สั่น สตาร์ตยาก สารพันเรื่องกับการสตาร์ตรถ ติด ไม่ติด ดังแปลกๆ คืออะไร?

ส่องอาการสตาร์ตเครื่องยาก ติดๆ ดับๆ สั่น สาเหตุและวิธีแก้ไขเพื่อเอาตัวรอดเฉพาะหน้า

สั่น สตาร์ตยาก สารพันเรื่องกับการสตาร์ตรถ ติด ไม่ติด ดังแปลกๆ คืออะไร?

สารพันเรื่องกับการสตาร์ตรถ ติด ไม่ติด ดังแปลกๆ คืออะไร?

ในวันที่ชีวิตสมบูรณ์แบบ เมื่อคุณขึ้นรถ แล้วบิดกุญแจหรือกดปุ่มสตาร์ตรถ คุณต้องคาดหวังที่จะได้ยินเสียงการติดของเครื่องยนต์ที่เหมือนถูกปลุกลุกขึ้นมาแล้วพร้อมออกรบได้ทันที ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็อาจเป็นไปได้ว่า หนึ่ง คุณลืมไปหรือเปล่าว่าคุณใช้รถไฮบริดหรือรถไฟฟ้าอยู่? หรือสอง มีบางอย่างที่สุดแสนเฮงซวยเกิดขึ้นกับคุณในวันนี้ ซึ่งนั่นคือปัญหาที่เราจะนำมาไขกันต่อไป

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ส่วนมาก อาการกดสตาร์ตแล้วรถไม่พร้อมให้ใช้งาน ยังเป็นเรื่องที่พบเจอไม่เยอะนัก เมื่อพบแล้วในบางครั้งก็เกินกว่าปัญญาอย่างเราจะไปทำอะไรได้ หรือบางทีก็มีไสยศาสตร์ในรถไฟฟ้า จอดทิ้งไว้แล้วเรียกช่างมา ตอนช่างไม่มา รถไม่ตอบสนองใดๆ แต่พอช่างมาปุ๊บ พ่อเจ้าประคุณเล่นติดวี้...ครางอย่างมีความสุขท่ามกลางความเคืองของเจ้าของรถ

แต่สำหรับรถยนต์เครื่องสันดาปภายใน อาการสตาร์ตไม่ติด หรือมีอาการขัดข้องในยามสตาร์ตนั้น คุณไม่ต้องรอให้รถเก่าหรอกครับ เพราะรถใหม่ๆ ก็มีโอกาสพบเจอได้เช่นกัน และไม่ได้จำเป็นจะต้องเป็น Defect จากการผลิตเสมอไป ปัญหาในการสตาร์ต เกิดจากอะไรได้บ้าง แท้จริงแล้วมีหลายอย่าง แต่ผมจะลองยกตัวอย่างเท่าที่สามารถทำได้นะครับ

แบตเตอรี่กลับบ้านเก่า
เมื่อรถสตาร์ตไม่ติด สาเหตุอันดับหนึ่ง..ไม่ใช่แค่ไทยด้วยนะ แต่เป็นทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ก็คือกำลังไฟจากแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ ซึ่งส่วนมากก็มักจะเกิดจากการเสื่อมสภาพของตัวแบตเตอรี่เอง คุณคงคาดไม่ถึงว่าในบรรดาคนที่ซื้อรถใหม่น่ะ มีบางคนไม่ทราบว่าแบตเตอรี่ที่ติดรถมาจากโรงงานนั้น บางลูกมีอายุใช้การแค่ 18 เดือน ก็เริ่มออกอาการแล้ว ในขณะที่แบตเตอรี่ลูกเล็กส่วนใหญ่ที่ใส่กับรถญี่ปุ่นขนาดเล็ก หลายยี่ห้อเท่าที่ผมลองมาอยู่ได้นาน 2 ปี แต่ไม่แนะนำให้เสี่ยงรอถึงปีที่สามครับ เปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนเถอะเมื่ออายุแบตเตอรี่ครบสองปี โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่เวลาไปทำงานต้องจอดรถในลานเปลี่ยวๆ แล้วกลับบ้านดึก

