รีวิวคอนเสิร์ต Westlife ย้อนวัยรุ่น Y2K ไปกับเพลงรักที่ร้องตามกันได้ทุกคำลั่นฮอลล์

รีวิวคอนเสิร์ต Westlife ย้อนวัยรุ่น Y2K ไปกับเพลงรักที่ร้องตามกันได้ทุกคำลั่นฮอลล์

เสียงดีไม่มีตก ร้องสดเหมือนกินแผ่นซีดี และยังน่ารักยิ้มง่ายเหมือนเดิม กับพี่ๆ Westlife ที่เดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตในเมืองไทย พร้อมขนเพลงดังที่วัยรุ่น Y2K ตัวจริงไปร้องตามกันลั่นฮอลล์

คอนเสิร์ต Westlife The Wild Dreams Tour in Bangkok เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2023 ที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี โดย Live Nation Tero น่าจะเป็นความทรงจำดีๆ อันอบอุ่นของใครหลายๆ เพราะเชื่อว่าย้อนไปเมื่อราวๆ ปี 1999 ถึง 2000 ต้นๆ หนุ่มๆ Westlife ในวัย 18-20 ปีน่าจะเป็นรักแรกหรือหนุ่มในฝันของใครหลายๆ คน ร้องเพลง “Swear It Again”, “Fool Again” และ “My Love” กันได้ทุกคำ มีเทปคาสเซ็ตหรือซีดีอยู่ที่บ้านคนละแผ่นสองแผ่น แต่ด้วยวัยที่เติบโต บวกกับหน้าที่การเรียนการงานรัดตัว รวมถึงการประกาศพักวงยาวๆ เราจึงค่อยๆ ห่างหายจากเขาไปอย่างช้าๆ

แต่แน่นอนว่าความทรงจำของพวกเราที่มีกับเขากลับมาอีกครั้งในปี 2019 Westlife กลับมารียูเนียนเพื่อฉลองครบรอบวง 20 ปี และในครั้งนี้ Westlife เลือกที่จะมาทัวร์คอนเสิร์ตที่เมืองไทยด้วย วันนั้นก็เป็นอีกหนึ่งความทรงจำดีๆ ของหลายๆ คนเช่นกัน

  • "Westlife The Twenty Tour" ชั่วโมงต้องมนตร์ทางเสียงดนตรี ของบอยแบนด์ที่ชาวไทยรอมา 18 ปี
  • สัมภาษณ์ Westlife ถึงอัลบั้มใหม่ สิ่งที่ทำให้พวกเขาอยู่ด้วยกันมากกว่า 20 ปีและแผนทัวร์เอเชีย

หลังจากช่วงวิกฤติของโควิด-19 ผ่านพ้นไป Westlife กลับมาทัวร์คอนเสิร์ตอีกครั้งพร้อมอัลบั้มใหม่ Wild Dreams คอนเสิร์ตเริ่มเลทไปประมาณ 20 นาที 20.50 น. โดยประมาณ Westlife ปรากฏตัวบนเวทีพร้อมกับเพลง “Starlight” ซิงเกิลจากอัลบั้มล่าสุดที่เป็นชื่อทัวร์ในครั้งนี้ ก่อนจะไปต่อแบบไม่รอช้ากันที่ “Uptown Girl” คราวนี้แทบไม่มีใครนั่งติดเก้าอี้กันอีกต่อไป เพลงน่ารักสดใสร้องตามกันคล่องปาก จากนั้นเปลี่ยนจากเพลงน่ารักๆ มาเป็นเพลงฮ็อตๆ ที่มีไฟเป็นเอฟเฟกต์กับ “When You’re Looking Like That” ก่อนที่ Shane Filan จะมากล่าวทักทายแฟนๆ ชาวไทยอย่างเป็นทางการ และแจ้งว่าประเทศไทยเป็นทัวร์คอนเสิร์ตในเอเชียที่สุดท้าย ก่อนพวกเขาจะบินกลับไอร์แลนด์บ้านเกิด ได้ยินแบบนี้แฟนๆ ชาวไทยก็รู้สึกถึงความพิเศษขึ้นมา กรี๊ดหนักกว่าเดิมเมื่ออินโทรเพลงที่คุ้นหูเริ่มขึ้น “Fool Again” ต่อด้วย “If I Let You Go”, “My Love” และ “Swear It Again” คอมโบเพลงดังที่ชาวไทยวัยรุ่น Y2K ต้องเคยได้ยินและหลงรักมาก่อน

Westlife The Wild Dreams Tour in Bangkok

เปิด VCR สวยๆ แปบเดียว หนุ่มๆ Westlife กลับมาพร้อมชุดใหม่และเซ็ต ABBA Medley มีทั้ง “Mamma Mia”, “Gimme Gimme Gimme”, “Money Money Money”, “I Have a Dream” (ที่ Westlife เคยคัฟเวอร์อย่างเป็นทางการด้วย), “Dancing Queen”, “Waterloo” และ “Thank You For The Music” แต่ละเพลงเรียงอารมณ์ และดนตรีของเพลงต่อกันได้ดี ก่อนที่หนุ่มๆ จะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความไวแสง และขึ้นเวทีอีกครั้งกับฉากฝนตกสวยๆ บนจอ LED ในเพลง “What About Now” และ “Mandy” ที่ Shane ร้องว่า “Oh Thailand” ให้ด้วย โดยมี Nicky ที่อยู่ข้างๆ บอกว่า “เขาไม่เคยร้องแบบนี้ให้ที่ไหนมาก่อนเลยนะ”

และแล้วก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ตกับเพลงประจำทวีปเอเชียอย่าง “I Lay My Love On You” ที่ Sanook เคยบอกไปกับ Nicky และ Kian ว่า มาเมืองไทยต้องร้องเพลงนี้ให้ได้นะ คราวที่แล้วพวกเขาร้องให้ฟังแค่ไม่กี่ท่อน แต่กลับมาคราวนี้พวกเขาร้องให้ฟังเต็มๆ เพลง (บางประเทศได้เพลง “Unbreakable” แทน) ทำให้แฟนๆ ชาวไทยรวมถึงเราเองฟินกันเต็มที่ ในที่สุดก็ได้ฟังเพลงนี้สดๆ สักที จากนั้นต่อด้วย “Seasons In the Sun”, “World of Our Own” ที่รีมิกซ์เข้ากับดนตรีของเพลง “Crazy” ของ Beyoncé ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ และปิดท้ายด้วย “Flying Without Wings” ก่อนจะกลับมาอังกอร์ด้วยความไวแสงอีกครั้งด้วย “Hello My Love” และ “You Raise Me Up” ที่ปิดฉากการรอคอยของใครหลายๆ คนด้วยความอบอุ่น และท่วมท้นไปด้วยความทรงจำสมัยเด็ก สมัยวัยรุ่นของผู้ใหญ่วัยมีลูกมีหลานหลายๆ คนที่ยกแก๊งมาดูคอนเสิร์ตในครั้งนี้เหมือนเป็นงานคืนสู่เหย้ายังไงยังงั้น

Westlife The Wild Dreams Tour in Bangkok

แม้ว่าจะมาแบบดนตรี backing track แต่ขอชื่นชม sound engineer และทีมนักดนตรีที่ rearrange เสียงดนตรีให้ใหม่ในทุกๆ เพลงที่ทำให้ดนตรีของแต่ละเพลงใกล้เคียงกับเสียงดนตรีสดมาก ราว 70-80% เลยทีเดียว ไม่รู้ทำได้ยังไง ความร้องไปเต้นไปแบบยุกยิกๆ เล็กๆ น้อยๆ พอหอมปากหอมคอของ Westlife ยังคงมีให้เห็นอยู่ แต่รู้ได้เลยว่าซ้อมกันมาพอสมควร เพราะได้ชื่อว่าเป็นวงบอยแบนด์สายโวคอล เลยเน้นร้องมากกว่า ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย คำพูดเก่าๆ เชยๆ ที่บอกว่าร้องสดเหมือนกินแผ่นซีดีเข้าไป ยังใช้ได้กับ Shane Filan อยู่ ส่วน Mark Feehily ยังคงเป็นสายแอดลิป ที่เมื่อไรได้ยินเสียงมาร์คจะรู้ว่าร้องสดเพราะร้องไม่เคยเหมือนกับต้นฉบับ ส่งพลังเสียงก้องไปทั่วฮอลล์ได้สบายๆ ในอดีตเสียงดียังไง ในวันนี้ก็ยังฟาดไม่ยั้งเหมือนเดิม จะเรียกว่าพี่ Mark เป็น Sam Smith ในยุค 2000 ก็อาจจะได้ ส่วน Nicky Byrne และ Kian Egan ยังคงทำหน้าที่นักร้องสายซัพพอร์ตได้ดีเหมือนเดิมเช่นกัน ทุกครั้งที่ได้ยินไลน์ประสาน เป็นเสียง 4 คนที่กลมกล่อมลงตัวและไม่เพี้ยนแม้แต่นิดเดียว นับคือในการฝึกซ้อม มีวินัย และดูแลร่างกายของตัวเองได้ดีของแต่ละคนจริงๆ

