สัมผัสแรก NISSAN TERRA FACELIFT 2021
NISSAN TERRA FACELIFT 2021 เครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ราคาเริ่มต้น 1,199,000 บาท ถึง 1,499,000 บาท
ทำไม Terra ถึงขายไม่ดี ใช่ครับ นี่คือ PPV ของ Nissan
ที่มียอดขายอยู่ท้ายสุดในกลุ่มรถกระบะดัดแปลงที่วางขายในไทย
ยอดขายที่เหี่ยวเฉาของ Terra
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาที่ยังไม่ค่อยจะโดนใจ
ความไม่ชัดเจนของงานออกแบบที่คลุมเครือ
ถึงแม้ประสิทธิภาพของ Terra จะไม่เป็นรองรถคู่แข่งเจ้าตลาดอย่าง
Fortuner / MU-X / Pajero Sport หรือแม้แต่รถที่ขับได้ดีอย่าง Everest
แต่แนวทางที่ไม่ชัดเจนของตัวตน Terra ทำให้ Nissan
ต้องไปทำการบ้านมาใหม่ เพื่อทำให้รถรุ่นนี้กลับมาขายได้ดีกว่าเดิม
การปรับปรุงครั้งใหญ่ เรียกได้ว่ารื้อทำใหม่ทั้งแผงแทบจะทั่วทั้งคัน ส่งผลให้ Terra Facelift 2021 ดูมีอนาคตมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด นี่คือรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวที่ Nissan พยายามชี้แจงว่า มันเป็นยานพาหนะที่พร้อมพาทุกคนไปในทุกเส้นทาง (ถ้าไม่มีโควิดก็น่าจะไปได้แบบนั้นจริงๆ) ภายนอกปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่ เพื่อทำให้ Terra มีแรงดึงดูดมากกว่ารุ่นก่อนปรับโฉม ส่วนงานภายในก็มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด ภายในของ Terra Facelift 2021 ดูเรียบหรูกว่าเดิม แต่ก็ยังคล้ายกับภายในของ Nissan Kicks โดยเฉพาะแผงแดชบอร์ดและโทนสีที่ใช้ในงานตกแต่งห้องโดยสาร การอยู่อาศัยใน Terra รุ่นปรับโฉม มีความสะดวกสบายมากขึ้น สำหรับการเดินทางไกล ด้วยระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์คุณภาพสูง เสริมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย 360 องศา รุ่นสูงสุดพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นชุดส่งกำลังที่มีแรงบิดมากพอ ในการที่จะเอาตัวรอดบนเส้นทางออฟโรด ช่วงล่างที่ปรับปรุงให้สอดรับกับความสบายมากกว่าเดิม เมื่อผมได้ลองขับเป็นครั้งแรกในช่วงเวลาสั้นๆ ก็พบว่า Terra ใหม่ที่ปรับจูนด้วยความตั้งใจจากวิศวกรของ Nissan น่าจะเข้าไปครองใจคนที่กำลังนิยมรถยนต์อเนกประสงค์แนวนี้ไม่มากก็น้อย แล้วมันจะดีแบบที่บอกจริงหรือ?