อาการของรถที่ไฟแบตเตอรี่ไม่เพียงพอแล้วบิดสตาร์ต ขั้นเบาสุดคือไดสตาร์ตหมุนแล้วอ่อนแรงลงในทันทีจนรถสตาร์ตไม่ได้ ขั้นต่อมาคือสตาร์ตแล้วมีเสียงแกรกแบบลากยาว ขั้นถัดไปน่ะหรือ? ก็จะเป็นเสียงแชะ! สั้นๆ เมื่อสตาร์ตแล้วไม่มีอะไรมากกว่านั้น ขั้นเทพสุดคือ แค่บิด ON เพื่อเปิดระบบไฟฟ้าในรถ ก็ส่ออาการแล้ว ไฟหน้าปัดมืดผิดปกติ จอเครื่องเสียงไม่ติด อะไรทำนองนี้ คุณสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ หากมีสายจัมป์สตาร์ตติดรถไว้ ยืมรถใครสักคนมาจัมป์สตาร์ตให้ ก็พอที่จะขับไปร้านแบตเตอรี่เพื่อเปลี่ยนได้ครับ

การจัมป์สตาร์ตนั้น สายจัมป์ที่ใช้ ก่อนซื้อ คุณลองแหกสายดูขดลวดทองแดงของมันนะครับ ถ้าหากขดลวดเล็กแค่ 2-3 มิลลิเมตร บางทีมันก็ไม่พอที่จะส่งไฟ เลือกแบบสายใหญ่ๆ หนักๆ หัวหนีบโตหนีบแน่นๆ สายทองแดง 4-5 มิลลิเมตรขึ้นไป จะส่งไฟได้เต็มกำลังกว่า และขอเตือนสำหรับท่านที่ใช้รถยุโรป อย่าจัมป์สตาร์ตนะครับถ้าคุณไม่รู้ว่า “รถรุ่นนั้น” ต้องหนีบขั้วบวกขั้วลบตรงไหน อย่าว่าแต่ยุโรปเลย รถญี่ปุ่นรุ่นแพงๆ หนีบจุดจัมป์แบบรถทั่วไป เพราะคิดว่าใช้ได้เหมือนกัน พอสตาร์ตปุ๊บ กล่องช็อต พัง ต้องจ่ายหลายหมื่น

บางครั้ง ถ้าคุณพบว่า เอ๊ะ แบตเตอรี่ฉันก็เพิ่งใช้มาไม่ถึงปี ทำไมถึงหมดได้ มันหมดเพราะมีการใช้ไฟครับ บางคน เปิดไฟส่องสว่างในเก๋งไว้แล้วปิดประตูรถไม่สนิท ไฟติดอยู่อย่างนั้นข้ามวัน ก็เป็นเหตุให้ไฟหมดได้ หรือหากมั่นใจว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างปิดหมดแล้ว ก็เป็นไปได้ว่ามาจากอาการไฟรั่วครับ ต้องให้ช่างร้านไดนาโมหรือช่างที่เชี่ยวชาญไฟฟ้ารถยนต์ไล่หาทีละจุดไป

ระบบจ่ายน้ำมันบกพร่อง
ขึ้นชื่อว่ารถสันดาปภายใน ถึงมีไฟ แต่ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิง ยังไงก็ไม่มีทางสตาร์ตติด แล้วเราจะฟังยังไงล่ะว่า อันไหนคือสตาร์ตไม่ติดเพราะน้ำมัน หรือเพราะแบตเตอรี่? ง่ายมากครับ ฟังเสียงของไดสตาร์ต หรือไอ้ตัวที่มันหมุนๆ เพื่อปั่นเครื่องตอนคุณบิดกุญแจนั่นแหละครับ โดยมาก ถ้าหากเสียงไดสตาร์ตดังเหมือนตอนรถมันปกติ แต่รถไม่ยอมสตาร์ตติด นั่นก็คือ มีโอกาสเป็นไปได้ว่า น้ำมันครับ น้ำมันไม่เข้าสู่ห้องเผาไหม้

เวลาคุณสตาร์ตรถ ลองบิด ON แล้วรอสัก 3-4 วิสิครับ คุณจะได้ยินเสียงวื้ดเบาๆ นาน 2-3 วินาที แล้วก็ดังแต๊กเบาๆ จากนั้นทุกอย่างเงียบ เสียงที่ว่านี้ ก็คือเสียงการทำงานของปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าคุณลองบิด ON แล้วยังมีเสียงดังกล่าวอยู่ แปลว่า ปั๊มเชื้อเพลิงยังทำงาน แต่ถ้าเงียบสนิทเลย ก็เป็นไปได้ว่าปั๊มเชื้อเพลิงไม่ทำงาน อันมีสาเหตุได้จาก ฟิวส์สำหรับปั๊มเชื้อเพลิงนั้นขาด (ลองเปิดคู่มือรถดูแผนผังฟิวส์ แล้วหา Fuel Pump ว่าใช้ฟิวส์กี่แอมป์ คุณลองมองหาว่ามันมีอุปกรณ์ไหนอีกที่ใช้ฟิวส์แอมป์เท่ากัน (5, 10, 15, 20, 25 หรือ 30 แล้วแต่ยี่ห้อรถ) ถ้ามันมี แล้วฟิวส์อันนั้นไม่ได้ไปผูกกับ Engine Management, IGN หรือระบบจุดระเบิด ก็ลองจิ๊กมาเสียบแทนช่อง Fuel Pump ดูครับ ถ้าสตาร์ตติด แปลว่าฟิวส์ขาด ก็แค่หาเปลี่ยนใหม่

แต่ถ้าไม่ใช่ บางทีก็เกิดจากการที่สายไฟบริเวณหัวปั๊มเชื้อเพลิงนั้นไหม้หรือช็อต พบมากในรถเก่าอายุ 20 ปีขึ้นไป ถ้าทำไม่เป็น ก็ให้ช่างรื้อแล้วต่อสายไฟใหม่ให้เรียบร้อย ปัญหาก็จบครับ นอกจากเรื่องนี้แล้ว ปัญหาที่อาจส่งผลให้ระบบจ่ายน้ำมันบกพร่องได้ ยังรวมไปถึง เซนเซอร์บางตัวที่เครื่องยนต์นั้นเสีย โดยเฉพาะเซนเซอร์เพลาข้อเหวี่ยง (Honda บางรุ่นมักเป็น) ทำให้กล่องสมองกลของรถไม่รู้ว่าเครื่องกำลังหมุนท่าไหน

ถ้าคุณได้กลิ่นน้ำมันฉุนจัดเวลาบิดสตาร์ต ก็อาจเป็นไปได้ว่ายางที่สายส่งน้ำมันมีการเสียหาย เช่น โดนหนูแทะ ทำให้น้ำมันรั่ว แรงดันในระบบทางเดินน้ำมันเพี้ยนและส่งผลให้ค่าต่างๆ เพี้ยนไปด้วย ส่วนระบบหัวฉีดนั้น เวลาพัง มักไม่พังพร้อมกันทุกหัวครับ แล้วเวลาสตาร์ตรถจะติด แต่เวลาเดินเบา จะสั่นเป็นจังหวะตู้มๆๆๆ เครื่องยนต์โยกสั่นกว่าปกติ ลองดึงปลั๊กหัวฉีดทีละปลั๊กตอนเครื่องติด ถ้าปลั๊กไหนดึงแล้วเครื่องเดินช้าลงใกล้ดับ ปลั๊กนั้น ไม่ใช่ต้นเหตุ ไอ้ตัวต้นเหตุคือตัวที่ดังปลั๊กแล้วไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ ขึ้น

แล้วก็รบกวน อย่าลืมต้นเหตุปัญหาระดับเบสิกสุดๆ...คือน้ำมันในถังไม่พอครับ หลายกรณี เราจะเจอบางท่านที่วิ่งรถจนน้ำมันขึ้นไฟเตือน แล้วก็ยังวิ่งต่อไปอีก 40-50 กิโลเมตร คือว่า..น้ำมันในถังน่ะ มันมีเหลือครับ แต่ไอ้ตัวดูดน้ำมันของรถบางรุ่น บางทีมันก็ไม่ได้แตะก้นถังน้ำมัน ยกลอยตัวนิดๆ เวลาคุณจอดคาบนสะพาน หรือจอดที่เอียงหน่อย ก็ส่งผลให้สตาร์ทไม่ติดแล้วครับ

ระบบจุดระเบิดบกพร่อง (รถเบนซิน)
การบกพร่องของระบบจุดระเบิด คล้ายกับระบบน้ำมันตรงที่ หนูแทะสายไฟที่เข้าตัวกล่องสมองกลเครื่องยนต์สักเส้น รถก็ออกอาการวิปริตได้แล้ว เพราะสายไฟนั้นเหมือนคนจดออเดอร์อาหาร สมองกลก็เหมือนครัว คนจดไม่เอาอะไรมาส่ง คนที่ครัวก็จะได้แต่แบ๊ะแบ๊ะแบ๊ะ นอกจากหนูแทะสายไฟแล้ว บางทีตัวกล่องสมองกลช็อตชำรุดเอง ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจะเกิดครับ

รถเบนซิน ทำการจุดระเบิดส่วนผสมน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศ..ด้วยประกายไฟจากหัวเทียน ซึ่งไฟนี้ไม่ได้เสกมาโดยเทพ แต่มาจากสิ่งที่เรียกว่าคอยล์จุดระเบิด ในรถยุคเก่าอายุ 25 ปีขึ้นไป มักจะใช้คอยล์จุดระเบิดเพียงตัวเดียว รับผิดชอบเครื่องยนต์ทั้งหมด เวลาคอยล์จุดระเบิดเสีย จึงพาให้จุดระเบิดไม่ติดเลยสักลูกสูบเดียว เวลาสตาร์ต ไดสตาร์ตหมุนแรง แต่รถไม่ติดสักที

อย่างไรก็ตาม หากเป็นรถยุคใหม่ 10 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน มักจะใช้คอยล์จุดระเบิดแบบแยก คือสูบใครสูบมัน เอาคอยล์จุดระเบิดไปโปะไว้บนกบาลหัวเทียนเลย ถ้าสมมติคอยล์เสื่อมสักตัว อาการรอบเดินเบาจะสั่นและส่งเสียงเครื่องตู้มๆๆๆ เดินไม่เต็มสูบ วิธีการหาว่าคอยล์ตัวไหนพัง ก็ใช้วิธีลองปลดทีละตัวแล้วสตาร์ตเครื่อง ถ้าตัวไหนมีปัญหา เวลาปลดแล้ว เครื่องยนต์จะยังเดินสั่นเหมือนเดิม ..ถ้าฟังดูคุ้นๆ ก็ใช่แหละครับ คล้ายวิธีการหาว่าหัวฉีดไหนเสีย เพียงแค่เปลี่ยนจากปลั๊กหัวฉีดเป็นตัวคอยล์จุดระเบิดแค่นั้นเลย

ปัญหาจากฟิวส์ขาด ก็เป็นไปได้เช่นกันครับ ระบบจุดระเบิดของรถเก่าบางรุ่น จะมีฟิวส์แยกออกมาและใช้คำว่า IGN หรือ Ignition System แปะบอกไว้บนแผนผังฟิวส์ครับ

สิ่งที่ผมอธิบายให้ฟังไป แม้แนวโน้มของท้ายเรื่องจะจบที่ “ยังไงก็ต้องพึ่งพาฝีมือช่าง” แต่ในบางกรณีที่คุณพอมีความรู้ กล้าประกอบเฟอร์นิเจอร์ ส่วนประกอบบางส่วนของรถก็ไม่ได้ต่างจากการประกอบเฟอร์นิเจอร์ แค่คุณต้องระวัง เช็กให้รอบคอบก่อนปิดจ๊อบ บางที การที่คุณสามารถหาพบว่าอะไรคือจุดที่เสีย เดี๋ยวนี้ร้านอะไหล่จำนวนมาก สามารถส่งของถึงรั้วบ้านให้คุณซ่อมเองได้ แค่มีภาพไกด์แนวทางสักหน่อย เช่นฟิวส์เนี่ย พวกฟิวส์แผงเล็กนั้นไม่ได้ยากต่อการทำเองเลย

พูดอย่างนี้ เพื่อนๆ ที่เป็นช่างยนต์อาจจะให้นิ้วผมก็ได้ โทษฐานไปลดจำนวนลูกค้าเขา แต่ต้องขออภัย เพราะในยุคนี้ อะไรที่พอจะประหยัดได้ เราก็อยากประหยัดล่ะครับ สิ่งที่สามารถทำเองได้เพียงมีเครื่องมือที่อำนวย เช่นแบตเตอรี่ บางทีคุณยืมรถเมียขับออกไปหิ้วมาใส่เอง ประหยัดไปหลักร้อยสบายๆ จะได้เก็บไว้กินกาแฟแพงๆ ยังไงล่ะครับ ฮ่า..

Pan Paitoonpong

คุณกำลังดู: สั่น สตาร์ตยาก สารพันเรื่องกับการสตาร์ตรถ ติด ไม่ติด ดังแปลกๆ คืออะไร?

หมวดหมู่: เคล็ดลับยานยนต์

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด