รีวิว “จินยอง GOT7” แฟนมีตติ้ง ผู้ชายหล่อ อบอุ่น แสนดี ที่ใครๆ ก็หลงรักซ้ำแล้วซ้ำอีก

20 ก.พ. 2566 | 17:55 น.

แฟนคอนเสิร์ตของจินยอง GOT7 ในไทย อบอวลไปด้วยความหล่อ น่ารัก และความคิดถึง เพราะอากาเซรอกันมาตั้ง 4 ปี แต่คุ้มค่ากับการรอคอยอันยาวนานจริงๆ

รีวิว “จินยอง GOT7” แฟนมีตติ้ง ผู้ชายหล่อ อบอุ่น แสนดี ที่ใครๆ ก็หลงรักซ้ำแล้วซ้ำอีก

พูดได้เลยว่าคุ้มค่ากับการรอคอยมาอย่างยาวนานถึง 4 ปี กับผู้ชายที่ชื่อ “พัคจินยอง” หรือ จินยอง GOT7 (หรือที่อากาเซมักเรียกว่า จินยองอ่า แบบอ้อนๆ) ที่เป็นเมมเบอร์ GOT7 คนสุดท้ายที่มาเยือนเมืองไทย หลังจากเพื่อนๆ มาแล้วไปแล้วกลับมาอีกรอบ อากาเซก็ยังไม่ได้เจอจินยองสักที ในที่สุดก็เป็น IDEA FACT (ไอเดียแฟค) หน่วยงานภายใต้ GMM SHOW ในเครือ GMM GRAMMY ที่พาจินยองมาหาอากาเซชาวไทยถึงที่ ในแฟนคอนเสิร์ตชื่อยาวแต่ความหมายดี 2023 PARK JIN YOUNG FANCONCERT ‘RENDEZVOUS’ IN BANGKOK: Secret Meeting Between You and Me ในวันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ และวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 18.00 น. ณ ยูเนี่ยน ฮอลล์ 2, ชั้น 6 ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์

ในรอบการแสดงวันแรก เปิดโชว์มาด้วยจินยองร้องเพลง “Coming Home” ของ JJ Project ยูนิตของ GOT7 ที่เราชอบมากที่สุด แอบตื่นเต้นตั้งแต่เริ่มโชว์ จากนั้นก็ต่อด้วยเพลงจากอัลบั้มเดี่ยวของเขาอย่าง “Cotton Candy” บรรยากาศเริ่มอบอวลไปด้วยความอบอุ่นหอมหวานเหมือนสายไหม ก่อนจะเริ่มนั่งพูดคุยอย่างสนุกสนานกับพิธีกรในงานอย่างคุณดีเจนุ้ยที่อากาเซคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทั้งพูดถึงบทบาทในซีรีส์และภาพยนตร์ที่เขาเล่น และพูดถึงโมเมนต์ที่น่ารักของเขาผ่านรูปถ่าย ที่เจ้าตัวออกตัวว่าตัวเองไม่ค่อยมีรูปเท่าไร เพราะเป็นคนถ่ายรูปให้คนอื่นมากกว่า แฟนๆ ได้เห็นรูป unseen ที่มีจำนวนไม่มากแบบนี้ ก็รู้สึกได้ถึงความพิเศษสุดๆ แล้ว

คั่นด้วยโชว์อีกสองเพลงอย่าง “Shining On Your Night” เพลงประกอบซีรีส์ Yumi’s Cells ที่จินยองได้ร่วมแสดงด้วย และเพลง “Animal” เพลงจากอัลบั้มเดี่ยว Chapter 0: WITH อีกเพลงที่เป็นอัลบั้มที่เจ้าตัวและชาวอากาเซภูมิใจสุดๆ ทั้งงานแสดง งานเพลง และฝีมือในการแต่งเพลง พิสูจน์ให้เห็นจริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้ความสามารถรอบด้านขนาดไหน

แม้ว่ากิจกรรมในช่วง Talk ถ่ายรูปโพลารอยด์ เขียนพู่กันด้วยลายมือ และมอบของที่ระลึกให้กับลัคกี้แฟนจะค่อนข้างใช้เวลานาน แต่ขึ้นชื่อว่าเป็น fan concert มีหรือจะร้องแค่เพลงสองเพลง จินยองขนเอา GOT7 medley มาเต้นให้ดูรัวๆ ตั้งแต่ “Bounce”, “A”, “Just Right”, “Hard Carry”, “You Calling My Name” ที่เขาเต้นจนเหนื่อยหอบ นั่งก็โอยลุกก็โอยจนแฟนๆ ขำกันทั้งฮอลล์ ไอดอลในวัยเลขสามมันเป็นอย่างนี้นี่เองสินะ ถึงขนาดแฟนๆ ชมว่าน่ารักยังเปลี่ยนให้ชมว่าหล่อแทน แต่ถึงกระนั้นอายุก็เป็นเพียงตัวเลข แถมยิ่งโตก็ยิ่งหล่อ สุขุม และได้แสดงความสามารถในหลายๆ ด้านออกมาอย่างเต็มที่อีกด้วย เหมือนอย่างในแฟนโปรเจกต์ในช่วงท้ายที่แฟนๆ ชาวไทยบอกว่า ทุกคนได้ติดตามผลงานของจินยองโดยไม่ได้หยุดพักเลย นั่นหมายความว่าเขากำลังอยู่ในช่วงพีคของชีวิตวงการบันเทิงอยู่ในตอนนี้นั่นเอง ยินดีกับจินยองด้วยจริงๆ

แฟนคอนเสิร์ตยังไม่จบง่ายๆ หลังจากจบเพลง “Our Miracle”, “Letter”, “Sleep Well” และ “DIVE” แล้ว จินยองยังกลับมาด้วยการอังกอร์ที่เป็นอังกอร์จริงๆ ทั้งการร้องเพลง “Cotton Candy” ใหม่อีกครั้ง และปิดท้ายด้วยเพลง “Encore” ของ GOT7 ที่เพลงนี้จินยองก็เป็นคนแต่งเอง ไม่รู้ว่าเราเห็นผิดไปไหมว่าจินยองก็แอบน้ำตาคลอนิดๆ แต่เป็นโมเมนต์ที่เหล่าอากาเซซาบซึ้งและยิ่งทำให้คิดถึง GOT7 ไปกันใหญ่ แม้ว่าตอนนี้สมาชิกแต่ละคนจะมีงานเดี่ยวแยกย้ายกันไปเติบโตในเส้นทางของตัวเองแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าคนที่รัก GOT7 ที่สุด ก็คือตัว GOT7 เองนี่แหละ และจินยองก็รัก GOT7 มากไม่แพ้ใคร ทั้งการร้องเพลงของ GOT7 และการแนะนำตัวเองว่า “สวัสดีครับ ผม จินยอง GOT7 ครับ” ตั้งแต่เริ่มโชว์

บรรยากาศในฮอลล์ค่อนข้างดำเนินไปได้อย่างเรียบง่ายและราบรื่น แม้ว่าในวันเสาร์รอบที่เราไปจะมีปัญหาหน้างานอย่างหางตั๋วลัคกี้แฟนที่จินยองจับได้ตัวอักษรไม่ชัดเจนจนต้องขอยอมจับใหม่ หรือพื้นที่ยกเสริมขึ้นมาให้สำหรับโซนที่นั่งด้านหลังที่ค่อนข้างสะเทือนทุกเก้าอี้ยามที่มีคนหรือทีมงานเดินผ่านไปมา และการตรวจบัตรเข้าหน้างานที่มีการตรวจซ้ำซ้อน 2 ครั้งก่อนเข้างาน (ที่หน้าประตูก็ตรวจซ้ำอีกครั้ง เป็น 3 ครั้ง) รวมถึงความเสียดายที่ไม่มีเพลงโปรดของเราอย่าง “Tomorrow, Today” ตอนที่ร้องเพลงของ JJ Project และไม่มีเพลง “If You Do” ช่วง GOT7 medley แต่จำนวนเพลงที่จินยองจัดมาให้ก็ถือว่าเป็นแฟนคอนเสิร์ตที่สมบูรณ์แล้ว

มาตรการในการลงทะเบียนหน้างานเพื่อรับ QR Code และเพื่อเก็บข้อมูลผู้ร่วมงาน การจัดการลำเลียงคนเข้างาน การวางแพลทฟอร์มให้กับแต่ละโซนเพื่อป้องกันคนด้านหน้าบัง จอมอนิเตอร์สำหรับผู้ชมโซนด้านหลัง ซับไตเติลบนวิดีโอที่ตัวใหญ่อ่านชัดครบถ้วน การดำเนินงานอันลื่นไหลของดีเจนุ้ยและตัวจินยองเอง รวมถึงแสงสีเสียงต่างๆ ถือว่าทำได้ดีมากๆ ไม่ได้ขาดตกบกพร่องตรงไหนเลย แถมยังมีการเพิ่มจำนวนลัคกี้แฟนที่หน้างานตามใจศิลปินอีกด้วย เห็นแบบนี้แล้ว 4 ปีที่รอคอยจินยองมันช่างคุ้มค่าจริงๆ

หวังว่าในครั้งหน้าแฟนๆ จะไม่ต้องรอจินยองนานถึง 4 ปีอีก และถ้าเป็นคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบได้ยิ่งดี เพราะจะได้เห็นความสามารถของจินยองในการเป็นศิลปินเดี่ยว ซึ่งเขาทำได้ดีไม่แพ้การเป็นนักแสดงได้มากขึ้นไปด้วย ในวันนั้นเชื่อว่าอากาเซชาวไทยจะยังคงให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดีจนแน่นฮอลล์อีกแน่นอน