รีวิว “POCO F5” มือถืองบไม่เกิน 13,000 บาท แต่สเปกไปสุดกว่าที่คิด

11 มิ.ย. 2566 | 15:33 น.

POCO F5 จัดเป็นมือถือที่มีราคาไม่ได้แพงมากแต่สเปกขุมพลังใหม่อย่าง Snapdragon 7+ Gen 2 ถือว่าแรงจนน่าสนใจ

รีวิว “POCO F5” มือถืองบไม่เกิน 13,000 บาท แต่สเปกไปสุดกว่าที่คิด

กลับมาพบกับรีวิวมือถือและ Gadget จากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง ในรอบนี้ทีมได้รับมือถือรุ่นใหม่อย่าง POCO F5 ถือว่าเป็นน้องใหม่ล่าสุดสำหรับสายเล่นเกมจะต้องชอบเพราะสเปกมาเต็มและสีสันตัวเครื่องที่ไม่ว่าสีไหนก็สวยกับราคาจับต้องได้ เห็นแบบนี้แล้ว มันน่าสนใจแค่ไหนเรามาดูกันเลยครับ

รายละเอียดสเปกของ POCO F5

ขนาดตัวเครื่อง 161.1 x 75 x 7.9 มิลลิเมตร
น้ำหนัก 191 กรัม
หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super AMOLED
ความละเอียดหน้าจอ : 1080 x 2400, Refresh Rate 120Hz ความสว่าง 1,000 nits
กระจกหน้าจอ : Gorilla Glass 5
มาตรฐานการกันน้ำ IP53 เท่ากับโดนน้ำได้นิดหน่อย
ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 7+ Gen 2 Octa Core | GPU : Adreno 725
RAM: 8GB
ความจำในตัว :256GB
เพิ่มความจำ : ไม่สามารเพิ่มได้
ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + MIUI 14
การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.3, A-GPS, GPS, NFC
ช่องเสียบ USB-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
รองรับ Nano SIM ทั้งหมด 2 ช่อง
ระบบเสียง : Stereo ทั้งบนและล่าง
ระบบไมโครโฟน : 2 ตำแหน่ง
กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย

กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล
กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 120 องศา
กล้อง Macro เข้าใกล้ได้ 4 เซนติเมตร ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30 FPS, FHD 30/60 FPS, Slowmotion, Timelapse

กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล 1080p 30/60 fps
แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 67W
ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้า และสแกนนิ้วมือด้านข้าง
สี : สีฟ้า, สีดำ และ สีขาว

แกะกล่อง POCO F5 ประกอบด้วย

ตัวเครื่อง POCO F5
เคสใส
คู่มือ / ใบรับประกัน
สายชาร์จไฟแบบ USB-C to USB-A 5A
ปลั๊กชาร์จไฟกำลัง 67W

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ POCO F5

ต้องบอกก่อนว่า POCO F5 นั้นในบ้านเกิดมันคืออยู่ในตระกูล Redmi Note 12 Series ดังนั้นสิ่งที่จะบอกก่อนเลยคือหน้าตามันจะคล้ายๆ กับ Redmi Note 12 Pro 5G ที่เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ เพียงแต่ว่าสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือหน้าจอจะมีขอด้านล่างเหลือน้อยกว่า Redmi พอสมควรเลยครับ ขนาดหน้าจอ 6.67 นิ้วแบบ AMOLED ให้สีสัน 68 ล้านสี และความสว่าง 1,000 nits

ส่วนบนมีกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซลและมีการติดตั้งเซนเซอร์ที่ของเครื่อง

ส่วนล่างมีปุ่มควบคุมสำหรับระบบปฏิบัติการ Android ทั้งนี้สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ทั้งหมด 2 รูปแบบคือ ปุ่มแบบที่เห็นและการปัด

รอบตัวเครื่องยังคงเป็นวัสดุโพลีเมอร์จับแล้วเรียบแต่ไม่ได้ออกแบบเงาและมีความหนาประมาณหนึ่งช่วยให้จับเครื่องได้ดีมากขึ้น ฝั่งซ้ายจะไม่มีอะไร

ฝั่งขวามีปุ่มปรับระดับเสียงพร้อมกับปุ่ม Power มีระบบสแกนนิ้วมือ

ด้านบนมีลำโพงตัวที่ 2 พร้อมกับ IR Blaser และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างมาพร้อมกับช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM จำนวน 2 ช่อง, ไมโครโฟน, USB-C และลำโพงตัวหลักของเครื่อง

พลิกมาด้านหลังจุดนี้มีการออกแบบที่แตกต่างกัน โดยมีกล้อง 3 ตัวเหมือนกับ Redmi Note 12 Pro 5G แต่ไม่มีกรอบล้อมรอบและด้านหลังต่อให้สีดำนั้นก็มีลวดลายที่สวยงามและเป็นผิวสัมผัสที่มันวาว

น้ำหนัก / การจับถือ

เมื่อเห็นตัวเครื่องบางลงกว่ารุ่นที่แล้ว ทำให้เวลาถือที่ของเครื่องรู้สึกเบามาก และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสีสันให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกันครับ

การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง

การแสดงผลของหน้าจอจะเป็นแบบ AMOLED พร้อมกับ Refresh Rate สูงสุด 120Hz และระบบสัมผัสหน้าจอที่ไวมากจึงทำให้เล่นเกมตอบสนองได้ดี และยังมีสีสันที่สวยงามรับชมภาพยนตร์หรือคลิปทำได้ดีเลยครับ

ลำโพงนั้นมีให้ทั้งด้านบนและล่างทำให้เสียงที่ออกมาถือว่าดังมากเลยครับและปรับแต่งเสียงได้นิดหน่อย แถมมี Dolby ATMOS ด้วย

