รีวิว "POCO F6 Series" คู่นี้แรงทั้งคู่ เหลือแค่งบคุณจบที่ตัวไหนดีล่ะ

19 มิ.ย. 2567 | 15:31 น.

POCO ได้เปิดตัว F6 Series ที่ประกอบด้วย F6 และ F6 Pro ถือเป็นตัวพ่อของมือถือเล่นเกมเลยก็ว่าได้

รีวิว "POCO F6 Series" คู่นี้แรงทั้งคู่ เหลือแค่งบคุณจบที่ตัวไหนดีล่ะ

POCO ได้เปิดตัว F6 Series ที่ประกอบด้วย F6 และ F6 Pro ใหม่ล่าสุดออกมาที่เรียกว่า ไม่รู้จะเลือกใครดี แต่สำหรับรอบนี้ Sanook Hitech จะทำรีวิวคู่กันไปเลย และมาฟันธงให้คุณตอนท้ายว่า เหมาะกับตัวไหนที่สุด เรามาดูกันครับ

POCO F6 สเปก

สเปก	POCO F6
ขนาดเครื่อง	160.5 x 74.4 x 7.8 มิลลิเมตร
น้ำหนัก	179 กรัม
มาตรฐานกันน้ำ	IP64
ขนาดหน้าจอ	จอโค้งขนาด 6.67 นิ้ว LTPO AMOLED ความละเอียด 2712 x 1220 พิกเซล Refresh Rate 120Hz ความสว่าง 2,400 nits +, HDR 10+ กระจก Corning Gorilla Glass Victus
CPU	Qualcomm Snapdragon 8s Gen 3
GPU	Adreno 735
กล้องหน้า	ความละเอียด 20 MP + 1080p@30/60fps
กล้องหลัง	ตัวหลัก : 50 MP F/1.63 , Sony LYT-600 รูรับแสง F/1.59 พร้อมกับระบบ PDAF + OIS กล้องมุมกว้าง 8 MP LED Flash ถ่ายวิดีโอ 4K@24/30/60/120fps, 1080p@30/60/120/240/fps, gyro-EIS
RAM	12 / 16GB
หน่วยความจำ	256GB / 512GB / 1TB
การเชื่อมต่อ	4G, 5G, Wi-Fi 6E Dual Band (2.4GHz, 5GHz), Bluetooth 5.4, GPS
ระบบเสียง	ไมโครโฟนด้านล่างคู่ + ลำโพงคู่แบบ Stereo
พอร์ต	USB-C 2.0
ระบบปฏิบัติการ	Android 14 + HyperOS
ระบบความปลอดภัย	สแกนใบหน้า / ระบบสแกนนิ้วในหน้าจอ
แบตเตอรี่	5000 mAh
ระบบชาร์จไฟ	ชาร์จไฟสาย 90W
สีสัน	Black, Green, Titanium

POCO F6 Pro สเปก

สเปก	POCO F6 Pro
ขนาดเครื่อง	160.9 x 75 x 8.2 มิลลิเมตร
น้ำหนัก	209 กรัม
มาตรฐานกันน้ำ	ไม่ได้ระบุ
ขนาดหน้าจอ	จอโค้งขนาด 6.67 นิ้ว LTPO AMOLED ความละเอียด 1440x3200 พิกเซล Refresh Rate 120Hz ความสว่าง 1,200 - 4,000 nits +, HDR 10+ กระจก Corning Gorilla Glass Victus
CPU	Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
GPU	Adreno 740
กล้องหน้า	ความละเอียด 16 MP + 1080p@30/60fps
กล้องหลัง	ตัวหลัก : 50 MP F/1.6 พร้อมกับระบบ PDAF + OIS กล้องมุมกว้าง 8 MP กล้อง Macro 2 MP LED Flash ถ่ายวิดีโอ 8K 24 FPS 4K@24/30/60/120fps, 1080p@30/60/120/240/fps, gyro-EIS
RAM	12 / 16GB
หน่วยความจำ	256GB / 512GB / 1TB
การเชื่อมต่อ	4G, 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3, GPS
ระบบเสียง	ไมโครโฟนด้านล่างคู่ + ลำโพงคู่แบบ Stereo
พอร์ต	USB-C2.0
ระบบปฏิบัติการ	Android 14 + HyperOS
ระบบความปลอดภัย	สแกนใบหน้า / ระบบสแกนนิ้วในหน้าจอ
แบตเตอรี่	5000 mAh
ระบบชาร์จไฟ	ชาร์จไฟสาย 120W
สีสัน	ขาว และ ดำ

รูปลักษณ์ดีไซน์

POCO F6

เริ่มต้นกับรุ่นเล็กกันก่อนกับดีไซน์ของเครื่องรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ซึ่งขอบจะชิดมาก ถือได้ง่ายเช่นเดียวกัน ความละเอียด 1220 x 2712 พิกเซล เช่นเดียวกัน และมีกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล แต่ว่ารุ่นเล็กแบบนี้แต่ได้กระจกดีกว่าคือ Gorilla Glass Victus

ขอบตัวเครื่องไม่ได้ทำให้บางมาก แต่จับที่ดีอยู่ฝั่งซ้ายมือ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ฝั่งขวามือจะมีปุ่ม Power และ ปุ่มปรับระดับเสียงเท่านั้น

สิ่งที่แยกออกคือด้านบน รุ่นปกติเท่านั้นที่จะมีลำโพงแยกออกมา พร้อมกับ IR Blaster, ไมโครโฟน ด้านล่างจะมาพร้อมกับ ช่องใส่ซิม, USB-C ลำโพงตัวหลักเท่านั้น

poco f6

ด้านหลังของเครื่องจะมาพร้อมกับกล้องหลัง 2 ตัวและการออกแบบมีความคล้ายกับมือถือหลายๆ รุ่นของค่ายนี้ ผิวสัมผัสของเครื่องพบว่าเรียบและมีลวดลายที่สวยงาม น้ำหนักของเครื่องจะเบากว่าตัวโปร และจับถือได้ง่ายกว่า

POCO F6 Pro

poco-f6-pro

จากที่ได้บอกไปตั้งแต่กรุ่นปกติ การออกแบบของรุ่น Pro หน้าจอจะมีขนาดเท่ากัน แต่ว่า ความละเอียดหน้าจอจะยกเป็น 1440 x 3200 พิกเซล ถือว่ามากกว่าครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 5 และกล้องหน้าจะลดคตวามละเอียดลงเหลือ 16 ล้านพิกเซลเท่านั้น

รอบตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงกว่า ต่างจากรุ่นปกติ แต่ว่าสังเกตว่าขอบตัวเครื่องกว้างกว่ารุ่นปกติทำให้การจับถืออาจจะยากกว่าเล็กน้อย ฝั่งซ้ายไม่มีอะไร ฝั่งขวาก็มีปุ่มปรับระดับเสียง และ Power เหมือนเดิม

ส่วนบนจะมี IR Blaster, ไมโครโฟน ส่วนลำโพงไปรวมกับ ลำโพงสนทนาของเครื่องครับ ด้านล่างจะมีช่องใส่ซิม, USB-C ไมโครโฟนและมีลำโพงตัวเครื่องมาให้เช่นเดียวกัน

poco-f6-pro

พลิกด้านหลังของเครื่องจะมีการออกแบบด้านหลังที่สวยและมีลวดลาย พร้อมกับกล้องที่อยู่ด้านบนและมี LED Flash เรียงเป็น 4 วง แถมน้ำหนักของเครื่องเยอะกว่ารุ่นปกติ แต่งานประกอบที่สัมผัสรุ่นโปร ทำได้ดีกว่าแน่นอนก็ตามราคาครับ

การแสดงผลภาพ / เสียง

POCO F6/F6 Pro ได้หน้าจอแบบ LTPO AMOLED เหมือนกัน แต่ความละเอียดแตก่างกันพอสมควรแต่จากที่ดูเรื่องของสีสันแล้ว F6 Pro แอบดีกว่าเล็กน้อยครับ แต่ความเร็วในการสัมผัส พอๆ กันครับ

