล้ว และจะมีไปจนถึงวันที่ 12 ธันวาคม ใครที่ยังไม่ได้ไปเดินชมรถชมหญิงกันก็พยายามจัดหาเวลาไป
ถ้าโดดงานไปดูในวันธรรมดาได้ก็จะดีมากเพราะเป็นที่รู้กันว่าวันเสาร์อาทิตย์คนแน่นเหมือนสวนสาธารณะญี่ปุ่นช่วงเทศกาล อย่างไรก็ตาม อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยเอาไว้ด้วยเพื่อลดความเสี่ยง คุณวัลลภท่านผู้บริหารจาก Audi Thailand ได้เคยแนะนำยาพ่นจมูกคล้ายผงแป้งยี่ห้อนาซัลลีซ ผมเองก็ใช้ระหว่างทำงานในวันสื่อมวลชนเช่นกัน

เจ้ายานี่จะคล้ายผงแป้งกลิ่นมินต์ครับ คุณเขย่าๆ เอามาจ่อจมูก หายใจออกให้สุดแล้วสูดหายใจเข้าพร้อมบีบขวด ผงแป้งพวกนี้จะกระจายเข้าไปแล้วแปลงกายเป็นของเหลว เชื้อ COVID ปลิวเข้ามาก็มีโอกาสโดนดักจับเอาไว้ ตกโดนของเหลวนี้เมื่อไหร่ ไอ้เชื้อตายแน่นอน ข้อเสียคือเวลาคุณยืนคุยกับสาวที่ตัวเตี้ยกว่าคุณสักฟุต เขาจะนึกว่าคุณไม่เคยแคะจมูกมาตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมีย แค่นั้น

ในงานนี้ ผมได้มีโอกาสเห็นรถคันหนึ่งที่รูปทรงโดนใจสุดๆ มันคือ Neta S นั่นเอง...ซึ่งก็ทำให้ผมฉุกคิดได้ว่า ตายละวา..แบรนด์ Neta นี่น่ะ เขาเข้ามาโปรโมตในบ้านเราได้พักใหญ่แล้ว แต่นอกเหนือจากการเป็นแบรนด์มาจากจีน ผมก็ไม่ทราบข้อมูลรถค่ายนี้มากนัก พอกลับบ้านมาเลยพยายามค้นดู..บางทีผมก็ได้แต่หวังว่าตอนอยู่มหาวิทยาลัยน่าจะเรียนภาษาจีนเพิ่ม เพราะพยายามหาข้อมูลลึกๆ ของแบรนด์นี้ที่เป็นภาษาอังกฤษก็แทบจะไม่มี จนมาเจอบทความของคุณ Leo Breevoort ที่เขาเขียนลงไว้ในเว็บไซต์ Carnewschina.com เมื่ออ่านแล้ว ก็รู้สึกว่าน่าจะนำมาแปลเป็นภาษาไทยให้คุณผู้อ่านได้ฟังกัน บทความนี้ ก็จะมาแนวขี้เกียจหน่อย คือเอาของเขามาแปล ไม่ได้ค้นหาข้อมูลหลายๆ แหล่งมาเขียนใหม่

แบรนด์ NETA นั้น ถือเป็นแบรนด์ลูกย่อยภายใต้บริษัท Hozon New Energy Automobile หรือเรียกสั้นๆ ว่า Hozon Auto ซึ่งถ้านับอายุแล้ว ก็ถือว่าเป็นค่ายรถที่มีอายุน้อยมาก คือเพิ่งจะก่อตั้งเมื่อปี 2014 นี้เอง ทว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง อย่าง Fang Yunzhou (ขออนุญาตเขียนชื่อท่านเป็นภาษาอังกฤษ เพราะผมกลัวสะกดภาษาไทยแล้วเสียงเพี้ยน) ก็มีความน่าสนใจในตัวเขาเอง ในขณะที่ CEO แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่จากจีนส่วนมาก จะมีความเป็น Elon Musk ในตัว กล่าวคือ ทำตัวอยู่กลางไฟสปอตไลต์ เล่น Social Media อย่างเปิดเผย นิยมปรากฏตัวในงานสำคัญๆ คุณ Fang ท่านมาแนวตรงกันข้ามเลย คือทำแต่งาน ชอบอยู่ข้างหลังแถว

