แซ่บเต็มคาราเบล! "พิม-พิมประภา" อีกบทบาทที่ท้าทายในละคร "ดงดอกไม้"
เธอมันร้าย...ย! พิม-พิมประภา ตั้งประภาพร นางเอกสาวหน้าหวาน กลายเป็นหนึ่งใน “ดอกไม้” ที่รวยไปด้วยพิษสงในละครดราม่ารสจัดจ้านเรื่อง “ดงดอกไม้” ทางช่องวัน 31 ดำเนินการผลิตโดย CHANGE2561 ที่รวม 4 นางเอกตัวตึง มัดรวมอยู่ในเรื่องเดียวกัน เพื่อปักหมุดช่วงชิง “ผู้ชาย” คนเดียวกัน เรียกว่าความแซ่บเต็มคาราเบล! ทุก EP ก็ว่าได้
สาวพิมยอมรับบทชิดสมัยเป็นอีกบทบาทที่ท้าทาย “เรื่องนี้เทียบกับโฉมโฉดก็ฉีกคาแรกเตอร์แหละ กลับมาเป็นผู้หญิงที่เริ่มต้นเป็นผู้หญิงใสๆคนนึงเพิ่งเรียนจบมาใช้ชีวิตจริงบนโลกภายนอก มีเป้าหมายอยากเป็นทนายที่เก่ง ด้วยพาร์ตเรื่องต้องไปเจอหลายๆเหตุการณ์ ต้องไปเจอคน ที่ไม่ได้เจอคนดี ไม่ได้เจอสภาพแวดล้อมที่ดี มันก็เลยหล่อหลอมให้คนคนนึงใสสะอาดกลับกลายเป็นคนเทาๆคนนึง มีชีวิตอยู่ดีๆเจอผู้ชายคนนึงที่มาเปลี่ยนชีวิตตลอดไป เป็นเจ้าของดงดอกไม้”
พอเจอตัวบทเมียน้อย หนักใจมากน้อยขนาดไหน “ไม่ได้หนักใจมาก ชิดสมัยตัวละครตัวนี้ ต้นเรื่องไม่ได้ห่างจากตัวพิมมาก เรานึกถึงตอนที่เรียนจบใหม่ๆ ไฟแรง เรานึกถึงตัวเองด้วย เราจบมาแล้วมองโลกเป็นแบบนี้ แต่การใช้ชีวิตโลกภายนอกจริงๆ เราได้รับรู้สิ่งที่เราไม่คาดคิดมาก่อน ความแตกต่างระหว่างชิดสมัยกับตัวพิม คือ ชิดสมัยจะมีความวัยรุ่นและนอกคอกนิดนึง ดื้อ มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากๆ บางทีเลือกในทางที่ผิด ใช้อารมณ์ของตัวเอง ทางที่ชิดสมัยเลือกคนดูจะขัดใจตลอดเวลา ทำไมเลือกทำสิ่งนี้ เค้าก็มีเหตุผลของเค้าเอาชนะสิ่งสิ่งนึง ชิดสมัยไม่ได้ต้องการยุ่งกับพงษ์ดนัย (พุฒิ-พุฒิชัย) แต่เหตุการณ์เลยต้องขอความช่วยเหลือ ทำให้อยู่ในวังวนของเค้า”
ทำไมถึงตัดสินใจรับบทเมียน้อย ทั้งๆที่เราก็เป็นนางเอกสวยๆยืนหนึ่งมาตลอด “จริงๆ บทนี้ดร็อปมาจากละครโฉมโฉดด้วยซ้ำ ชิดสมัยไม่ได้ร้ายสุดโต่ง จะเป็นคนเอาชนะแต่ไม่ได้ทำร้ายใครก่อน คนจะเข้ามาหาชิดสมัยเอง พงษ์ดนัยเข้ามาเพื่อครอบครอง ส่วนร่วมงานนักแสดงแต่ละคนในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น พี่พุฒิ -พุฒิชัย, พี่พิ้งกี้-สาวิกา, พี่เบนซ์- ปุณยาพร หรือน้องมิว-ลักษณ์นารา พิมว่าถือเป็นความโชคดีมากๆที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงคุณภาพที่เก่งๆมากกว่า”