ประสิทธิภาพ / การเชื่อมต่อไร้สาย

จากสเปกที่ได้บอกไปตั้งแต่แรกทำให้ตัวเครื่องถือว่าตอบสนองได้รวดเร็วมาก อย่างชัดเจน ดังนั้นถ้าใครต้องการมือถือหมื่นต้นแต่แรงนี่เป็นทางเลือกที่ดีครับ

ทั้งคู๋มีตัวช่วยในการเล่นเกมคือ Game Turbo ช่วยให้การตอบสนองในการเล่นเกมนั้นทำได้ดีมากขึ้นและยังสามารถเรียกกำลังได้สูงขึ้นเช่นเดียวกัน

POCO F5 มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อครบครันทั้ง 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 การใช้นำทางถือว่าตอบโจทย์สำหรับการใช้ในการบอกพิกัดสำหรับกลุ่ม ไรเดอร์ได้สบายๆ

ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย

POCO F5 มาพร้อมกับ MIUI 14 For POCO ต่างกันกับเวอร์ชั่นปกติที่ สามารถเรียก Apps Drawer หรือหน้ารวม Apps ได้ และพื้นฐาน Android 13 ทำให้สามารถใช้งาน แบบ Multi Window ยังคงทำได้กับบาง Application และรวมถึงหน้าต่างลอยหรือ Floating Window เช่นเดียวกัน แถมยังสามารถปัดทางซ้ายเพื่อเรียกเมนูด่วนสำหรับการเปิดโปรแกรมเพิ่ม หรือใช้นิ้วสั่งงานเช่นการ Capture Screen เป็นต้น

นอกจากนี้เครื่องมืออื่นๆ ก็ยังมีติดตั้งมาให้เช่น Apps กระจกส่องหน้า, เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, เข็มทิศ, ระบบดูแลอุปกรณ์และอื่นๆ รวมถึงบริการที่สามารดาวน์โหลด Apps ผ่าน Google Play Store

ส่วนระบบความปลอดภัย มาพร้อมกับระบบสแกนนิ้วทางด้านข้าง และสแกนใบหน้าแบบ 2D และยังมีโหมดสามารถซ่อน Folder ที่เราไม่ต้องการให้คนอื่นเปิดได้ง่าย

เปิดกล้องลองถ่ายภาพของ POCO F5 มีดังนี้

กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย

กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล
กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 120 องศา
กล้อง Macro เข้าใกล้ได้ 4 เซนติเมตร ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30 FPS, FHD 30/60 FPS, Slowmotion, Timelapse

กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล 1080p 30/60 fps

ฟีเจอร์ของกล้อง

หน้าตาของเมนูกล้องออกแบบให้ใช้งานง่าย เพราะมีทั้ง โหมดโปรที่รองรับการถ่ายวิดีโอ, ภาพนิ่ง, ถ่ายภาพเคลื่อนไหวเร็ว, ถ่ายภาพ Slowmotion, กล้องคู่ และอื่นๆ รวมถึงการถ่ายวิดีโอได้เช่นเดียวกัน และไม่ต้องเปิดระบบ OIS เพราะสามารถใช้งานได้ทันที และยังทำงานร่วมกับโหมดโปรได้ด้วย

ส่วนกล้องหน้า ทั้งคู่ได้กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ 1080p 30/60 fps ยังมีโหมดละลายหลังแต่ว่าไม่ได้มีวิดีโอจะทำได้เพราะเท่าที่ลองคือวิดีโอทำได้แค่ปรับผิวและเปลี่ยนฟิลเตอร์เท่านั้น

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก POCO F5

(กล้องหลัง)

ภาพกลางวัน / การซูม

กลางคืน / แสงน้อย

อื่นๆ

(กล้องหน้า)

แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ

สำหรับแบตเตอรี่ของ POCO F5 จะมีขนาด 5000 mAh เมื่อขุมพลังรุ่นใหม่ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานถ้าไม่ได้เล่นเกมเลยสามารถใช้งานข้ามวันได้ แต่ถ้าใช้งานหนักๆ แล้วอาจจะทำให้อยู่ได้สั้นลงเล็กน้อย

ส่วนที่ชาร์จของ POCO F5 จะได้กำลัง 67W จะทำให้สามารถชาร์จไฟได้เต็มในเวลา 15 นาที จาก 0 – 100% ใช้คำว่าหมดห่วงเรื่องที่ชาร์จไปได้เลย

สรุปหลังทดลองใช้งาน POCO F5 มาสักระยะเวลาหนึ่ง

และเราก็มาถึงบทสรุปของ POCO F5 แล้วแน่นอนครับว่าถ้าต้องจบกับมือถือรุ่นนี้คือคุณต้องการมือถือเรียบง่ายเน้นสเปกประสิทธิภาพมากกว่าสิ่งอื่นๆ แต่ว่า F5 กลับทำได้ดีทั้งการถ่ายภาพ ฟีเจอร์ภายใน และรวมถึง Android 13 ที่ได้มาด้วย พารุ่นก่อนหน้านี้อิจฉาไปตามๆ กัน กับราคาของรุ่นนี้อยู่ที่ 13,999 บาท ยังไงก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่ (ถ้าซื้อในช่วงเวลาดีๆ อาจจะเหลือช่วง 13,000 บาทมีทอน)

เพียงแต่ช่องทางการจำหน่ายกลับอยู่เฉพาะบน Online Store อย่าง Lazada การพบเจอมือถือรุ่นนี้อาจจะยากสักหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม Xiaomi ก็รับประกันมือถือรุ่นนี้ยาวนานใช้คำว่าหมดห่วงได้เลย ดังนั้นถ้าคุณต้องการมือถือสเปกใหม่เน้นเรื่องการใช้เล่นเกม นี่เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจมากครับ

จุดเด่น