คุณ Fangไม่ใช่คนเงียบแบบเก็บกดนะครับ แค่ไม่สนใจที่จะออกสื่อบ่อย คนประเทศอื่นจะรู้เรื่องต่างๆ ของท่านน้อยมาก แต่คนในวงการรถ EV จีน ไม่มีใครไม่รู้จัก คุณ Fang เกิดที่เมืองตงเฉิง มณฑลอานฮุย เมื่อปี 1975 เรียนจบสาขาวิศวกรรมยานยนต์จากมหาวิทยาลัยเหอเฟย์ (Hefei) งานตำแหน่งแรกของเขาคือเป็นวิศวกรออกแบบระบบไฟฟ้าในบริษัท Chery Automobile ซึ่งทุกวันนี้ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อปี 1998 ยังเป็นบริษัททารกอยู่ เมื่อทาง Chery เริ่มตั้งแผนกวิจัยพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง
คนจีนหัวคิดใหม่อย่างคุณ Fang ก็ไม่ลังเลที่จะทำเรื่องขอย้ายฝ่ายในทันที
งานชิ้นแรกๆ ของเขา ง่วนอยู่กับการวิจัยทำรถยนต์ไฟฟ้า แต่ด้วยเทคโนโลยีของปี
2001 ในจีนขณะนั้น รถ EV ต้นแบบของทีมงานเขาเกิดแบตเตอรี่หมดหลังจากวิ่งออกจากโรงงานไปได้แค่ 20 กิโลเมตร ซึ่งทำให้คุณ Fang กับเพื่อนต้องเข็นรถกลับจากโรงงาน (สมัยนั้นรถสไลด์อาจจะเรียกยากกว่าสมัยนี้) ระหว่างทางนั้นเอง เขาก็คิดได้ว่า

“ถ้าแบตเตอรี่มันพอให้รถวิ่งได้แค่นี้ ถ้างั้นทำไมเราไม่เอาเครื่องยนต์มาใช้ขับเคลื่อนด้วยล่ะ” จากจุดนั้น ทิศทางของ Chery ก็เริ่มไปสู่การวิจัยรถไฮบริดอย่างจริงจัง จน Chery สามารถผลิตรถไฮบริดออกขายได้ในปี 2003

ในปี 2014 คุณ Fang ทำงานกับ Chery มาครบ 16 ปีจนเริ่มตกผลึกตัวเองว่า
ถ้าอยากทำทุกอย่างให้ได้ตามสไตล์ของตัวเอง ก็ต้องกล้าออกมาสร้างบริษัทของตัวเอง แต่ก็ยังหวั่นใจในความมั่นคงของชีวิต เพราะที่ Chery นั้น เขาเป็นที่รู้จักในนามของ Mr. Hybrid เป็น “นายช่างใหญ่” ที่ทุกคนเคารพ มีฐานะดีระดับหนึ่งแล้ว จนกระทั่งเมื่อท่านประธานของ Chery คุณ Yin Tongyue ทราบเข้า ก็ให้กำลังใจว่า “คุณ Fang คุณดูสิ ผมเริ่มสร้างบริษัท Chery ตอนอายุ 40 แล้วตอนนี้เส้นผมบนหัวมันก็หงอกหมดแล้ว” ถอดความก็คือ ถ้าจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง ก็อย่ารอจนแก่ แรงมันจะหมดก่อนบรรลุความฝัน

Fang Yunzhou จึงลาออกมาพร้อมเพื่อนๆ จาก Chery อีกจำนวนหนึ่ง ไปเรียนคอร์สด้านวิศวกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกเพิ่ม แล้วสร้างสัมพันธ์กับสถาบันวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยซิงหัว เพื่อตั้งบริษัท Zhejiang Hezhong New Energy Automobile ผลงานช่วงแรกของเขาก็คือการคิดค้นระบบสื่อสารและควบคุมภายในรถยนต์สมัย ใหม่ (Smart Vehicle Network) ซึ่งเป็นระบบที่สื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตได้

จากนั้นจึงนำไปเสนอบริษัทรถยนต์ใหญ่ๆ หลายเจ้า แต่ก็ถูกปฏิเสธ เนื่องจากการผนวกระบบอันทันสมัยเช่นนี้เข้ากับรถยนต์ ทางบริษัทรถก็ต้องยอมเผยรายละเอียดของระบบต่างๆ ในรถรวมถึง ECU และอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งในสมัยนั้น ชื่อเสียงของ Fang ยังไม่มากพอจะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจยังหมู่บิ๊กบริษัทรถได้ คุณ Fang ก็เลยบอกว่า “ถ้าไม่มีใครซื้อระบบเราไปใช้ เราก็สร้างรถของเราเองแล้วติดตั้งมันลงไปสิวะ”