นอกจากนี้ ยังเอาใจแฟนๆ ด้วยการร้องเพลงเก่าสมัยอัลบั้มแรกๆ ให้ฟังกว่า 95% ของเซ็ตลิสต์ มีเพลงใหม่จากอัลบั้ม Wild Dreams ที่เป็นชื่อทัวร์ 1 เพลงถ้วน เพราะฉะนั้นแฟนเพลงรุ่นเก่าไปชมก็เหมือนได้ดูคอนเสิร์ต All the Greatest Hits กลายๆ เรียกได้ว่าคุ้มค่าทุกนาทีจริงๆ

สำหรับแฟนรุ่น Y2K ที่ฟัง Westlife มาตั้งแต่ปี 1999 อย่างเรา อาจจะไม่ได้อินมากนักกับช่วง ABBA Medley เพราะถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือไม่ได้ทันช่วง ABBA ดัง ถ้าเลือกได้อยากให้ Medley เพลงตัวเองมากกว่า แต่เป็นเอกลักษณ์ไปเสียแล้วสำหรับทัวร์คอนเสิร์ตของ Westlife ที่จะมีการหยิบเอาเพลงของศิลปินดังๆ มา Medley ให้ได้ชมกัน (เหมือนรู้ว่าตัวเองคัฟเวอร์เพลงของคนอื่นได้ดีมาโดยตลอด) แต่เราแอบหวังว่าในอนาคตถ้าได้ฟังเพลง B-sides เก่าๆ ของพวกเขามากขึ้นก็คงจะดี เพราะ Westlife มีเพลงเพราะๆ เยอะแยะมากมายที่ไม่ค่อยได้ยินพวกเขาร้องสดกันสักเท่าไร แต่ ABBA Medley ก็ไม่ได้เลวร้าย เลือกมาแต่เพลงดังๆ โยก แล้วทำให้บรรยากาศในฮอลล์เอเนอจี้ไม่ดรอปลงไปมากมายนัก อาจจะกลัวว่าวงตัวเองมีแต่เพลงช้าเลยกลัวแฟนๆ เบื่อกันหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

สมาชิก Westlife ยังคงน่ารักและเป็นกันเองกับแฟนๆ หยิบโปสเตอร์ของแฟนเพลงขึ้นมาเซ็นให้ แซวว่าตัวเองหน้าเปลี่ยนไปเยอะแล้ว แอบแกล้งตัดพ้อว่าสมัยก่อนมีแฟนๆ ไปรอรับที่สนามบินเป็นพัน แต่รอบนี้ไม่มีใครไปรับเลย (แต่เพราะคราวที่แล้ววงเดินทางด้วย Private Jet รอบนี้แฟนๆ เลยไม่ได้ไปตามต่างหาก) แต่ก็แซวเองว่าแฟนๆ คงมีลูกมีครอบครัวต้องเลี้ยงดูกันหมดแล้ว ฟังถึงจุดนี้ พวกเราเป็นความทรงจำเก่าๆ สีจางของกันและกันมาอย่างยาวนานมากจริงๆ ด้วย

สุดท้ายนี้ แม้ว่าจะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคอนเสิร์ตครั้งหน้าในไทยของ Westlife ต้องรอไปอีกนานแค่ไหน แต่เชื่อว่าทุกครั้งที่มา แฟนๆ ชาวไทยจะต้อนรับอย่างดีแน่นอน เพราะ Westlife คือความทรงจำและเป็นแรงผลักดัน แรงบันดาลในชีวิตที่สำคัญของใครหลายๆ คน อย่างน้อยก็เรียนภาษาอังกฤษผ่านเพลง ผ่านบทสัมภาษณ์ของพวกเขากันมาแล้วทั้งนั้น ฉะนั้นไม่ว่าจะรอนานแค่ไหน แฟนๆ ชาวไทยรอต้อนรับพวกเขาเสมอแน่นอน และครั้งหน้าแฟนๆ น่าจะไปรอที่สนามบินกันมากขึ้นแน่ๆ

Westlife The Wild Dreams Tour in Bangkok

คุณกำลังดู: รีวิวคอนเสิร์ต Westlife ย้อนวัยรุ่น Y2K ไปกับเพลงรักที่ร้องตามกันได้ทุกคำลั่นฮอลล์

หมวดหมู่: เพลง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด