รีวิว OPPO Find N3 มือถือพับได้ที่เน้นทั้งใช้งาน และกล้องแบบโดดเด่นเกินหน้าเกิดตาคู่แข่ง
OPPO Find N3 รุ่นใหม่ล่าสุดกับการออกแบบที่เน้นเรื่องการใช้งานและเทคโนโลยีต่างๆ ที่มาเต็มราคาก็เช่นกัน
OPPO Find N3 รุ่นใหม่ล่าสุดถือว่าเป็นมือถือที่เข้าสู่กลุ่มพับได้ที่เรียกว่ามันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคในปี 2023 นี้ นอกจากหน้าตาที่ทีมได้พาชมก่อนหน้านี้ รอบนี้เรามารีวิวกันดีกว่าว่า มันยังพอมีคุณงามความดีของแค่ไหนกับการทดลองครั้งนี้
รายละเอียดสเปก OPPO Find N3
- สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : (ก่อนกาง) 153.4 x 73.3 x 11.7 มิลลิเมตร | (เมื่อกาง) 153.4 x 143.1 x 5.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 239 กรัม
- การป้องกันน้ำและฝุ่น : IPX4
- หน้าจอแสดงผลด้านนอก : AMOLED ขนาด 6.31 นิ้ว ความละเอียด 1116 x 2484 พิกเซล, อัตราส่วน 20.9 Refresh Rate สูงสุด 120Hz ความสว่าง 2,800 nits
- หน้าจอภายใน Dynamic LTPO3 OLED (48 – 120Hz) ขนาด 7.6 นิ้ว ความละเอียด 2176 x 1812 พิกเซล, พร้อมกับ Refresh Rate 120Hz ความสว่าง 2,800 nits
- กระจกคลุมจอ Nanocrystal Glass
- ชิปเซ็ตประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 ใช้ GPU Adreno 740
- หน่วยความจำแรม (RAM) : 16 GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) : 512GB
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX/7, Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS, 5G, 4G
- SIM Card : รองรับ Dual Nano SIM
- หน่วยความจำภายนอก : -
- ระบบปฏิบัติการ : Android13 + ColorOS 13.2
- ระบบความปลอดภัย
- สแกนลายนิ้วมือผ่านด้านข้าง
- ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า
- กล้องสำหรับถ่าย Selfie
- ด้านนอกความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
- ด้านในความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง
- ตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล LYTIA-T808 เซนเซอร์ขนาด 1 / 1.43 นิ้ว Dual Layer Transistor
- กล้องมุมกว้าง 48 ล้านพิกเซล ให้มุมมองที่กว้างพอสมควร
- กล้อง Telephoto 64 ล้านพิกเซล รองรับการซูม 3 เท่าและเป็นเลนส์แบบ Periscope ที่ซูมไกลสุด 6x แบบ Hybrid Zoom
- ลำโพง Stereo แบ่งเปนทั้งหมด 3 จุด
- แบตเตอรี่ความจุ : 4,805 mAh รองรับ Super VOOC กำลัง 67W
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ : USB Type-C
- สีสันของเครื่อง : สีดำ Classic Black และ สีทอง Champaign Gold
แกะกล่อง OPPO Find N3
- ตัวเครื่อง
- คู่มือ
- สายชาร์จไฟ USB-C to USB-A
- ปลั๊กชาร์จไฟ 67W
- เคสตัวเครื่อง
รูปร่างหน้าตา OPPO Find N3
หน้าจอของเครื่องเริ่มจากด้านนอกมีขนาด 6.31 นิ้ว LTPO AMOLED พร้อมกับ Refresh Rate สูงสุด 120Hz และครอบทับด้วยกระจก Nanocrystal Glass มาให้ พร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซลติดอยู่ตรงกลาง ส่วนล่างสุดเป็นปุ่ม ควบคุมระบบปฏิบัติการ Android
รอบตัวเครื่องสวยและดูดีบานพับบางเฉียบเลยครับ นอกจากนี้ยังมีปุ่มกดทั้ง Power, ปรับระดับเสียง และปุ่มปรับ Profile เสียงก็ยังสามารถอยู่ทางขวา แต่ว่าถ้ากางออกมาปุ่มจะอยู่แยกกันไปเลย
ส่วนบนจะมีลำโพงเหมือนจะมี 2 ตัวขนาดเล็กแต่ให้เสียงที่ดังสำหรับด้านล่าง ส่วนด้านล่างมีลำโพงตัวล่างและมี USB-C และมาพร้อมกับไมโครโฟนรอบตัวด้วยกันครับ
พลิกมาด้านหลังจะมาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียดสูงมีให้เลือก 3 ตัวด้วยกัน และมีให้เลือกทั้งสีทองแบบกระจกและดำจะเป็น Vegan Leather นั่นเอง
เปิดหน้าจอรอบนี้ให้หน้าจอใหญ่ถึง 7.8 นิ้วถือว่าใหญ่พอสมควรและนอกจากนี้ยังได้ในเรื่องของรอยพับที่บางเฉียบอีกตางหาก ส่วนหน้าจอก็มี Refresh Rate ตอบสนองที่ 1 – 120 Hz แถมมีกล้องหน้าอยู่มุมขวา
และตัวบานพับของรุ่นนี้มีการอัปเกรดระบบบานพับ Flexion Hinge ในรุ่นที่ 3 ที่ประกอบไปด้วยโลหะเหลวจากเซอร์โคเนียมและเหล็กกล้าเกรดอากาศยานที่ออปโป้พัฒนาขึ้นเอง ทำให้ผ่านการทดสอบการพับได้สูงสุด 1,000,000 ครั้ง น้ำหนักการดึงถือว่าเบา แต่ว่ามีข้อสังเกตว่า ถ้าจะตั้งได้คือ ต้องเป็นในช่วง 45 , 90 และ 120 องศา หลังจากนั้นมันจะพับกลับไปเอง
น้ำหนักในการจับถือ
ตัวเครื่องเรียกว่าเบาเพราะมีน้ำหนักแค่ 239 กรัม ทำให้คุณสามารถพกพาได้ง่ายและสะดวกขึ้น แม้ว่าบอดี้จะดูใหญ่กว่าก็จริงและยิ่งสีดำที่ได้หนังด้านหลังก็ช่วยจับได้ถนัดมือ
การแสดงผลภาพ / ระบบเสียง
การแสดงผลด้านในและนอกของหน้าจอไม่ได้ต่างกันเนื่องจากใช้หน้าจอแบบเดียวกันและความสว่างเท่ากัน ดังนั้นในเรื่องการแสดงผลของหน้าจอที่ปรากฏออกมาถือว่าโดดเด่นอย่างมาก ให้สีสันคมชัด และสุดท้ายในเรื่องการแสดงผลเรื่องเสียงถือว่าดังเพราะมีการแก้ปัญหาเรื่องลำโพงคู่โดยติดตั้งลำโพงคู่ให้ทั้งด้านบนและล่างมาให้นั่นเอง
ประสิทธิภาพ / การเล่นเกม / การเชื่อมต่อ
ประสิทธิภาพใช้คำว่าแรงเลยไม่ว่าจะอยู่ในปี 2023 หรือ 2024 เพราะได้สเปกที่จัดหนักครบเครื่องเหมือนกันนะครับ ทั้งนี้ต้องบอกข้อสังเกตว่าถ้าเครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพบ่อยๆ ผลที่ได้คือ ความร้อนของเครื่องเริ่มมานะครับและมาเร็วพอสมควรเลยนะ อันนี้ต้องระวัง
ฟีเจอร์การเล่นเกม OPPO มีระบบทั้งสามารถเรียกประสิทธิภาพผ่าน Hyperboost และยังสามารถตั้งค่าต่างๆ สามารถทำได้ครบตั้งแต่ปิดเสียงเรียกเข้า, ปิดการแจ้งเตือนและอื่นๆ มากมาย
ทั้งนี้การเชื่อมต่อของมือถือรองรับทั้ง Wi-Fi 7 แต่ทั้งนี้มือถือในประเทศไทยยังไม่ได้เปิดให้ใช้เทคโนโลยีนี้ ในเวลาทดสอบ และยังรองรับ 5G, Bluetooth 5.3 ใหม่ล่าสุด การนำทางถือว่าแม่นยำ
ฟีเจอร์ภายในที่โดดเด่น
OPPO Find N3 ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 13 + Color OS 13.2 เท่านั้น คาดว่าอนาคตจะได้อัปเดตในอนาคตครับ แต่รุ่นนี้มีจุดเด่นคือเรื่องการออกแบบให้หน้าจอด้านในสามารถใช้งานในแบบ Pinchout
การทำงานของหน้าจอด้านในสำหรับ Multi Window เราสามารถเปิดหน้าจอได้ทั้งหมด 3 หน้าจอพร้อมกับ โดยบนจะแบ่งเป็น 2 หน้าจอ และล่าง 1 หน้าจอ เราสามารถขยายหน้าจอทำให้เกิดการดูที่คมชัด และต้องเลื่อนขึ้นลง หรือ Boundless View ข้อดีคือเราสามารถดูทุกอย่างใหญ่ขึ้นรองรับกับการทำงานหลายโปรแกรม
แต่ว่าการทำงานของหน้าจอแบบนี้ต้องบอกว่ามีข้อเสียที่ต้องยอมรับคือ การลากไฟล์ไปมาไม่สามารถทำได้ดังนั้นอาจจะมีเรื่องได้อย่างและเสียอย่างอยู่ครับ