ครั้งตั้งคำถามว่า ถ้าหากชีวิตจริงต้องตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ตัวพิมจะมีวิธีจัดการแบบไหน “พิมคงไม่เข้าตั้งแต่แรกเพราะเราก็เห็นแล้วว่ามันอีนุง ตุงนัง เราไม่เข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้อยู่แล้ว เราคงไม่เอาตัวเองไปอยู่ในความเสี่ยงตรงนั้นแต่คงไม่ใจเด็ดกล้าได้กล้าเสียเหมือนชิดสมัย เป็นตัวพิมคงไม่แลกแน่นอน ถอยตั้งแต่แรกเลย เราเห็นอยู่แล้วข้างหน้าเป็นนรกเราจะย่ำเข้าไปทำไม”
ปีนี้พิมก็อายุแตะเลข 3 ถือว่าเป็นเลขนำโชคสำหรับเรามั้ย “ค่ะ พิมรู้สึกว่าด้วยเลขทำให้เราเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ด้านการใช้ชีวิตพิมก็รู้สึกว่าไม่ได้แตกต่างอะไรเลย (หัวเราะ) เราเคยรู้สึกเราอยู่มหาวิทยาลัยเห็นคนอายุ 30 เดินผ่านไปผ่านมา เราวู้ๆ เป็นผู้ใหญ่มากเลย มีลูกมีครอบครัว พอถึงจริงๆเราก็ยังทำงานของเราเหมือนเดิม แค่เรารู้ว่าอายุประมาณนี้เราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีการวางแผนชีวิตมากขึ้นแค่นั้นเอง ด้วยการทำงานทุกอย่างของพิมเรายังเหมือนเดิม เป็นตัวเลขสะกิดเรามากกว่าเราต้องตั้งเป้าหมายชัดเจนยิ่งขึ้น ยิ่งเราอายุมากขึ้นพ่อแม่เราก็ยิ่งอายุมากขึ้นไปด้วย มันไม่ใช่แค่ตัวเรา เราต้องถีบตัวเองเพื่อที่จะดูแลเค้าด้วย”
บางคนจะไม่โอเคกับเลข 3 มันทำให้รู้สึกหวิวๆ “(หัวเราะ) ก็มีค่ะ ตอนแรกไม่รู้สึกจนคนรอบข้างทักจะเลข 3 แล้วเหรอ คนรอบข้างทำให้เรารู้สึกมีแหละ ทำให้เราดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่อยากดูมีอายุ ทำงานได้นานๆ อยากให้คนติดตามเราไปนานๆ” พิมได้เปรียบหน้าเด็กคนเดาอายุเราไม่ถูก “จริงหรือเปล่า? (ยิ้ม) ขอให้เป็นอย่างนั้นค่ะ แต่เลข 3 สำหรับพิมคือเพิ่งเริ่มต้น เพิ่งเป็นผู้ใหญ่เลย มีแต่เรื่องดีๆ เราได้รับโอกาสเยอะกว่าตอนเราเด็กๆอีก เราเคยมีความเชื่อ ยิ่งเราอายุเยอะ โอกาสมันจะน้อยลง แต่พิมพอเราอายุมากขึ้นเรากลับได้โอกาสจากผู้ใหญ่มากขึ้น มีงานเยอะขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดี ขอบคุณพี่ฉอด-สายทิพย์, พี่เอส-วรฤทธิ์ ตั้งแต่เราออกมาอิสระเค้าให้โอกาสเรา 2 ปีแล้ว ได้รับโอกาสเสมอๆ ไม่อยากบอกตัวเองปังแต่พิมโชคดีที่ผู้ใหญ่มองเห็นและให้ โอกาสเรา เราทำงานเต็มที่ในพาร์ตของเราไม่ให้เค้าผิด หวังที่เค้าให้ โอกาสเรา”
นอกจากงานปัง รักก็รุ่ง หลังเปิดใจศึกษาแฟนหนุ่มนักธุรกิจ 2 ปี เป็นรักไม่หวือหวา ไม่พร้อมเปิดตัวแฟนแต่ไม่เคยปิดบังใดๆ “ความรักก็เรื่อยๆเลย คบกัน 2 ปี”