เวลาที่มีให้แค่วันเดียวกับ Nissan Terra 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,499,000 บาท คงซึมซับรับรู้สัมผัสของ Terra ใหม่ได้ไม่มากเท่ากับการขับทดสอบทางไกล และได้อยู่กับรถเป็นอาทิตย์ การขับของ Terra รุ่นปรับโฉม ถามว่าดีขึ้นมั้ย ก็ตอบว่า ดีขึ้นบางจุด เช่น พวงมาลัยเพาเวอร์สายพานที่ปรับน้ำหนักให้เบามือลงเล็กน้อย เพิ่มเติมความแม่นยำด้วยระยะการหมุนที่กระชับ ทำให้ชุดบังคับเลี้ยวของ Terra ใหม่ ตอบสนองต่อการควบคุมทิศทาง การเลี้ยว และการถอยจอดได้ดีกว่าเดิม ผมยังคงชอบพวงมาลัยไฟฟ้า ซึ่งก็มีอยู่แค่รุ่นเดียวในรถ PPV ของ Ford นั่นก็คือ Everest ส่วน Fortuner / MU-X / Pajero Sport และ Terra ยังคงใช้พวงมาลัยเพาเวอร์สายพานเหมือนกับตัวกระบะ ถามว่า พวงมาลัยไฟฟ้าดีกว่าตรงไหน ก็ขอบตอบแบบตรงๆ ว่า มันควบคุมน้ำหนักของพวงมาลัยแปรผันไปตามความเร็ว ขับช้าๆ ก็เบาสบายข้อมือ ขับเร็วขึ้น น้ำหนักของพวงมาลัยก็จะเพิ่มมากขึ้นตามความเร็วที่ใช้เพื่อทำให้การควบคุมในย่านความเร็วสูงมีความมั่นคงจากน้ำหนักที่ถูกหน่วงโดยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กในปั๊มเพาเวอร์ ซึ่งเชื่อมต่อด้วยเซนเซอร์ที่คอยตรวจจับความเร็วในขณะนั้น
นอกจากความโปร่งโล่งของห้องโดยสาร Terra ใหม่ มีการเก็บเสียงที่ดีขึ้น รวมถึงการทำงานของระบบรองรับที่ดีกว่าเดิมในด้านการส่งถ่ายความนิ่มนวล ผมไม่มีโอกาสได้ลองขับเข้าโค้งบนเส้นทางภูเขา เพื่อจับอาการของโช้คและสปริงใน Terra ใหม่ การวิ่งด้วยความเร็วต่ำในเมือง รถมีอาการโคลงตัวไม่มาก ส่วนความนุ่มนวลที่เกิดจากการปรับตั้งช่วงล่างใหม่ ทั้งค่า K ของชุดสปริง และค่ายืดหรือยุบของโช้คอัพที่ถูกปรับใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้ Terra รุ่นปรับโฉม มีการขับที่นวลเนียนขึ้น อาการกระด้างของ Terra รุ่นก่อนปรับโฉมลดลงไปพอสมควร และเมื่อนำไปวิ่งบนทางวิบากออฟโรด ช่วงล่างและสปริง ที่ปรับมาใหม่ก็น่าจะทำให้รู้สึกสบายมากกว่าเดิม ไว้ยืมรถมายาวๆ การขับบนผิวถนนที่ขรุขระน่าจะจับอาการของ Terra ใหม่ ได้ดีกว่าวิ่งทดสอบอยู่แค่ในกรุงเทพมหานคร
ทำมาเยอะขนาดนี้ แล้ว Terra ใหม่ จะขายได้ดีขึ้นจริงหรือ? พวงมาลัยช่วงล่างที่ปรับมาให้ดีกว่าเดิมทำให้ Dynamic ของรถดีขึ้น บวกกับความอเนกประสงค์ของห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง ที่ตกแต่งมาให้ใหม่ทั้งหมด ทำให้ Terra ใหม่นั้นดูดีขึ้น เป็นความตั้งใจของคนใน Nissan ที่ต้องการเอาชนะรถคู่แข่ง ด้วยอุปกรณ์ที่เหนือกว่า ในราคาที่ถูกกว่า รถคันทดสอบสีแดง และมีภายในที่ใช้โทนสีดำสลับสีแดง เพื่อเพิ่มความหรูหราน่าใช้งาน เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ส่วนเบาะคนนั่ง ยังใช้เบาะปรับมือเหมือนเดิม ถ้าเป็นไฟฟ้าคู่หน้ามาจากโรงงานก็จะดีกว่านี้มากใน Terra รุ่นท็อปสุด ซึ่งเบาะหน้านั้น ควรจะเป็นไฟฟ้าทั้งหมดได้แล้ว เบาะตัดเย็บอย่างสวยงาม เดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง แดชบอร์ดคอนโซลแบบใหม่ สีทูโทน หุ้มไวนิลสีแดงบริเวณกึ่งกลางของคอนโซล ส่วนหน้าจอมอนิเตอร์ขนาด 11 นิ้ว มีกรอบพลาสติกสีดำเงาขนาดใหญ่หุ้มจอภาพเพื่อทำให้ดูเหมือนจอนั้นมีขนาดที่ใหญ่ผิดปกติ ชุดปรับอุณหภูมิดิจิทัลแบบแยกโซนทำออกมาดูหรูหราใช้ได้ ส่วนซุ้มคันเกียร์ก็อุดมไปด้วยพลาสติกเกรดกลาง ที่มีทั้งสีเงิน และสีดำเงา หัวเกียร์พลาสติกหุ้มไวนิลจับถนัดมือใช้ได้ เมื่อผลักคันเกียร์ไปทางซ้าย เกียร์ออโต้ 7 สปีด ก็จะเข้าสู่โหมดเกียร์แมนนวล โดยใช้การโยกคันเกียร์ ขึ้น-ลง เพื่อ ลด หรือเพิ่ม อัตราทดด้วยตัวคนขับเอง Terra ใหม่ ยังมีปุ่มเบรกมือไฟฟ้า ปุ่มใช้งานเมื่อขับขึ้น-ลง ทางลาดชัน ในระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ปุ่มสองตำแหน่งที่อยู่บนสุดก็คือ ปุ่มพับเบาะแบบ one touch ของเบาะหลัง มีเอาไว้กดสั่งพับเบาะแถวสองทั้งสองฝั่ง เผื่อคนแถว 3 ลงจากรถได้ง่ายขึ้น ตอนแรกเห็นปุ่มนี้ก็งงและไม่กล้ากดอยู่เหมือนกัน เพราะไม่แน่ใจว่ามันคือปุ่มอะไร ส่วนปุ่มซ้ายมือด้านล่าง นั่นก็คือปุ่ม diff lock สั่งล็อกล้อหลังเมื่อลุยทางโหดนั่นเอง
รถรุ่นแรกที่ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นบทเรียนของ Nissan ที่จะต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข หลายเรื่องในองค์กรที่ส่งผลต่อการบริหารงาน โดยเฉพาะการเลือกรุ่นรถที่จะเข้ามาขายในไทย น่าจะเลือกให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าไทยมากกว่าที่เป็นอยู่ ดีไซน์ก็มีความสำคัญในการเอาชนะรถคู่แข่ง รถที่สวยงามน่าขับและขับได้ดี จะมีแรงดึงดูดมากกว่ารถที่ขับได้ดีแต่มีความลงตัวในด้านรูปลักษณ์น้อยกว่ารถคู่แข่ง งานออกแบบที่ดีจะช่วยทำให้รถขายได้ดีขึ้น การขับของ Nissan Terra ไม่ได้เป็นรองเบอร์หนึ่งในกลุ่ม PPV อย่าง Fortuner และ Terra ก็มีอุปกรณ์มากกว่า แถมราคายังถูกกว่า MU-X อย่างเห็นได้ชัด แต่บางอย่างของ Terra ที่ยังไม่โดนใจคนไทย ก็เลยต้องมีรุ่นปรับโฉมตามออกมา เพื่อทำให้สามารถขายได้ โดยภาพรวม Terra เป็น PPV ที่ขับได้โอเคเลย มีบางจุดดีกว่ารถคู่แข่ง แต่ไม่สามารถไต่อันดับยอดขายให้แซงหน้า Everest หรือแม้แต่ Pajero Sport ซึ่งกลายเป็นการบ้านที่คนของ Nissan จะต้องกลับไปหาทางแก้ไข ว่าทำอย่างไร ถึงจะให้รถเข้าไปอยู่ในใจคนไทย เมื่อคิดจะเลือก PPV กลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ไม่ได้ทำกันง่ายๆ แค่ปีสองปี
Terra รุ่นปรับโฉมใหม่ เปลี่ยนดีไซน์ด้านหน้าและด้านหลังใหม่หมดเพื่อเพิ่มความเฉียบคมและลงตัวที่ต้องดูดีกว่ารถรุ่นแรก แม้จะดูแข็งทื่อเหมือนเดิม แต่ภาพรวมของงานปรับปรุงทำให้หน้าตาของ Terra ดูดีขึ้น ถ้าจะอวยกันตรงๆก็ได้ความหมายว่า การลงมือปรับหน้าตาใหม่ของ Terra ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนปรับโฉมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะไฟหน้าและกระจังหน้าที่ดูลงตัวขึ้น กระจังที่ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ตามสมัยนิยม เส้นโครเมียมแนวนอนด้านในกระจัง สอดรับกับเส้นสายที่ต่อเนื่องจากฝากระโปรง แผ่นกันกระแทกด้านล่างที่เป็นสีเงิน ตามสไตล์พีพีวี เอสยูวีที่ประกอบในประเทศไทย จุดเด่นของใบหน้าใหม่ก็คือ ไฟหน้า Quad LED 4 ดวง Nissan แจ้งว่า ไฟหน้า LED แบบใหม่ มีประสิทธิภาพการส่องสว่างสูงขึ้นอีก 34% ตัวโคมไฟดีไซน์ให้เพรียวบาง ควบรวม ไฟ Daytime Running Light แบบใหม่ ไฟตัดหมอก LED ประสิทธิภาพสูง ล้อมรอบด้วยแถบโครเมียม ลดการแพร่ความร้อน เพื่อยืดอายุการใช้งาน
บั้นท้ายสไตล์รถอเนกประสงค์ PPV มีชิ้นส่วนที่ถูกออกแบบใหม่หมดเพื่อความลงตัว ไล่จากสปอยเลอร์บนหลังคา ไปจนถึงชายกันชนด้านล่าง ฝาท้ายเพิ่มความหรูโดยใช้วัสดุโครเมียม ชิ้นส่วนสีเงินเข้ามาตกแต่ง ไฟท้ายลดความสูงลงเล็กน้อย เพิ่มความกว้างมากขึ้น เป็น ไฟ LED แบบ Light Guide เส้นคู่ ไฟเบรกแบบ LEDล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ออกแบบให้สอดคล้องกับดีไซน์ภายนอก ล้อใช้สีทูโทนแบบปัดเงา Terra รุ่นปรับโฉม มิติตัวถัง ยาว 4,890 มิลลิเมตร กว้าง 1,865 มิลลิเมตร สูง 1,865 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร ระยะความสูงใต้ท้องรถ 225 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร
ภายในของ Nissan Terra Facelift 2021 มีรูปแบบของงานตกแต่งที่ให้ความหรูมากกว่า Terra ตัวก่อนปรับโฉมอย่างชัดเจน การบ้านที่ตั้งใจทำของทีมงานตกแต่งภายในก็คือ การเลือกใช้โทนสี รูปแบบของเบาะโดยสาร แต่วัสดุภายในยังใช้พลาสติกเกรดกลางๆ แผงหน้าปัดดีไซน์ใหม่แบบกว้างเต็มพื้นที่ ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ หน้าจอ Display Audio แสดงผลแบบสัมผัสใหม่ขนาด 9 นิ้ว หน้าจอโดยล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีดำทำให้ดูเหมือนจอกลางมีขนาดใหญ่เกินความเป็นจริง! ปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกออกแบบใหม่ พร้อมไฟเรืองแสงสีขาว
คอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ มีรูปแบบคล้ายกับคอนโซลของ Nissan Kicks แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า Terra Faclift ติดตั้งระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบอัตโนมัติ แยกการควบคุมอุณหภูมิตามความต้องการของห้องโดยสารแต่ละด้าน ช่องแอร์ครอบคลุมผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง ผู้โดยสารด้านหลังปรับแรงลมได้อย่างอิสระตามความต้องการ
ห้องโดยสารเน้นโปร่งโล่งกว้างขวาง
ออกแบบจุดพับให้สามารถปรับพื้นที่ห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระได้ตามความต้องการ
ที่นั่งแถวที่สอง และสาม ปรับรูปแบบได้หลากหลาย
เช่นการพับที่นั่งให้ราบเสมอกันเพื่อรองรับการบรรทุกสัมภาระได้เต็มพื้นที่
ที่นั่งแถว 2 มีฟังก์ชั่น Auto Tumble Seat ที่คอนโซลกลาง
โดยจะพับอัตโนมัติเบาะแถวที่ 2 อัตโนมัติ เมื่อกดปุ่มจากสวิตช์แบบ
1-Touch Remote Fold & Tumble
เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงของผู้โดยสารแถวที่ 3 แถวที่นั่งแบบ Theatre
Style Seating ไม่บดบังทัศนวิสัยของผู้ขับ
เบาะนั่งแถวที่สามสามารถพับได้แบนราบ เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ เพิ่มฉนวนลดเสียงรบกวนทุกจุดสำคัญของโครงสร้างของรถ เป็นรถรุ่นเดียวในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ PPV ระดับเดียวกันที่มีการติดตั้งกระจกตอนหน้าและประตูคู่หน้าแบบ Acoustic Glass เพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอก
พวงมาลัยสามก้าน ติดตังสวิตช์มัลติฟังก์ชั่น หุ้มหนังแท้ รูปทรง D-shape พวงมาลัยมีการปรับอัตราทดใหม่ ตอบสนองต่อการควบคุมได้ดีขึ้น ปุ่มควบคุมการทำงานของรถ ขยายจอแสดงผลให้มีขนาด 7 นิ้ว สามารถปรับตั้งการทำงานของระบบต่างๆ ได้ผ่านปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย มีให้เลือกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เครื่องเสียง Bose
คอนโซลกลางบริเวณซุ้มเกียร์ดีไซน์ใหม่ และเปลี่ยนมาใช้เบรกมือไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น VL 2WD และ VL 4WD) เพิ่มพื้นที่ใช้สอยบริเวณคอนโซลกลาง รวมถึงสามารถเพิ่มพื้นที่ที่วางแขนพร้อมช่องเก็บของที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ฝาประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์ด้านใต้กันชนหลัง (Auto Lift Gate)* เพื่อความสะดวกในการเปิด-ปิด เพียงแค่ยื่นเท้าเข้าหาบริเวณกึ่งกลางของกันชน โดยไม่ต้องสัมผัสสวิตช์ที่ประตู และมีระบบป้องกันการหนีบเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
ระบบเสียงรอบทิศทางจาก Bose Premium Audio System (ในรุ่น VL) ซึ่งนิสสันร่วมกับ Bose ออกแบบการจัดวางลำโพงทั้ง 8 ตำแหน่ง และแอมพลิฟายเออร์ ให้เสียงคุณภาพสูงทำให้ทุกคนในห้องโดยสารเพลิดเพลินตลอดการเดินทางครั้งแรกกับเทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger) ให้กำลังการชาร์จไฟสูง 15 วัตต์ ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลหน้า เพียงแค่วางสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ที่รองรับก็สามารถชาร์จได้ทันที พร้อมไฟแสดงสถานะการชาร์จตลอดเวลา หมดปัญหาเรื่องพกพาสายชาร์จ หรือช่องชาร์จแบบ USB ไม่เพียงพออีกต่อไป
นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ เป็นผู้นำเทคโนโลยี Intelligent Rear View Mirror มาใช้เป็นรายแรก ติดกล้องความละเอียดสูงที่กระจกบานหลัง ให้จุดเด่นด้านความปลอดภัยตลอดการขับขี่ เสริมทัศนวิสัยที่ดีขึ้นในทุกสภาพอากาศ สามารถปรับมุมมองได้ตามความต้องการของผู้ขับ เพิ่มความชัดเจนแม้มีผู้โดยสารตอนหลัง หรือ สัมภาระขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังให้มุมมองที่กว้างกว่ากระจกมองหลังทั่วไป ให้ความชัดเจนแม้ในขณะฝนตกหนัก หรือแม้กระทั่งรถที่ติดฟิล์มมืดสนิทกว่าปกติ
การเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย (Wireless Apple CarPlay)
เพิ่มความสะดวกอย่างปลอดภัยตลอดการขับขี่ สามารถใช้งาน Apple CarPlay
ผ่านบลูทูธได้โดยไม่จำเป็นต้องต่อสายชาร์จอีกต่อไป
ให้อิสระสำหรับผู้โดยสาร
ไม่ว่าจะนั่งอยู่ตำแหน่งใดก็ใช้งานได้โดยไม่ต้องวางโทรศัพท์ไว้ด้านหน้า
ใช้งานแอปพลิเคชันและเข้าถึงความบันเทิงต่างๆ
ในโทรศัพท์ผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว
NissanConnect เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับ Apple CarPlay และ Android Auto
รองรับการใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์ ผ่านหน้าจอสัมผัสระบบเครื่องเสียง
Display Audio ใหม่ขนาด 9 นิ้ว ลดแสงสะท้อนของหน้าจอ
หน้าจอแบบใหม่ความละเอียดสูงกว่าเดิม ระดับ WXGA (1024x768) ระบบนำทาง
(Navigation System) และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice
Recognition)
จอมอนิเตอร์ดูหนังขนาดใหญ่ 11 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สามารถสตรีมมิงช่องโปรด เช่น NetFlix และ YouTube ผ่านช่อง HDMI ได้อย่างง่ายดาย พร้อมช่องชาร์จไฟที่ช่วยให้ความบันเทิงไม่มีสะดุดตลอดการเดินทาง Terra รุ่นปรับโฉม มีช่องชาร์จ USB สำหรับผู้โดยสารแถวที่สาม เมื่อมองดูที่จุดชาร์จอุปกรณ์มือถือทั้งคัน มี USB-A 3 จุด และUSB-C 2 จุด รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ และการชาร์จแบตเตอรี่
Nissan Terra รุ่นปรับโฉม ใช้เครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร (Nm) ตั้งแต่ 1,500 รอบต่อนาที เนื่องจากการทำงานของเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบนี้ ถูกปรับให้มีแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานลดลง เสียงรบกวนที่เข้ามาในห้องโดยสารก็ลดลงจากมาตรการติดตั้งวัสดุซับเสียง ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด (M mode) รองรับน้ำมันดีเซลทุกชนิดทั้ง B7, B10 และ B20 และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 20,000 กิโลเมตร
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Nissan Terra
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 (4WD) เปลี่ยนจากการขับขี่แบบสองล้อ หรือ