แต่ก่อนจะมีรถ ก็ต้องมีโรงงาน และสำหรับบริษัทตั้งใหม่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย Fang นั้นอาชีพหนึ่งนอกจากทำงานบริษัทรถแล้วก็ยังมีตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเขาใช้ในการสร้างคอนเน็กชันกับรัฐบาลท้องถิ่นเมืองถงเซียง (เจี่ยซิง) จนถึงจุดที่ทางถงเซียงจะให้เงินสนับสนุนในการสร้างโรงงาน Smart Factory ตามแบบที่เขาขอ โดยที่รัฐบริหารของเมืองถงเซียงก็จะได้ถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท Hozon ซึ่งความสัมพันธ์นี้อยู่ได้ไม่นาน ทางถงเซียงก็ขายแชร์ส่วนใหญ่ให้กับบริษัท Lhasa Zhixing Innovation Technology ในปี 2017 ซึ่งบริษัทนี้ เปรียบเสมือนแขนขาสู่ธุรกิจใหม่ของบริษัทระดับยักษ์อย่าง China Fortune Land Development

การบรรจบพบกันกับ China Fortune มีดีอยู่หลายสิ่ง หนึ่ง บริษัทนี้กิ่งก้านสาขากว้างมาก เป็นเจ้าของกิจการ JinJing Electric ซึ่งผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าขาย และมีผู้ก่อตั้งชื่อ Wang Wenxue ซึ่งเป็นคนหัวใหม่ ชอบเทคโนโลยีและความก้าวหน้า ภายในเดือนมิถุนายน 2018 Hozon Auto จึงได้ให้กำเนิดแบรนด์ “Neta” อย่างเป็นทางการ โดยชื่อ Neta เป็นคำที่มาจากภาษาจีนว่า Nezha ซึ่งเป็นเทพแห่งการคุ้มครองที่คอยปกปักรักษาชาวจีนวัยรุ่นที่กำลังย่างเข้าวัยผู้ใหญ่

แต่ในดีก็มีเสีย เพราะเป็นคนกล้าได้กล้าเสี่ยง ลงทุนอะไรจะใส่จนยับ เพียงเวลาไม่นานจึงต้องขายกิจการบางส่วนออกไปอยู่กับสถาบันการเงินขนาดใหญ่อย่างผิงอัน ในเวลานี้ (ปลายปี 2018) คุณ Fang ของเราปฏิเสธไม่รับตำแหน่งผู้บริหาร Hozon Auto แต่กลับดึง Zhang Yong MD จากบริษัท BAIC มาทำหน้าที่คุมบริษัทแทน
ส่วนตัวเองก็ไปทุ่มให้กับฝ่ายวิศวกรรมและการวิจัย จน Neta สามารถสร้างรถ
N01 รุ่นแรกออกมาขายได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกันนั้นเอง

N01 เป็นรถที่ดูธรรมดามาก และไม่มีระบบสื่อสารดิจิทัลอันทันสมัยอย่างที่ Fang
หวังไว้ อันที่จริงดูจากรูปคุณจะนึกว่ามันคือรถจากปี 2010 ก็คงไม่ผิด ในบรรดายอดขายหลักแสนของ N01 มีแค่ 10% เท่านั้นที่เป็นลูกค้าปกติ ส่วนอีก 90% นั้นเป็นการขายให้กับบริษัทประเภท Car-sharing หรือบริษัทรถเช่า ซึ่งปรากฏว่าขายดีมาก ต้องยกเครดิตความดีนี้ให้กับ CEO Zhang Yong ซึ่งมองเกมเอาไว้แล้วว่า โลกของการใช้รถในอนาคต จะไม่ได้มาในรูปของการเป็นเจ้าของเพียงอย่างเดียว แต่อาจรวมถึงการเช่าใช้รายวัน หรือรายชั่วโมง

ในปี 2020 ท่ามกลางวิกฤติภัย COVID-19 Neta ก็เปิดตัวรถรุ่นใหม่ Neta U รถรุ่นนี้ ออกแบบมาอย่างลงตัว เป็นรถครอสโอเวอร์ขนาดกลาง ขับเคลื่อนด้วยพลัง 204 แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้า และสามารถวิ่งได้ไกล 400-600 กิโลเมตร ตามแต่แบตเตอรี่ที่เจ้าของเลือก นวัตกรรมที่จดสิทธิบัตรไว้ ซึ่งเป็นผลงานของคุณ Fang เองก็คือ See-through A-Pillar หรือเสา A แบบมองทะลุผ่านได้..ซึ่งจริงเจ้าเสานี่ไม่ได้ใสจนมองทะลุได้หรอกครับ แต่เขาใช้วิธีฝังจอภาพลงบนเสา ซึ่งเมื่อเปิดใช้งาน คุณจะเห็นทุกสิ่งทุกมุมที่ปกติเสานี้จะบดบัง เพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งตาในการขับ

และในเดือนพฤศจิกายน 2020 ก็มีการเปิดตัว Neta V ซึ่งนับได้ว่าเป็นรถที่ N01 ควรเป็นมาตั้งแต่แรก โดยใส่ความทันสมัยและเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปตามที่ Fang ตั้งใจ อีกทั้งยังมีการปรับพลังขับเคลื่อนให้สูงขึ้นเป็น 95 แรงม้า เมื่อชาร์จไฟเต็มสามารถวิ่งได้ 400 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC มันเป็นรถแบบที่ Fang เรียกว่า “Small BUT Smart” และพยายามทำราคาให้คนที่อยากซื้อ EV ใช้ สามารถเอื้อมถึงได้โดยง่าย

และในประเทศไทย Neta V ก็คือหัวหอกในการทำตลาดที่ทาง Hozon Auto
เลือกให้เข้ามาลุยเป็นรุ่นแรก พร้อมตั้งผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คือ Neta
Auto (Thailand) พูดถึงปรัชญาในการทำรถ Zhang Yong เคยกล่าวไว้ว่า Neta
ไม่ได้เล็งที่จะเป็นบริษัทใหญ่ระดับโลก พวกเขาจะปล่อยค่ายบิ๊กอย่าง General
Motors, Toyota, Volkswagen และรวมถึง Tesla ไป และพยายามโฟกัสอยู่ที่การสร้างรถ EV ให้เป็นตัวเลือกกับประชาชนที่ไม่ได้รวย อย่างในจีน Neta ก็พยายามร่วมมือกับรัฐในการโปรโมตแคมเปญขาย EV สำหรับประชนชนในจังหวัดที่ห่างไกล ได้ส่วนลดพิเศษจนทำให้ซื้อได้ไม่ต้องคิดนาน แต่พวกเขาไม่ได้คิดแค่จะทำรถราคาถูก เพราะแบรนด์จะเติบโตได้นั้น

ภาพลักษณ์จะต้องพัฒนาขึ้นไปตามอายุ ในปี 2022 นี้ จึงมีการเปิดตัวรถขนาดโตขึ้น ทรงสวยขึ้น พลังสูงขึ้น อย่าง Neta S ซึ่งมีพลังมากถึง 462 แรงม้า จอดอยู่ที่ไหนถ้าใครไม่รู้เรื่องรถมองผ่านๆ อาจนึกว่าเป็นซุปเปอร์คาร์ยุโรป ใครจะมองว่าอย่างไร ก็คงต้องแล้วแต่เขา สำหรับคนที่มองตัวเลขเป็นหลัก แบรนด์ Neta นั้นถือว่ามีอัตราการเจริญเติบโตรวดเร็วยิ่งกว่าเพื่อนๆ ผู้ผลิตรถค่ายอินดี้เจ้าอื่นในจีน ระหว่างปี 2020 ก้าวข้ามมา 2021 นั้น ตัวเลขยอดขายของพวกเขาเติบโตขึ้นถึง 362% ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นการพยายามผลักดันโดยแนวคิดของ CEO สำหรับการขายในประเทศ

ส่วนจะทำตลาดในไทยได้ฉลุยแค่ไหน เพิ่มยอดขายปีต่อปีได้มากเพียงไร ก็คงต้องขึ้นอยู่กับการนำของคุณ Alex Bao Zhungfei ซึ่งเป็นผู้บริหารประจำประเทศไทย และการสนับสนุนด้านการตลาดจากบริษัทแม่ ที่แน่ๆ ถ้าคุณอยากลองพบ ลองสัมผัสรถจากแบรนด์ที่อายุน้อยแต่ความสามารถไม่ธรรมดานี้ สามารถไปชมด้วยตาตัวเองได้ ที่งาน Thailand International Motor Expo เลยครับผม.

Pan Paitoonpong

คุณกำลังดู: รถยนต์ไฟฟ้า NETA EV ชื่อนี้มีความเป็นมาอย่างไร

หมวดหมู่: รถยนต์

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด