รวมรถทดสอบ ขับแล้วชอบในปี 2564

ขับดีจนพี่อยากได้! รวมรถทดสอบขับแล้วโดนในปี 2564

รวมรถทดสอบ ขับแล้วชอบในปี 2564

พ.ศ. 2564 กลายเป็นปีที่ยากลำบากของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรงในช่วงกลางปี ทำให้ตลาดรถยนต์ของไทยได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ปี 2564 ยังเป็นปีที่มีรถดีๆ ทยอยออกมาขายอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นรถยุโรปราคาแพงมากกว่าอีโคคาร์ราคาประหยัด สำหรับรถไฟฟ้าที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด เมื่อดูที่ตัวเลขยอดขายก็พบว่ารถไฟฟ้ายังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร จากตัวแปรหลากหลายด้าน ทั้งความไม่พร้อมของสถานีชาร์จไฟทางไกล ราคายังแพงอยู่เมื่อเทียบกับรถสันดาปภายในที่วิ่งได้ไกลกว่า รถไฟฟ้าในยุคแรกจึงเหมาะกับการใช้งานในเมืองมากกว่า และนี่คือรถทดสอบที่ขับแล้วชอบประจำปี 2564 ครับ.....

Nissan Navara Pro4X
ขายไม่ค่อยดีแต่ขับดีใช้ได้เลย การปรับเปลี่ยนบางจุดใน Navara รุ่นตกแต่งพิเศษ Por4X จุดเด่นก็คือ ช่วงล่างทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ไม่แข็งกระด้างเป็นหินผาเหมือนรุ่นก่อนปรับโฉม อุปกรณ์ตกแต่งให้มาไม่น้อยหน้ารถคู่แข่งยกเว้นเบาะคู่หน้าที่ยังใช้การปรับด้วยมือแทนที่จะเป็นไฟฟ้า เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบอัดอากาศด้วยเทอร์โบคู่ รหัส YS23DDTT ความจุ 2.3 ลิตร 4 วาล์วต่อสูบ เครื่องยนต์รุ่นใหม่ตัวนี้มีการปรับสมรรถนะเพื่อความประหยัดและทำให้มีแรงบิดรอบต่ำเพียงพอต่อความต้องการในการเอาตัวรอดบนทางวิบาก มีประสิทธิภาพเหนือกว่าเครื่องยนต์รหัส YD25 DDTi ประกอบด้วยพาราเรลพอร์ตฝาสูบ ที่ถูกปรับให้ดีขึ้น วาล์ว EGR มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมด้วยบายพาสอินเจคเตอร์แรงดัน 200 MPa ระบบอัดอากาศหรือเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบทวินเทอร์โบ ระบบเชื้อเพลิง ใช้หัวฉีดไฟฟ้าคอมมอลเรล-ไดเรคอินเจคชั่น พร้อมอัตราการบีบอัดต่ำ ให้กำลัง 190 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดจัดเต็มถึง 450 นิวตันเมตร หรือ 45.9 กิโลกรัมเมตร ที่ 1,500-2,000 รอบต่อนาที มากพอที่จะส่งแรงบิดลงไปตะกุยทั้งสี่ล้อเพื่อเอาตัวรอดในเส้นทางออฟโรด ระบบส่งกำลัง ใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล Navara PRO-4X 4WD 7AT ราคา 1,149,000 บาท.

Honda New Civic RS
สิ่งที่ Honda ทำกับ Civic ใหม่ก็คือ เติมความสูงวัยของรูปลักษณ์ แต่การขับยังคงเปรี้ยวปรี๊ดตามสไตล์รถวัยรุ่น ความเจ๋งของ Civic ลำล่าสุดก็คือ เครื่องยนต์และเกียร์ตอบสนองได้ดี โดยเฉพาะการเซตเกียร์ CVT ให้มีอาการย้วยน้อยลง พวงมาลัยขึงตรึงมากยิ่งขึ้นด้วยน้ำหนักที่ปรับหน่วงไปตามสปีดความเร็ว ช่วงล่างทำมาเพื่อสู้รบตบมือกับ TNGA ของพี่โต ห้องโดยสารใหม่สวยงามใช้ได้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ 4 สูบ 16 วาล์วมีการปรับปรุงใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์เทอร์โบตัวเล็ก มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ รองรับพลังงานทางเลือกด้วยเชื้อเพลิง E85 เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบบล็อกล่าสุดของ Honda ใช้ชุดเพลาราวลิ้นพร้อมระบบ Dual-VTC เพียงแค่ระบบเดียว โดยระบบจะแปรผันวาล์วทั้งสองฝั่ง (ฝั่งไอดีและฝั่งไอเสีย) โดยไม่ต้องใช้ระบบ VTEC เนื่องจากใช้ระบบอัดอากาศเทอร์โบเดี่ยวแบบ Mono Scroll พร้อมเวสต์เกตแบบไฟฟ้า Electrical Waste-gate ชุดเทอร์โบและเวสต์เกตเป็นแบบไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองการระบายแรงดันส่วนเกินที่รวดเร็วสอดรับกับการทำงานของระบบวาล์วแปรผัน Dual VTC ในทุกจังหวะและทุกช่วงเวลาของการปิด-เปิดวาล์วไอดีและไอเสีย เทอร์โบตัวเล็กสร้างแรงบูสต์ได้สูงสุดที่ 16.5 psi เครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร เค้นกำลังสูงสุดออกมาได้ 178 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ที่ 1,800-5,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลัง มีการปรับปรุงเกียร์สายพานพูเลย์ CVT เพื่อทำให้การตอบสนองและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีขึ้น เกียร์ CVT อัตราทดแปรผัน ติดตั้งแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift มาให้สับเกียร์เล่นอีกต่างหาก ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ Honda เคลมมาให้อยู่ที่ 13-14 กิโลเมตรต่อลิตร (นอกเมือง) สำหรับมาตรฐานมลพิษของเครื่อง 1.5 ลิตร เทอร์โบอยู่ในระดับ EURO-6 มีทั้งความสะอาดและประหยัดควบคู่กันไป Civic RS คันทดสอบที่ผมพาลากออกไปจนถึงสามร้อยยอด มีราคา 1,199,000 บาท

BMW 745Le xDRIVE M Sport
ซาลูนเรือธงแบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟเวอร์ชัน LCI 2021 ที่เปลี่ยนจากเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในระบบปลั๊กอินไฮบริด ไปเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง เทอร์โบ 3.0 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าและการชาร์จพลังงานในระบบปลั๊กอิน นอกจากความหรูหราของภายนอกภายในแล้ว ระบบส่งกำลังของ 745 ถือว่าทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม จะขับแบบเรื่อยๆ ก็สบายตัวสุดๆ หรือจะขับแบบท้ารบก็ยังไปได้เร็วสูสีกับรถสปอร์ตคันเล็กเลยทีเดียว BMW 745Le xDRIVE วางเครื่องเบนซิน 6 สูบ ความจุ 2,998 ซีซี กำลัง 210 กิโลวัตต์ หรือ 286 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,500 รอบต่อนาที กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 83 กิโลวัตต์ 113 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 265 นิวตันเมตร กำลังรวมสูงสุด 290 กิโลวัตต์ หรือ 394 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 600 นิวตันเมตร ตัวเลขสมรรถนะ มีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เร็วเหลือเชื่อที่ 5.1 วินาที มอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงที่ฝังอยู่ในเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF (ZF-8HP) ให้กำลัง 83 kW หรือ 113 แรงม้า พร้อมแรงบิดแบบจัดเต็มที่ 265 นิวตันเมตร เกิดจากการปรับตั้งการทำงานของชุดมอเตอร์ในเกียร์ใหม่หมด เมื่อเครื่องยนต์กับมอเตอร์ทำงานพร้อมกันจะทำให้เรือธง 7-Series มีกำลังเฉียดๆ 400 แรงม้า พร้อมกับแรงบิดมหาศาล โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่อง V8 ที่หนักและสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอีกต่อไป (รุ่น V8 และ V12 ยังคงมีจำหน่ายอยู่ในตลาดต่างประเทศ แต่รุ่น V12 จะทำตลาดเป็นรุ่นสุดท้าย ก่อนปิดสายการผลิตเครื่องยนต์ V12) ส่วนตัวเลขอัตราเร่งนั้นหายห่วงในเรื่องของความแรง 745Le Plug in Hybrid สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาแค่ 5.1 วินาที เร็วกว่าเดิมที่เคยทำได้ 5.5 วินาทีใน 749Le รุ่นก่อนปรับโฉม สำหรับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเมื่อใช้โหมดประหยัดทำได้ 47 กิโลเมตรต่อลิตร!! หากผู้ขับรู้จักเลือกใช้โหมดขับเคลื่อนและขับแบบประคองคันเร่ง ตัวเลขค่าการปล่อย Co2 64 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร เป็น 7-Series ที่มีให้คุณทั้งความแรงสะอาดและประหยัดใช้ได้เลยทีเดียว ความประหยัดจะมาพร้อมกับการชาร์จไฟ ผ่าน iWall Box นาน 3 ชั่วโมง เพื่อนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการวิ่งช่วงสั้นๆ ได้ประมาณ 22 กิโลเมตร ขุมกำลังรุ่นใหม่ซึ่งหันกลับมาใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุ 3 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบคู่ โดยใช้เทอร์โบแปรผันสองตัว และระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ High Precision Injection ระบบวาล์วแปรผัน Double VANOS กับ VALVETRONIC และมีการปรับจูนซอฟต์แวร์เพิ่มเติมกำลังให้อัปขึ้นไปถึง 286 แรงม้าBMW 745Le xDRIVE M Sport เรือธงลำหรูราคา 6,439,000 บาท.