ส่วนระบบความปลอดภัยยังมาพร้อมกับสแกนใบหน้าและ สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเท่านั้น และการอัปเดตของ ระบบปฏิบัติการ Android 13 + ColorOS พร้อมอัปเกรดได้ 4 เวอร์ชั่น และ 5 ปีกับระบบความปลอดภัย
เปิดสเปกกล้องของ OPPO Find N3
- กล้องสำหรับถ่าย Selfie
- ด้านนอกความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
- ด้านในความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง
- ตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล LYTIA-T808 เซนเซอร์ขนาด 1 / 1.43 นิ้ว Dual Layer Transistor
- กล้องมุมกว้าง 48 ล้านพิกเซล ให้มุมมองที่กว้างพอสมควร
- กล้อง Telephoto 64 ล้านพิกเซล รองรับการซูม 3 เท่าและเป็นเลนส์แบบ Periscope ที่ซูมไกลสุด 6x แบบ Hybrid Zoom และ Max Zoom 120x
ฟีเจอร์การถ่ายภาพของ OPPO Find N3
เมนูของกล้อง OPPO Find N3 ไม่ได้แตกต่างจากมือถือของ OPPO ที่เคยบอกไปตั้งแต่ตอนพรีวิวก่อนหน้านี้ ยังทำหน้าที่ได้ดีรองรับการซูมได้สูงสุด 120x โดยระยะที่ 20x จะมีระบบตัวช่วยให้ภาพถ่ายนั้นนิ่งได้ระดับหนึ่ง ส่วนวิดีโอ ข่าวดีคือ 60 FPS ใช้ได้ทุกเลนส์และทุกระยะการซูมทำได้สูงสุดเช่นเดียวกัน
แต่กล้องหน้าใช้คำว่าถ่ายภาพนิ่งสวย แต่วิดีโอนั้นต้องทำใจเพราะยังไม่สามารถถ่ายได้เกิน 30 FPS ได้นะครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก OPPO FindN3
(กล้องหน้า)
(กล้องหลัง)
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ
เมื่อมือถือพับได้ระบบแบตเตอรี่ของเครื่องก็อาจจะมีข้อจำกัด แต่สำหรับ OPPO Find N3 ให้แบตเตอรี่ขนาด 4805 mAh จากการทดลองใช้งาน การทำให้แบตฯ หมดนั้นทำได้แต่ต้องใช้หน้าจอด้านในเยอะมาก การทดสอบ PCMark โดยรันแบตเตอรี่ให้เหลือน้อยทำได้จาก 100% จนเหลือ 19% ใช้เวลา 17:19 ชั่วโมง แต่ถ้าเปิดจอในก็จะเหลือแค่ 8 ชั่วโมง ถือว่านานแล้วนะ
ส่วนระบบชาร์จไฟรองรับแค่เสียบสายกำลังสูงสุด 67W จะใช้ได้ต้องใช้ที่ชาร์จติดกล้องเท่านั้น
สรุปหลังจากลอง OPPO Find N3 มาสักระยะเวลาหนึ่ง
ต้องบอกว่ามันเป็นมือถือพับได้อีกรุ่นที่มีข้อดีในเรื่องขนาดหน้าจอที่ใหญ่ทั้งด้านนอกและด้านในขุมพลังไม่ได้แตกต่างมานัก แต่ได้ประสิทธิภาพของ RAM และการบริหารจัดการพลังงานที่ดี และสำคัญคือกล้องนั้นภาพสวยระดับตะโกนออกไปว่า นี่เป็นมือถือพับได้ที่ถ่ายภาพดี
แต่ว่าด้วยความสุดของสเปกที่มี RAM 16GB / ความจำ 512GB ทำให้ราคาของน้องเขาพุ่งไปที่ 69,990 บาท ทำให้คิดหนักว่าคบดีไหม ถ้าเป็นคนอยากได้ความใหม่ และแตกต่างผมว่ายังคบหาได้ครับ แต่ถ้าเป็นคนที่ใช้มือถือสายไม่ระวังผมว่า แม้ตัวเครื่องจะมีระยะเวลาประกันที่นาน อาจจะลองดูตัวอื่นก็ได้เหมือนกัน
แต่ขอสรุปสั้นๆ ว่า มันคือมือถือพับได้ที่ครบอีกตัวหนึ่ง และกล้องดีด้วยครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยเรียบน้ำหนักเบา
- สเปกถือว่าแรงมาก
- หน้าจอใหญ่ทั้งด้านนอกและใน
- แบตเตอรี่ถือว่าอึดอยู่สำหรับมือถือแบบนี้
- อัปเกรดได้ใช้ต่อยาวๆ
- สิทธิพิเศษเยอะมาก เกือบเท่าค่าตัวเครื่อง
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับระบบ Wireless Charging
- กำลังสูงสุดจะเกิดจากที่ชาร์จในกล่องหรือ SuperVOOC เท่านั้น
- เลนส์กล้องใหญ่ต้องขยันเช็ด
คุณกำลังดู: รีวิว OPPO Find N3 มือถือพับได้ที่เน้นทั้งใช้งาน และกล้องแบบโดดเด่นเกินหน้าเกิดตาคู่แข่ง
หมวดหมู่: ทบทวน