รีวิวเดินป่าดอยหลวงเชียงดาว เส้นทางมรดกโลกที่เปลี่ยนให้ผู้พิชิตกลายเป็นผู้พิทักษ์
รีวิวครั้งหนึ่งในชีวิตเดินเท้าขึ้นพิชิตดอยหลวงเชียงดาว ภูเขาที่มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย
บนความสูงกว่า 2,225 เมตร จากน้ำทะเล ซึ่งถือเป็นยอดดอยที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของเมืองไทย ดอยหลวงเชียงดาว เส้นทางเดินป่าในฝันของนักเดินทางหลายๆ ท่าน ซึ่งเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เคยมีความคิดว่าสักครั้งหนึ่งจะต้องพิชิตดอยหลวงเชียงดาวให้ได้สักครั้ง ที่ผ่านๆ มา เราก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เชียงดาว ได้เห็นวิวดอยหลวงจากหลายๆ จุดด้านล่างมาแล้ว ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความประทับใจกับวิวที่ยิ่งใหญ่อลังการตรงหน้าทุกครั้งที่ได้ไปสัมผัส
แต่ในครั้งนี้เราจะได้มีโอกาสได้เดินขึ้นไปพิชิตบนยอดเขาดอยหลวงเชียงดาว ยอดเขาที่เราได้แต่มองจากด้านล่างด้วยสองขาของเราเองบ้างแล้ว ไปดูกันว่าการเดินทางของเรานั้นจะเป็นอย่างไรกันครับ
สำหรับการมาเดินป่าขึ้นสู่ยอดดอยหลวงเชียงดาวนั้นจะต้องทำการจองคิวเดินกับทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวก่อน และต้องไปอบรมก่อนจะเริ่มเดินป่า 1 วัน ที่บริเวณวัดถ้ำเชียงดาวโดยจะมีพี่เจ้าหน้าที่วิทยากรที่ให้ความรู้ รวมถึงข้อห้าม และสิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนจะขึ้นสู่ดอยหลวง ด้วยความที่ดอยหลวงเชียงดาวแห่งนี้ได้ถูกยกให้เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งแรกของโลกจากองค์การ UNESCO ทำให้การเข้าสู่พื้นที่ธรรมชาตินั้นมีความละเอียดอ่อนและข้อจำกัดที่เพิ่มมากขึ้นกว่าที่อื่นๆ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อธรรมชาติ และอนุรักษ์ดอยหลวงเชียงดาวให้คงสภาพป่าที่สมบูรณ์ดั่งเช่นที่เป็นมาอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเสร็จสิ้นการอบรมแล้ว วันต่อมาก็ได้เวลาเดินทางสู่จุดสูงสุดของยอดดอยหลวงเชียงดาว โดยการเดินทางจะเริ่มจากที่ทำการของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว แล้วนั่งรถกระบะเพื่อขึ้นไปที่จุดเริ่มเดินเส้นทางเด่นหญ้าขัด ใช้เวลานั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที แนะนำให้นำแมส และผ้าปิดปากขึ้นรถไปด้วย เพราะเส้นทางในช่วงที่ขึ้นเขาจะเป็นทางลูกรังที่ฝุ่นเยอะมากๆ มีอุปกรณ์ป้องกันจะช่วยได้เยอะ
เมื่อเดินทางไปถึงจุดเริ่มเดินแล้วสิ่งแรกที่เราได้พบก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักเดินทางอย่างเราแล้ว เพราะที่นี่มีแปลงดอกนางพญาเสือโคร่งเล็กๆ ที่เรียงรายไปตามถนน เป็นซุ้มสีชมพูที่รอต้อนรับนักเดินทางทุกคนอย่างงดงามจริงๆ
สำหรับเส้นทางเดินป่าที่เราจะต้องเผชิญกันในวันนี้มีระยะทางประมาณ 9 กิโลกว่าๆ โดยแบ่งเป็นระยะทาง 8.5 กิโลจากจุดเริ่มเดินถึงจุดกางเต็นท์ และ จากจุดกางเต็นท์ถึงยอดดอยหลวงอีกประมาณ 700 เมตร แค่เห็นระยะทางที่ต้องเดินก็ท้อแล้ว แต่ในเมื่อมุ่งมั่นจะมาแล้วก็ต้องลุยกันดูสักครั้งครับ
เส้นทางในช่วงแรกๆ นั้นจะเป็นป่าสนที่เดินค่อนข้างง่าย มีทางชันบ้างในบางช่วง แต่ก็ไม่หนักหนาจนเกินไป ที่หนักหนาน่าจะเป็นระยะทางที่ไกลแสนไกลนี่แหละ เดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที แต่ความดีงามคือความสมบูรณ์ของผืนป่าที่เราจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติไปตลอดทั้งทาง ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ยังสดชื่นและอิ่มเอมใจสำหรับคนที่ชอบเที่ยวธรรมชาติแบบเรา
เมื่อเดินมาจนถึงจุดพักที่สามแยกปางวัว แนะนำเลยว่าให้นั่งพักกันให้หายเหนื่อยกันก่อน เพราะหลังจากนี้คือของจริง! ดูตามป้ายระยะทางที่เราจะต้องเดินเหลืออีกแค่ประมาณ 4 กิโลกว่าๆ เท่านั้น แต่ต่อจากนี้จะมีแต่ทางชัน ชัน ชัน และชัน! เตรียมตัวเตรียมใจกันให้พร้อมได้เลย
และก็ไม่ผิดดั่งคำที่พี่ๆ เจ้าหน้าที่บอกจริงๆ เพราะหลังจากผ่านสามแยกปางวัวมาแล้ว เส้นทางจะค่อยๆ โหดขึ้นเรื่อยๆ มีทางชันสลับทางราบ และมีบางช่วงที่เป็นทางชันยาวๆ เล่นเอาปวดเข่ากันไปเป็นแถบๆ เลย ดอยหลวงเชียงดาวที่เราผ่านช่วงแรกมาคิดว่าชิลๆ ตอนนี้เราได้ถูกต้อนรับจากธรรมชาติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กว่าจะผ่านแต่ละเนินได้บอกเลยว่าสาหัส
แต่สุดท้ายเราก็ดั้นด้นพาตัวเองมาจนถึงจุดกางเต็นท์อ่างสลุงจนได้ รวมแล้วใช้เวลาเดินทางจากจุดเริ่มเดินมาจนถึงจุดกางเต็นท์ประมาณ 5 ชั่วโมงได้เลย เรียกว่านี่คือการเดินป่าที่ไกลที่สุดในชีวิตก็ว่าได้
เมื่อพักเหนื่อยที่เต็นท์กันจนหายดีแล้ว ก็ได้เวลารวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายของวันนี้พาตัวเองไปที่จุดสูงสุดของยอดดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งเส้นทางสุดท้ายนี้จะเป็นทางชันแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แถมในบางช่วงยังต้องมีการปีนป่ายหินที่แหลมคม และเกาะเชือกเพื่อพยุงตัวขึ้นไปด้านบนด้วย เอาเป็นเวลาระยะทางแค่ไม่ถึง 1 กิโล แต่ให้ความรู้สึกเหนื่อยมากกว่าระยะทางที่เราเดินมาตลอดทั้งวันเสียอีก
แต่ทุกความท้อแท้ระหว่างทาง จะถูกขจัดทิ้งไปได้เสมอ เมื่อเราได้มาถึงจุดหมาย เราได้ขึ้นมาสัมผัสกับยอดดอยหลวงเชียงดาวด้วยสองขาของเราแล้วจริงๆ มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งดีใจ และภูมิใจ เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดี แต่สิ่งหนึ่งที่เรากลับไม่รู้สึกเลย นั่นคือเราไม่รู้สึกว่าเราได้พิชิตยอดเขาแห่งนี้ แต่เราได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นผู้พิทักษ์แทน เพราะด้วยระบบการจัดการของที่นี่ทำให้เราเดินป่าได้โดยที่ไม่ต้องเบียดเบียนธรรมชาติเลย ทั้งการจัดการขยะ และข้อจำกัดต่างๆ ทำให้เรารู้สึกได้เลยว่าการเดินป่าในครั้งนี้ เป็นการเดินเพื่อศึกษาธรรมชาติอย่างแท้จริง
ในส่วนวิวความสวยงามของยอดดอยหลวงนั้นเป็นรางวัลของความพยายาม ที่ไม่ว่าจะอธิบายด้วยถ้อยคำไหนก็ไม่สามารถอธิบายความงดงามบนยอดดอยนั้นได้ ในช่วงที่แสงสีทองของพระอาทิตย์ยามเย็น กระทบกับสันเขา จนร่วงหล่นลงไป เหลือไว้เพียงแสงทไวไลท์สีสันฉูดฉาด เป็นการแสดงโชว์ของธรรมชาติที่มอบรางวัลให้กับนักเดินทางอย่างสาแก่ใจ
เท่านั้นยังไม่พอไหนๆ ก็เดินขึ้นมาแล้วเราจึงเลือกเดินขึ้นจุดชมวิวในช่วงเช้ามืดด้วย เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งเท่ากับว่าเราได้เห็นวิวยอดดอยหลวงถึง 2 เวลาทั้งเช้าและเย็น ซึ่งมีความสวยงามแตกต่างกันอย่างชัดเจน ในช่วงเช้าจะมีหมอกหนา และวิวพระอาทิตย์ขึ้นให้ได้ชม สวยงามอลังการคุ้มค่าตื่นจริงๆ
และที่พีคที่สุดที่ถือได้ว่าทำให้การมาดอยหลวงเชียงดาวของเราในครั้งนี้นั้นสมบูรณ์แบบก็คือเราได้พบกับเจ้ากวางผา เจ้าถิ่นของดอยหลวงจากระยะไกลด้วย เป็นการเดินทางที่ครบถ้วนสมบูรณ์และไม่มีอะไรติดค้างในใจกันอีกต่อไปสำหรับดอยหลวงเชียงดาวในครั้งนี้
การเดินทางในครั้งนี้เราสามารถทำตามความตั้งใจได้จนสำเร็จ พร้อมทั้งได้สัมผัสกับดอยหลวงเชียงดาวในทุกช่วงของการเดินทาง ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่ถูกยกให้เป็นมรดกโลกอย่างเต็มเปี่ยม เป็นอีกหนึ่งเส้นทางเดินป่าที่ควรค่าแก่การมาเยือนสักครั้งในชีวิตจริงๆ ครับ
อัลบั้มภาพ 44 ภาพ ของ รีวิวเดินป่าดอยหลวงเชียงดาว เส้นทางมรดกโลกที่เปลี่ยนให้ผู้พิชิตกลายเป็นผู้พิทักษ์
คุณกำลังดู: รีวิวเดินป่าดอยหลวงเชียงดาว เส้นทางมรดกโลกที่เปลี่ยนให้ผู้พิชิตกลายเป็นผู้พิทักษ์
หมวดหมู่: เที่ยวทั่วไทย