BMW 430i M Sport
คูเป้จมูกโตที่ชอบทำตัวเด่นบนถนนสุขุมวิท นี่คือรถสองประตูสี่ที่นั่งที่ขับได้เจิดสุดในราคา 4 ล้านบาท ถ้าคุณไม่สนใจกระจังไตคู่ที่ใหญ่โตมโหระทึก การขับที่ดีงามและความหล่อของ Series-4 ใหม่ จะทำให้คุณรู้สึกหลงรัก! น่าเสียดายที่ไม่มีรุ่น M440i แต่แค่ 430i ที่จูนมาเต็มในเครื่อง 2.0 ลิตร เทอร์โบก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว BMW 430i M Sport G22 ทำตามบรรพบุรุษทุกประการ นั่นก็คือ การวางเครื่องยนต์ตามยาวด้านหน้า ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2 ลิตร เทอร์โบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo บล็อก 4 กระบอกสูบ แถวเรียง DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ปริมาตรความจุ 1,998 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 82.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 94.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.2 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดไดเรคอินเจคชั่น ระบบวาล์วแปรผันแบบ Double Vanos และระบบควบคุมการเปิด-ปิดวาล์ว Valvetronics พร้อมกลไกการอัดอากาศด้วยเทอร์โบเดี่ยวแบบ Twin Scroll ที่ทำงานตั้งแต่รอบต่ำแค่ 1,350 รอบต่อนาที เทอร์โบตัวอัดอากาศในรอบต่ำ จนเกือบจะถึงรอบสูงสุด ให้กำลัง 189 กิโลวัตต์ หรือ 258 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร (40.7 กิโลกรัม/เมตร) ที่ 1,550-4,400 รอบ/นาที อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักเท่ากับ 138 แรงม้าต่อ 1 ตัน (น้ำหนักรถทั้งคัน= 1,620 กิโลกรัม) ระบบส่งกำลัง ZF 8HP เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมแป้น Paddle Shiftมาตรฐานการปลดปล่อยมลภาวะอยู่ในระดับ Euro 6 BMW New Series-4 Coupe 2021 รหัสตัวถัง G22 ราคา 3,969,000 บาท.

Audi RS4 Avant Quattro
รถแวนพ่อบ้านสายโหดที่มีให้คุณครบๆ ทั้งความแรงและความสบาย RS4 Avant ขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยชุด Quattro แบ่งกำลังลงไปยังล้อขับเคลื่อนเพื่อสร้างความสมดุลสูงสุด จังหวะของการเลี้ยวโค้งหนักแน่นและเกาะหนึบเป็นตุ๊กแก เร่งทางตรงได้แรงจนลำไส้แทบจะพิการ แต่ขับเรื่อยๆ ก็เป็นรถที่มีความสบายใช้ได้ไม่แข็งกระด้างจนกระเด้งไปตลอดทางเครื่องยนต์เบนซิน V6 2.9 ลิตร TFSI twin-turbo โมเต็มโดยแผนก Audi Sport ทำให้ Audi RS4 Avant มีกำลังมากถึง 331 กิโลวัตต์ หรือ 450 แรงม้า ซึ่งเท่ากับเอาต์พุต 155.5 แรงม้าต่อลิตร ทำให้ RS4 Avant เร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาสั้นจู๋เพียง 4.1 วินาที เครื่องยนต์เบนซิน V6 TFSI เทอร์โบคู่ มีน้ำหนัก 182 กิโลกรัม (401.2 ปอนด์) เบากว่าเครื่องยนต์ V8 ใน RS4 รุ่นก่อนหน้า 31 กิโลกรัม (68.3 ปอนด์) การใช้เครื่องยนต์ที่มีความจุลดลงแต่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มแรงฉุดลากรวมถึงการกระจายโหลดในรถยนต์ที่มีเพลาขับสองชุด ระบบอัดอากาศเทอร์โบคู่ วางคร่อมฝาสูบเพื่อลดความยาวของท่อทางต่างๆ เทอร์โบแฝดให้ประสิทธิภาพที่น่าประทับใจโดยมีแรงบิด 600 นิวตันเมตร (442.5 ปอนด์ต่อฟุต) ในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,900 ถึง 5,000 รอบต่อนาที แพ็กเกจ RS Dynamic ปลดล็อกความเร็วสูงสุด จากการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จาก 250 เป็น 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (155.3 ถึง 174.0 mph) แรงบิดไหลไปสู่เพลาข้อเหวี่ยงที่ต่อเชื่อมกับเกียร์ ZF แล้วส่งกำลังไปที่เพลาขับ 2 ชุด (หน้า-หลัง) ผ่านระบบขับเคลื่อนล้อ 4 ล้อ quattro ที่เชื่อมต่อการทำงานกับระบบเกียร์ 8 สปีด ในสภาวะการขับขี่ปกติ ระบบจะส่งกำลังไปที่เพลาล้อหลังมากเป็นพิเศษ โดยส่งแรงบิด 60 เปอร์เซ็นต์ไปยังเพลาหลัง และอีก 40 เปอร์เซ็นต์ไปยังเพลาหน้า และเมื่อเกิดการลื่นไถลที่ล้อข้างใดข้างหนึ่ง แรงบิดที่เทไปยังล้อนั้นจะถูกปรับลดทันทีโดยอัตโนมัติ ตอบสนองต่อการสูญเสียแรงยึดเกาะอย่างรวดเร็ว Quattro จะถ่ายแรงบิดไปยังล้อฝั่งตรงข้ามเพื่อเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว ระบบ Quattro สามารถเทแรงบิดสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ไปยังด้านหน้า หรือเทแรงบิด 85 เปอร์เซ็นต์ไปที่เพลาล้อหลัง ทั้งหมดจะถูกควบคุมผ่านระบบรักษาเสถียรภาพ ESC และระบบ wheel-selective torque control เจ้า RS4 Avant Quattro มีค่าตัวรวมภาษีนำเข้าในโชว์รูมของ Audi Thailand อยู่ที่ 5,899,000 บาท

BMW M340i xDRIVE M Sport
ถ้าโลกใบนี้ไม่มี M3 ผมขอยกตำแหน่ง Series-3 ที่ดีที่สุดให้กับ M340i xDRIVE นี่คือสปอร์ตซีดานตัวกลั่นที่มันสุดบนไฮเวย์เรียบๆ พลังจากเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบเทอร์โบคู่นั้นมาเต็มเหนี่ยว แรงเร่งเหลือเฟือ ทำความเร็วได้นิ่งและพลิ้วไหวในโค้งได้อย่างแนบแน่น ถ่ายน้ำหนักดีและเลี้ยวได้อย่างปราดเปรียวว่องไว ถ้าไวกว่านี้มันคงกลายร่างเป็น M3 ไปแล้วM340i นั้นมีเครื่องยนต์ B58B30 แบบเดียวกับใน M140i/M240i Z4 M40i และ 440i/ ซึ่งเป็นเครื่อง 3.0 ลิตร Twinscroll Turbo ใน Z4 จากที่เคยมีกำลัง 340 แรงม้า (bhp) ในปี 2019 พอมาถึงปี 2021 เรี่ยวแรงถูกอัปขึ้นเป็น 387 แรงม้า แรงบิดจัดมา 500 นิวตันเมตร เหลือๆ กันเลยทีเดียว ส่วนใน Series-3 M340i ตอนลืมตาดูโลกและโผล่ออกมาจากโรงงานประกอบ BMW ที่ระยอง ก็มีกำลังท่วมท้นมากถึง 387 แรงม้า กับแรงฉุดลาก 500 นิวตันเมตรเช่นเดียวกัน เทอร์โบมีเวสต์เกตควบคุมด้วยไฟฟ้าที่ช่วยให้รถตอบสนองคันเร่งได้เร็ว เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง วางตามยาว ขับเคลื่อนทุกล้อ ถูกปรับแต่งระบบเกียร์ ช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยว ให้สามารถตอบสนองต่อเท้าที่หนักอึ้งของคนขับ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDRIVE ให้ความเสถียรขณะปลดปล่อยแรงบิด ตอนที่ BMW พัฒนาเครื่องตัวนี้ พวกช่างและวิศวกรตราใบพัดก็เอาเครื่องยนต์ 6 สูบ กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของแบรนด์อื่น มาเทียบวัดมาตรฐานด้วย โดยเฉพาะเครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบพร้อม Mild Hybrid 48V ที่อยู่ใน AMG 53 หลากหลายรุ่น BMW M340i xDRIVE M Sport ราคา 3,969,000 บาท.