ระบบเสียงให้ความดังใกล้เคียงกันแต่ด้านบนของรุ่น Pro จะแยกลำโพงออกมาให้เสียงที่ดีกว่า F6 ปกติพอสมควร แต่ต้องจับสังเกตดีๆ ครับ

ประสิทธิภาพ / การเล่นเกม / การเชื่อมต่อ

(ภาพซ้ายคือ POCO F6 Pro ภาพขวาคือ POCO F6 )

สิ่งที่จะแต่งต่างที่ขุมพลังของทั้งคู่แรงอยู่แล้ว แต่คะแนนต้องยอมรับว่า F6 Pro ได้ขุมพลังที่แรงกว่าพอสมควรเลยครับ แต่เมื่อเล่นเกมทำได้ดีทั้งคู่

ส่วนโหมดการเล่นเกมยังมี Game Turbo ให้ได้กดใช้งานอยู่ ที่สามารถเข้าโหมดปลดล็อคให้เครื่องประสิทธิภาพของเครื่องมาแบบมาแรงเต็มๆ

การเชื่อมต่อนั้นรุ่น Pro จะรองรับ Wi-Fi 7, 5G, Bluetooth 5.4 และ GPS นำทางได้แม่นยำมากอยู่ ถ้ารุ่น F6 แค่ไม่ได้ Wi-Fi 7 แต่ลดลงมาเหลือ Wi-Fi 6 จริงๆ แล้วมันก็เพียงพอต่อการใช้งานอยู่ครับ

แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ

แบตเตอรี่ของ POCO F6 Pro ให้ขนาด 5000 mAh จากการทดลองใช้งาน ถ้ามีการใช้งานหนักก็จะทำให้ไฟนั้นหมดเร็วประมาณหนึ่งแต่ใช้งานทั่วไปเอาตัวรอดในวันได้สบายๆ ตามผลที่ได้ทดสอบไป

ส่วนระบบชาร์จไฟของ POCO F6 Pro ให้รุ่นท็อปสุดที่ 120W ทำให้ชาร์จไฟเร็วมากขึ้นและยังสามารถปรับในรูปแบบของกำลังไฟที่เหมาะสมด้วย แต่ถ้ามาแบบปล่อยเต็ม มันก็จะพุ่งแป๊ปเดียวเต็ม ซึ่งเคลมว่า เต็ม 100% ในเวลา 19 นาที

ส่วน POCO F6 ให้แบตเตอรี่ที่ขนาดเท่ากัน แต่ขุมพลังมีแรงที่น้อยกว่า ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

ส่วนระบบการชาร์จไฟของ POCO F6 จะให้กำลัง 90W เรียกว่าเสียบเมื่อไฟเหลือน้อยแป๊ปเดียวก็สามารถเต็มได้ทันที เคลมว่าเต็ม 100% ในเวลา 35 นาที

ฟีเจอร์โดดเด่นของ POCO F6 Series

POCO F6 Series มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดของ Xiaomi นั่นคือ HyperOS พื้นฐาน Android 14 จุดเด่นแบบสัมผัสได้คือความคล่องตัวลื่นไหลและการแจ้งเตือนที่มีการปิดส่วนบนที่อยู่ของกล้องคลุมลงมาทำได้สวยงามและไม่เหมือนกัน

นอกจากนี้ความเร็วในการใช้งานถือว่ามากขึ้นด้วยและแทบไม่มี Apps อื่นมากวนใจ ช่วยให้การทำงานลื่นไหลมากขึ้นด้วยครับ ส่วนระบบความปลอดภัยคือ การสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ และ สแกนใบหน้าพร้อมกับการแยกพื้นที่ได้ด้วย

ลูกเล่นกล้อง เหมือนกับมือถือ Xiaomi ทั่วไป รองรับการทำงานที่ง่ายกดสะดวก และยังมี Director Mode (เฉพาะรุ่น Pro) มาให้เช่นเคย

ผลงานกล้องของ POCO F6

(กล้องหลัง)

(กล้องหน้า)

ผลงานกล้องของ POCO F6 Pro

(กล้องหลัง)

(กล้องหน้า)

สรุปหลังจากทดลองใช้งาน POCO F6 Series

เรียกว่า POCO F6 Series เป็นมือถือที่ได้สเปกของเครื่องแบบจัดหนักพอสมควร และเรื่อง อื่นๆ ซึ่งรอบนี้ทำให้คุณแบ่งความชัดเจนระหว่างการเลือกรุ่นปกติและรุ่น Pro ตั้งแต่การออกแบบเลย แต่ต้องบอกว่า นี่เป็นมือถือเล่นเกมตัวพ่ออีกรุนที่ไม่ควรพลาดและใใครได้ราคาตั้งแต่เปิดตัว (ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังทำโปรเรื่อย) มันถือว่าคุ้มอยู่นะครับ ส่วนราคาเรามาดูข้างล่างกัน

ปล. POCO เน้นทำตลาดออนไลน์เท่านั้นตัวเครื่องจริงจะไม่มีวางโชว์ที่ใด

ราคาของ POCO F6 Series

POCO F6

POCO F6 รุ่นความจุ 8GB+256GB7 วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 11,990 บาท (จากราคาปกติ 12,990 บาท) ในระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ถึง วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ที่ Lazada และ mi.com/th เท่านั้น
POCO F6 รุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 13,490 บาท (จากราคาปกติ 14,990 บาท) ในระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ถึง วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ที่ Lazada และ mi.com/th เท่านั้น

POCO F6 Pro

POCO F6 Pro รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 14,990 บาท (จากราคาปกติ 15,990 บาท) ในระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ถึง วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ที่ Shopee และ mi.com/th เท่านั้น
POCO F6 Pro รุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 16,990 บาท (จากราคาปกติ 17,990 บาท) ในระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ถึง วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ที่ Shopee และ mi.com/th เท่านั้น
POCO F6 Pro รุ่นความจุ 16GB+1TB วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 18,990 บาท (จากราคาปกติ 19,990 บาท) ในระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ถึง 31 พฤษภาคม 2567 ที่ mi.com/th และในระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม ถึง วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ที่ Shopee

เลือก POCO F6 Series รุ่นไหนดี

ปิดท้ายกับบทความรีวิวรอบนี้จะมาแปลกเพราะไม่มีบอกจุดเด่นและข้อสังเกตนะครับ เพราะทั้งคู่ต่างก็มีข้อดีและจุดสังเกตที่ต่างกัน แต่เราจะมาบอกว่า 2 ตัวนี้เหมาะกับใครมากกว่า

POCO F6 รุ่นเล็กเหมาะกับคนที่มีงบไม่เกิน 12,000 – 14,000 บาท แต่อยากได้มือถือที่เล่นเกมดี สเปกใหม่ไว้ใจได้ และไว้ติดต่อสื่อสาร เน้นความสะดวกพกและ ไม่ต้องการการเชื่อมต่อที่หวือหวามากนัก
POCO F6 Pro ถ้ามีเงินเกือบ 2 หมื่น นี่ถือว่าเป็นตัวจบเพราะได้ทั้ง Wi-Fi 7 สเปกระดับอดีตเรือธง พร้อมกับสีสันที่เรียกว่าเห็นแล้วแตกต่าง แถมงานออกแบบปรับดีกว่ารุ่นก่อนแบบก้าวกระโดดจนเรียกว่า เป็นตัวจบเลยก็ว่าได้ถ้างบถึง

สุดท้ายก็ขึ้นกับความต้องการและงบที่มีในกระเป๋าคุณว่าจะจบกับตัวไหนมากกว่ากัน คุณเท่านั้นคือคนให้คำตอบที่ดีที่สุดครับ