two-wheel drive (2H) เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ four-wheel drive
ได้ทั้ง 4H และ 4L ผ่าน Rotor Switch ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง พร้อม
ฟังก์ชัน shift-on-the-fly ปรับเปลี่ยนได้ขณะขับขี่ จาก 2H เป็น 4H
ขณะรถวิ่งไม่เกิน 100 กม./ชม. โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบความเร็วต่ำ
low range four-wheel drive หรือ 4LO
สำหรับการขับขี่บนพื้นที่ทุรกันดาร เช่น ทราย โคลน ลุยน้ำ
ปีนขึ้นที่สูงชัน หรือลงในเส้นทางลาดชัน มาพร้อมระบบ Electronic
Locking Rear Differential (Diff-Lock)
ช่วยกระจายกำลังไปยังล้อหลังทั้ง 2
ข้างเพื่อเสริมกำลังฉุดให้ขับออกจากหล่มหรือในสถานการณ์ที่ต้องการแรงบิดสูงในโหมด
4L
ระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) ระบบจะส่งแรงไปยังล้อที่ลื่นไถลให้การออกตัวที่ลื่น พร้อมกระจายแรงขับขี่ไปที่ล้อแต่ละข้างเมื่อขับขี่ในโหมด 4H
Terra รุ่นปรับปรุง มีการเสริมยางกันกระแทกที่ติดตั้งระหว่างตัวถัง
และแชสซีส์ 10 จุด ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่
พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ 5 ลิงก์
(5-Link) พร้อมคอยล์สปริง ลดการสะเทือน
และช่วยให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนเต็มพื้นที่ ระบบเบรกใหม่
ดิสก์เบรกหน้า และ หลัง พร้อมครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ
ปรับปรุงอัตราทดพวงมาลัยให้ตอบสนองได้ไวขึ้น มีระยะการหมุนที่ลดลง
ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ทั้งในความเร็วต่ำ การเปลี่ยนช่องทาง
หรือเข้าโค้ง
360° Safety Shield ระบบความปลอดภัย (360° Safety Shield Technology) เทคโนโลยีความปลอดภัยของ Terra รุ่นปรับโฉม กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ทำงานทันทีที่เริ่มขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้มองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน กล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และแสดงผลเป็นภาพมุมสูงแบบ Bird’s-eye View ผ่าน หน้าจอเครื่องเสียงกลางคอนโซลขนาด 9 นิ้ว ทำงานร่วมกับระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ทำหน้าที่ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลหรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ โดยจะปรากฏบนหน้าจอกลางคอนโซล สำหรับ นิสสัน เทอร์ร่า รุ่น 4WD เพิ่มระบบ Off-Road Mode เมื่อเปิดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ช่วยเพิ่มมุมมองรอบตัวรถขณะขับออฟโรด รวมถึงการทำงานร่วมกับ Parking Sonar ที่ติดตั้งเซนเซอร์ที่กันชนหน้า 4 จุด และกันชนหลัง 4 จุด เมื่ออยู่ในเกียร์ D และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 km/h ทันทีที่เซนเซอร์ตรวจพบวัตถุ จะส่งเสียงเตือนและระบบ IAVM จะแสดงภาพโดยอัตโนมัติที่หน้าจอแสดงผลส่วนกลาง
ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชน (Intelligent Forward Collision Warning - IFCW)ระบบจะส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด หากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า เมื่อเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป ระบบสามารถตรวจจับได้ถึงรถคันที่สองที่อยู่ต่อจากคันหน้า
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Braking – IEB)
เมื่อตรวจพบว่ารถกำลังออกนอกช่องทางขับขี่
และเสี่ยงต่ออุบัติเหตุจากด้านข้าง โดยที่ไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว
ระบบจะส่งสัญญาณเสียงและไฟที่หน้าปัด
เพื่อเตือนให้รู้ว่ารถกำลังออกนอกช่องทาง
ระบบเตือนผู้ขับเมื่อรู้สึกถึงการขาดสมาธิหรือเหนื่อยล้า (Intelligent Driver Alertness - IDA)ระบบนี้จะส่งเสียงพร้อมข้อความเตือนบนหน้าจอ เพื่อให้ผู้ขับจอดพัก หากตรวจพบลักษณะการขับขี่ที่แสดงถึงการขาดสมาธิ หรือเหนื่อยล้า
นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยแบบ Passive Safety เช่น
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ป้องกันไม่ให้รถไหลขณะออกตัว ขณะที่ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ป้องกันไม่ให้รถไถลเมื่อขับลงทางลาดชันสูง โดยใช้กำลังเครื่องยนต์ช่วยหน่วงความเร็วและไม่ต้องเหยียบเบรกช่วย
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control (TCS)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัจฉริยะ Vehicle Dynamic Control
(VDC)TCS พ่วงVDC
ที่ช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัวของรถขณะหักหลบกะทันหัน
ระบบเบรก ABS, EBD และ B-LSD
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System – ABS)
ระบบกระจายแรงเบรก (Electric Brake Force Distribution System – EBD)
ระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD)
ไฟเบรกดวงที่สามพร้อมไฟ LED
ถุงลม SRS คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง
เพื่อช่วยลดความรุนแรงที่เกิดจากการชนทั้งด้านหน้าและด้านข้างให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and
Load Limiter Seatbelts) เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า ELR
แบบสามจุด ELR ดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ
ปรับระดับได้ตามขนาดร่างกายของผู้โดยสารแต่ละคน
เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลัง ELR แบบสามจุดสามตำแหน่งที่นั่ง
จุดยึดเบาะที่นั่งเด็กแบบ ISOFIX
โครงสร้างนิรภัย (BODY REINFORCEMENT)
Terra รุ่นปรับโฉม มิติตัวถัง ยาว 4,890 มิลลิเมตร กว้าง 1,865 มิลลิเมตร สูง 1,865 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร ระยะความสูงใต้ท้องรถ 225 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร
Nissan Terra Facelift 2021 มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่:
• 2.3 E 2WD 7AT ราคา 1,199,000 บาท
• 2.3 VL 2WD 7AT ราคา 1,449,000 บาท
• 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,499,000 บาท
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สีได้แก่
สีขาว ไวท์ เพิร์ล (White Pearl)
สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver)
สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star)
สีเทา ทไวไลท์ เกรย์ (Twilight Gray)
รุ่น VL (VL 2WD และ VL 4WD) มีสีพิเศษเพิ่ม ได้แก่
สีแดง คูลีส์ (Coulis Red)
สีทองแดง ฟอร์จ คอปเปอร์ (Forged Copper)
พร้อมทางเลือกตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบทูโทน ทั้งโทน
สีดำ-แดงเบอร์กันดี (Burgundy) หรือ โทน สีดำ-เบจ (เฉพาะรุ่น VL 2WD
และ VL 4WD)
Nissan Terra Facelift 2021 มาพร้อมชุดแต่ง เช่น คิ้วขอบประตู,
ครอบฝาถังน้ำมัน, แป้นวางเท้าแบบสปอร์ต รวมถึงปลอกปลายท่อไอเสีย
ฯลฯ.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
คุณกำลังดู: สัมผัสแรก NISSAN TERRA FACELIFT 2021
หมวดหมู่: รถยนต์