ยังไม่ใจอ่อนยอมเปิดตัวอยู่ดี “เรียกว่าไม่ได้ปิดดีกว่า คือเราไม่ได้ตะโกน เห้ย! มีแล้ว เราใช้ชีวิตของเราปกติ เอาที่ทั้งสองคนสบายใจ เขาเป็นคนนอกวงการ เราเป็นคนในวงการหลายๆอย่างเราต้องมาปรับจูนกันอยู่ ความเคยชินกับการที่เค้า เรามีแสงของเราอยู่ เขาก็ไม่ชินกับแสงที่มากระทบเค้า เราก็ต้องให้พื้นที่ของเค้าด้วยแต่เราก็ให้เกียรติกับเค้าในพาร์ต ไม่ใช่ว่าเค้าไม่มีตัวตนเลย ไปไหนมาไหนไปกันปกติแค่ว่าเค้าสะดวกยังไง เค้ายังไม่อยากให้คนมารู้จักเค้าขนาดนั้น เขารู้สึกไม่มีความจำเป็นต้องลงรูป ตัวพิมเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน การลงรูปในโซเชียลไม่ได้บ่งบอกความสุขของชีวิตคู่หรือใครเลย ไม่มีผลอะไรต่อชีวิตเราสองคน ก็เลยไม่จำเป็นที่จะต้องลง ไม่ลงรูปแต่ไม่ได้ปิดบัง ครอบ ครัวหรือเพื่อนก็คือเจอกันหมดแล้ว”
อะไรที่ทำให้เราจูนกันได้อย่างรวดเร็ว “จริงๆไลฟ์สไตล์ด้วย ใกล้ๆ กัน ชอบท่องเที่ยว พิมชอบหาของอร่อยๆกิน ไปหาร้านใหม่ๆทาน สิ่งนึงเลยจูนหลายๆ พาร์ตของครอบครัว ครอบครัวเค้าน่ารักมาก การมีครอบครัวน่ารัก บรรยากาศทำให้เรารู้สึกถึงความอบอุ่นทำให้เรามีความสบายใจที่จะอยู่ตรงนั้น”
แสดงว่าเวลาเที่ยวก็ไปแบบยกครอบครัว “ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้น พิมรู้จักทางบ้านเค้า เค้ารู้จักครอบครัวพิม”
คบกันมาขนาดนี้ วัยก็ไม่น้อยแล้ว เริ่มมองอนาคตข้างหน้าบ้างหรือยัง “ยังเลยค่ะ พิมกับเค้าต้องมีหลายๆเรื่องปรับจูนกัน เราไม่ได้มีนิสัยเหมือนกันทั้งหมด เราต้องศึกษาไปเรื่อยๆจนกว่าเรามั่นใจว่าเราสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้จริงๆ ก็คุยกันว่าเราต้องมั่นใจในกันและกันให้พอก่อน เรื่องอนาคตเราไม่ต้องรีบ พิมยังแฮปปี้การทำงาน เค้าแฮปปี้กับการใช้ชีวิตของเขา การทำงานของเค้าอยู่”
หลังๆลุคพิมมาแนวเซ็กซี่ เค้ามีขอเรื่องนี้กับเรามั้ย หรือหวงไม่อยากให้ใส่ “ไม่มีเลย เค้าไม่ได้ก้าวก่ายพาร์ตการทำงานของเรา เค้ารู้อยู่แล้วบทบาทนี้แต่งตัวให้อยู่ในคาแรกเตอร์ อยู่ช่วงโปรโมตละครแล้วบทเรามีความเปรี้ยว ความเซ็กซี่ เราก็ต้องอยู่ในโหมดตามนั้น บางเรื่องสดใสน่ารักมีความกามิฯนิดนึงเราก็จะแต่งแบ๊วๆ แล้วแต่ชิ้นงานเลย และเค้าเข้ามาก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นนักแสดงเพราะฉะนั้นต้องมีความเข้าใจตั้งต้นมาอยู่แล้วด้วย เขาให้อิสระในการทำงาน ไม่มีคอมเมนต์เรื่องการแต่งตัวอะไรเลย มีอะไรเค้าจะพูดเป็นการซัพพอร์ตพิมมากกว่าค่ะ”.
คุณกำลังดู: แซ่บเต็มคาราเบล! "พิม-พิมประภา" อีกบทบาทที่ท้าทายในละคร "ดงดอกไม้"
หมวดหมู่: ความบันเทิง