MINI Cooper S Paddy Edition
เกียร์ธรรมดาที่ใส่เข้ามาใน Cooper S เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ทั้งหมดทั้งปวง ทำเพื่อความบันเทิงในการขับเพื่อย้อนกลับไปหาตัวตนและอดีตที่ยิ่งใหญ่ของรถ MINI เกียร์แมนนวลที่เซตมาจัดจ้านใช้ได้ ช่วยทำให้การเร่งแซงรถช้า หรือการขับขึ้นภูเขาชันๆ กลายเป็นเรื่องที่สนุกสุดๆ Cooper S เครื่องเบนซิน 2 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผันแบบ Twin Scroll วางตามขวางขับเคลื่อนล้อหน้าระบบอัดอากาศเทอร์โบเดี่ยวลูกเดียวโดดๆ กับฟังก์ชัน Overboost ทำงานได้อย่างไร้ที่ติ เป็นรถที่มีอัตราเร่งอย่างจี๊ด ถ้าคุณมีมือและขาซ้ายที่ไวมากพอ มันจะกระชากลากถูจนทำให้รู้สึกเมามันในอารมณ์และฟิลลิ่งที่ครอบคลุมอาการกระด้าง กำลังในรูปของแรงฉุดลากอาจไม่มุทะลุเหมือน Cooper JCW แต่ความสนุกนั้นเหนือกว่า JCW รุ่นเกียร์อัตโนมัติ จากการที่คุณจะต้องยัดเกียร์เหยียบคลัตช์และควบคุมอัตราทดให้เหมาะสมกับเส้นทางและรอบเครื่องยนต์ไปตลอดทาง เครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พลาสติกครอบฝาสูบแบบใหม่ เครื่องยนต์ติดตั้งระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผัน หรือ Twin Scroll Turbocharger เป็นเครื่องยนต์แบบ 4 กระบอกสูบ เทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo มีปริมาตรความจุ 1,998 ซีซี กำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์ หรือ 192 แรงม้า ที่ 4,700-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด (Overboost) 280-300 นิวตันเมตร ที่ย่าน 1,250-4,750 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุดตะกายไปได้ถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 14.5 กิโลเมตร/ลิตร ระดับการปล่อย CO2 เท่ากับ 122 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร มาตรฐานมลพิษระดับ EURO-6 ส่วนระบบส่งกำลังซึ่งเป็นท่ีมาของความบันเทิงท่ามกลางความทรมาน เกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีอัตราทดที่จัดจ้านเอามากๆ เมื่อลองถอนคลัตช์-สับเกียร์เร็วจี๋ ที่เกียร์ 3 เจ้าหนูแดงตัวแสบคันนี้ก็ยังมีอาการฟรีทิ้ง ส่วนอาการทอร์คสเตียร์ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น และสามร้อยยอดก็เป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมกับการขับทดสอบรถเล็กรุ่นนี้ ส่วนอัตราทดสุดจี๊ดมีตัวเลขดังต่อไปนี้


MINI Cooper S 6 speed manual gear ratio
Transmission Relations
1st Gear Ratio: 8.1
2nd Gear Ratio: 14.8
3rd Gear Ratio: 22.7
4th Gear Ratio: 29.1
5th Gear Ratio: 35.5
6th Gear Ratio: 41.9
Reverse Gear Ratio: 9.0
MINI Cooper S Paddy Hopkirk Edition ราคา2,555,000 บาท

BMW530e M Sport LCI 2021
530e M Sport LCI 2021ปรับจูนช่วงล่างของเวอร์ชันปรับปรุง ให้นั่งได้สบายดีมาก แถมยังเกาะถนนหนึบ ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของระบบรองรับ ช่วงล่าง Adaptive ที่หนึบแน่นและนุ่มนวล BMW ทำออกมาได้อย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็น 520d หรือ 530e LCI พระเอกปลั๊กอินไฮบริด ทั้งหมดถูกปรับปรุงระบบรองรับ ให้อารมณ์ของช่วงล่างที่นิ่มนวลกว่าเดิมนิดๆ เบาะหนังที่รองด้วยฟองน้ำอย่างหนาของมันก็ยิ่งเพิ่มความนิ่มนวลเมื่อขับผ่านผิวถนนที่ไม่เรียบ เป็นซีดานไซส์กลางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ ความจุ 2 ลิตร 184 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ฝังอยู่ในชุดเกียร์ ZF 8 Speed โดยใช้ตัวเก็บประจุไฟฟ้าเพื่อป้อนพลังงานให้กับมอเตอร์ด้วยแบตเตอรี่แบบใหม่ เครื่องยนต์ 2 ลิตร บล็อกเดียวกันกับ BMW 530i แต่มีการปรับจูนแรงม้าและแรงบิดให้ต่ำกว่า เพื่อทำให้สอดคล้องกับการเป็นยานพาหนะแบบ Plug in Hybrid มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 70Kw มีกำลัง 95 แรงม้า พร้อมแรงบิด 250 นิวตันเมตร ติดตั้งโดยฝังตัวเองอยู่ในชุดเกียร์ ZF8HP คอยเสริมกำลังกับเครื่องยนต์ตัวเล็ก เมื่อควบรวมพลังงานของทั้งสองระบบ (เชื้อเพลิง + แบตเตอรี่) ทำให้สมรรถนะของ BMW 530e M-Sport LCI อยู่ในเกณฑ์ไม่ธรรมดา ตัวเลขแรงม้า พุ่งเป็น 252 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร เทอร์โบ TwinScroll มีฟังก์ชัน XtraBoost ช่วยเสริมแรงบิดให้เพิ่มขึ้นสำหรับการเร่งความเร็ว จากตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.9 วินาที เร็วกว่ารุ่นก่อนปรับโฉมที่ทำได้ 6.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดว่ากันถึง 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อชาร์จไฟจนเต็มแบตฯ โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง BMW 530e M-Sport ในรูปแบบซาลูนปลั๊กอินไฮบริดสามารถวิ่งด้วยมอเตอร์เพียวๆ โดยไม่ติดเครื่องยนต์ในย่านความเร็ว 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ไกล 30 กิโลเมตรBMW 530e M-Sport ราคา 3,739,000 บาท

Toyota Hilux REVO GR Sport
Hilux ที่แปะตราสัญลักษณ์ GR มาเต็มด้วยระบบรองรับที่ปรับเซตมาให้ใหม่หมด ทิ้งความกระเด้งกระดอนมาเป็นความแน่นตึ้บ สร้างความมั่นใจในการขับเร็วได้ดีขึ้นมาก ภาพรวมของงานปรับแต่งตัวถังภายนอกของ Hilux GR Sport จุดที่ดูดีตามความคิดเห็นของผมก็คือ การนำตัวอักษร Toyota กลับมาใช้บนกระจังหน้าอีกครั้ง กระจังใหม่ยิ่งทำให้รถดูบึกบึนมากขึ้นกว่าเดิม ความกลมกลืนของซุ้มล้อกับล้ออัลลอยลายใหม่ที่ดูดี ส่วนยางติดรถยังคงเป็นยาง A/T กึ่งเรียบกึ่งลุย ชุดเบรก GR Sport ด้านหน้าใช้คาร์ลิปเปอร์สี่พอต พ่นสีแดง ประทับตราสัญลักษณ์ GR ส่วนเบรกหลังยังคงใช้ดรัมเบรกเหมือนเดิม อยากได้ดิสเบรกหลัง ที่น่าจะทำให้กระบะ GR (Gazoo Racing) คันนี้มีประสิทธิภาพการเบรกที่ดีขึ้น สำหรับกาบบันไดด้านข้าง หากคิดจะเอาไปลุยหนักๆ ก็ควรจะถอดออก เพราะเส้นทางออฟโรดที่ต้องลุยฝ่าในช่วงหน้าฝนจะลื่นสุดๆ กาบบันไดข้างอาจไปกระแทกเข้ากับหินหรือดินแข็งๆ จนทำให้เกิดความเสียหายได้ เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร GD Super Power 1GD-FTV (High) เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ แถวเรียง 4 วาล์วต่อสูบ (16 วาล์ว) DOHC VN Turbo ชุดลดอุณหภูมิไอดี Intercooler มีปริมาตรความจุกระบอกสูบ 2,755 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 92.0 มิลลิเมตร ระยะชัก 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า PS) ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด (500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที) ระบบจ่ายเชื้อเพลิง ติดตั้งหัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่นแบบคอมมอนเรล (i-ART) ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร เครื่องยนต์ GD Super Power 1GD-FTV (High) มีกำลังสูงขึ้นจาก 130 กิโลวัตต์ เป็น 150 กิโลวัตต์ (177 แรงม้า เป็น 204 แรงม้า) แรงบิดสูงสุดจากของเดิม 450 นิวตันเมตร เพิ่มเป็น 500 นิวตันเมตร อัปเกรดเครื่องยนต์ในปี 2563 มีประจำการอยู่ใน REVO Rocco 2.8 และ Fortuner Legender 2.8 ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์มีการเปลี่ยนเทอร์โบให้ใหญ่ขึ้น แกนเทอร์โบใส่ตลับลูกปืน Ball Bearing เพื่อลดแรงเสียดทาน เพิ่มประสิทธิภาพด้านการบูสได้เร็วกว่าเดิม ลูกสูบเคลือบสาร Diamond-liked บริเวณแหวนรองลูกสูบเพื่อลดแรงเสียดทาน หัวฉีดเชื้อเพลิงคอมมอลเรลไดเรคอินเจ็คชั่น i-ART เพิ่มประสิทธิภาพในการฉีดจ่ายเชื้อเพลิง ทั้งหมดทั้งปวงเป็นที่มาของแรงบิดอันน่าประทับใจของ Hilux GR รุ่นล่าสุดระบบส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ Hilux REVO GR Sport ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift ระบบรองรับ ด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ คอยล์สปริง เหล็กกันโคลง โช้คอัพแบบ Monotube ระบบรองรับด้านหลังแบบแหนบซ้อน โช้คอัพแบบ Monotube ระบบเบรก ด้านหน้าใช้ดิสเบรกแบบมีครีบระบายความร้อน คาร์ลิปเปอร์เบรกสีแดง สัญลักษณ์ GR ด้านหลังยังคงใช้ดรัมเบรกซึ่งควรจะเปลี่ยนเป็นดิสสี่ล้อได้แล้วToyota Hilux REVO GR Sport 4x4 6AT ติดตั้งชุดแต่ง GR Sport ราคา 1,299,000 บาท

Mercedes-Benz GLC220d Coupe AMG Dynamic
GLC Coupe ไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องยนต์อะไรก็ถือว่าเป็นสปอร์ตเอสยูวีที่มีความคล่องตัวสูง ความกระฉับกระเฉงของมันคล้ายกับการนำเอารถอย่าง C-Class มายกสูง คุณไม่ต้องตะกายไปจนถึงรุ่น AMG GLC43 แค่ GLC220d กับเครื่องดีเซลตัวเล็กใหม่ล่าสุดก็ดีงามแล้ว นอกจากจะขับสนุก GLC Coupe รุ่นดีเซล 2.0 ลิตร ยังเป็นรถที่สวยงามโดนใจเศรษฐีใหม่ไม่น้อยเลยทีเดียว เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ Mercedes-Benz เริ่มต้นโครงการวิจัยและพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลแบบแถวเรียงสี่สูบเทอร์โบเดี่ยว และแบบหกสูบเรียงเทอร์โบคู่ในปี 2559 ซึ่งรวมถึงเครื่องยนต์ดีเซลสี่สูบรุ่นใหม่ทั้งหมด (รหัส OM 654 และ OM 654q) เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ดีเซลหกสูบเรียง (OM 656) บนพื้นฐานการพัฒนา เพื่อทำให้เครื่องดีเซลรุ่นใหม่ ผ่านมาตรฐานมลพิษที่เข้มงวดของทางการยุโรป และเกี่ยวข้องกับการลงทุนประมาณ 3 พันล้านยูโร เครื่องยนต์ดีเซลสองขนาดความจุ ประจำการในรถรุ่นดีเซลของ Mercedes-Benz ตั้งแต่ A-Class ไปจนถึง GLS และผ่านเกณฑ์การควบคุมมลพิษ ตามมาตรฐาน Euro 6dส่วนประกอบทั้งหมดของ OM654 มีความเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการทำงานเพื่อลดการปล่อยมลพิษอย่างมีประสิทธิภาพ ชุดควบคุมการปล่อยมลพิษแบบใหม่ ได้รับการติดตั้งบนเครื่องยนต์โดยตรง มาตรการฉนวนกันความร้อน และการเคลือบตัวเร่งปฏิกิริยาที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีการจัดการอุณหภูมิเครื่องยนต์ในระหว่างการสตาร์ตที่อุณหภูมิต่ำ หรือขณะที่ไม่มีโหลด นอกจากข้อดีในแง่ของการปล่อยมลพิษที่ลดลงแล้ว ยังส่งผลให้ประหยัดเชื้อเพลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเดินทางระยะสั้น ด้วยการกำหนดค่าการบำบัดไอเสียใหม่ และสภาพการทำงานที่เหมาะสมจากการปรับแต่งในขั้นตอนของการพัฒนาOM654 ติดตั้งระบบควบคุมการปล่อยไอเสียใกล้กับเครื่องยนต์ ปรับแต่งให้ตัวควบคุมมลพิษมีการสูญเสียความร้อนต่ำลง หมุนเวียนก๊าซไอเสียแรงดันสูงและต่ำ รวมถึงการทำความเย็นที่ดีขึ้น ตัวเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันดีเซล (DOC) ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และไฮโดรคาร์บอนที่ยังไม่เผาไหม้ (HC) ส่วนตัวกรองอนุภาคสำหรับดักจับอนุภาคเขม่าด้วยฟังก์ชันตัวเร่งปฏิกิริยา SCR แบบรวม (sDPF) แสดงค่าในห้องทดลองได้ตามเกณฑ์ที่ทางการกำหนดเครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยา SCR (การลดตัวเร่งปฏิกิริยาแบบเลือก หรือ selective catalytic reduction) สำหรับลดค่าก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ เพื่อจุดประสงค์นี้ แอมโมเนียในรูปของสาร AdBlue จะถูกผสมกับก๊าซไอเสีย ทำการปรับสภาพ ก่อนเข้าสู่ sDPF ซึ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา (SCR) พร้อมสารเคลือบตัวเร่งปฏิกิริยาแอมโมเนีย (ASC)เครื่องมือตรวจการปล่อย NOx ในห้องทดสอบของ Mercedes-Benz Diesel Car Development แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีควบคุมการปล่อยไอเสียแบบใหม่ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับรูปแบบการใช้งานในเมือง ในแง่ของเครื่องยนต์ดีเซลมลพิษต่ำและระบบควบคุมการปล่อยมลพิษตลอดจนซอฟต์แวร์ของหน่วยควบคุมแบบใหม่ OM654 นับเป็นเครื่องยนต์ดีเซลในยุคสุดท้ายที่ได้รับการพัฒนาจนถึงขีดสุด ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าตามแผนงานในอนาคตของ Mercedes-BenzOM654 เป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาดกะทัดรัด ประจำการอยู่ใน Mercedes-Benz GLC220d AMG Dynamic มีปริมาตรความจุ 2.0 ลิตร 1,950 ซีซี อัดอากาศด้วยเทอร์โบเดี่ยว ติดตั้ง balancing shafts เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานในรอบต่ำ ให้กำลัง 143 กิโลวัตต์ หรือ 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที น้ำหนักเครื่องยนต์ไม่รวมชุดส่งกำลัง 9 G Tronic อยู่ที่ 168.4 กิโลกรัม เบากว่าถึง 17% เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ OM 651 ซึ่งมีความจุ 2.1 ลิตร เครื่องยนต์รุ่นนี้กับถังเชื้อเพลิงความจุ 66 ลิตร ถ้าใช้คันเร่งอย่างระมัดระวัง จะสามารถ ทำระยะทางต่อเชื้อเพลิงหนึ่งถังได้ไกลเฉียดๆ 850-900 กิโลเมตร นั่นคือแรงและโคตรประหยัดละครับ GLC220d Coupe AMG Dynamic มีราคา 4,040,000 บาท

Toyota Fortuner GR Sport
ความดีทั้งหมดของ Fortuner GR คงต้องยกนิ้วให้กับทีมทดสอบและพัฒนาของ Toyota Motor Thailand ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบชุดแต่งภายนอกภายใน รวมถึงการขับที่สลัดภาพลักษณ์ PPV ที่เคยกระเด้งกระดอนโคลงเคลงออกไปจนเกือบหมด ใช้คำว่าเกือบ เพราะจริงๆ แล้ว รถยกสูง SUV ต่อให้ Cayenne ก็หนีอาการดังกล่าวไม่พ้นแต่ช่วงล่างและแชสซีที่มีต้นทุนแพงจัด อาการดังกล่าวก็จะน้อยลงไปตามสัดส่วนประสิทธิภาพของระบบรองรับ Fortuner GR ขับสนุกเอาเรื่องและมีแรงบิดมากพอที่จะลากเทรลเลอร์หนักสามตันได้อย่างสบายๆ 500 นิวตันเมตร ที่ได้จากเครื่องดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ ดูหนักหน่วงกว่า 500 นิวตันเมตรในเครื่อง 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบของ Ford เจ้า Fortuner GR Sport วางเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร GD Super Power 1GD-FTV (High) เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ แถวเรียง 4 วาล์วต่อสูบ (16 วาล์ว) DOHC VN Turbo ชุดลดอุณหภูมิไอดี Intercooler มีปริมาตรความจุกระบอกสูบ 2,755 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 92.0 มิลลิเมตร ระยะชัก 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า PS) ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด (500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที) ระบบจ่ายเชื้อเพลิง ติดตั้งหัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่นแบบคอมมอนเรล (i-ART) แรงบิดสูงสุดจากของเดิม เพิ่มเป็น 500 นิวตันเมตร อัปเกรดเครื่องยนต์ในปี 2563 มีประจำการอยู่ใน REVO Rocco 2.8 และ Fortuner Legender 2.8 กับ Hilux REVO GR Sport ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์มีการเปลี่ยนเทอร์โบให้ใหญ่ขึ้น แกนเทอร์โบใส่ตลับลูกปืน Ball Bearing เพื่อลดแรงเสียดทาน เพิ่มประสิทธิภาพด้านการบูสได้เร็วกว่าเดิม ลูกสูบเคลือบสาร Diamond-liked บริเวณแหวนรองลูกสูบเพื่อลดแรงเสียดทาน หัวฉีดเชื้อเพลิงคอมมอลเรลไดเรคอินเจ็คชั่น i-ART เพิ่มประสิทธิภาพในการฉีดจ่ายเชื้อเพลิง เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift ระบบรองรับ ด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ คอยล์สปริง เหล็กกันโคลง โช้คอัพแบบ Monotube ระบบรองรับด้านหลัง โช้คอัพแบบ Monotube ระบบเบรก ด้านหน้าใช้ดิสเบรกแบบมีครีบระบายความร้อน คาร์ลิปเปอร์เบรกสีแดง สัญลักษณ์ GR ด้านหลังดิสเบรกคาร์ลิปเปอร์พ่นสีแดงToyota Fortuner GR Sport 2.8 4WD A/T ราคา 1,899,000 บาท.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

คุณกำลังดู: รวมรถทดสอบ ขับแล้วชอบในปี 2564

หมวดหมู่: รถยนต์

แชร์ข่าว