ส่องจุดสลบ จบที่ซีอาร์-วี! ทดสอบ HONDA CR-V 2.4 ES AWD FACELIFT 2020

ทดสอบครอสโอเวอร์ยอดนิยม Honda CR-V 2.4 ES Facelift 2020 เครื่องเบนซิน 2.4 ลิตร 173 แรงม้า 224 นิวตัน-เมตร ราคา 1,529,000 บาท

ส่องจุดสลบ จบที่ซีอาร์-วี! ทดสอบ HONDA CR-V 2.4 ES AWD FACELIFT 2020

CR-V เจนแรกโผล่ออกมาลืมตาดูโลกเมื่อปี 1996 หรือกว่า 23 ปีมาแล้ว ปัจจุบัน CR-V โฉมล่าสุด เดินทางมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 5 กับรถรุ่น Facelift เวอร์ชั่นปรับโฉม ที่มีการปรับเพิ่มความสดใหม่ของรูปลักษณ์ภายนอก เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายหลัง จากรถรุ่นเจน 5 ออกมาวาดลวดลายตั้งแต่ปี 2017 CR-V มักเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ ที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับรถคู่แข่ง หากคุณกำลังมองหารถอเนกประสงค์แนวครอสโอเวอร์ 5-7 ที่นั่ง คุณจะพบกับรถเด่นๆ อย่าง Subaru Forester รถที่ขับง่ายขับสบายอย่าง Nissan X-Trail หรือตัวหรูราคาประหยัดอย่าง MG HS หากคุณเป็นคนชอบขับ ชอบเดินทางไกล ก็อาจมองไปที่ Mazda CX-5 คุณจะเห็นรถยุโรปที่พยายามทำราคาเพื่อเอาชนะรถญี่ปุ่นอย่าง Peugeot 5008 การเลือกซื้อรถยนต์อเนกประสงค์ราคา 1.5 ล้านบาท จุดสำคัญก็คือ อุปกรณ์และออปชันที่ใส่มาให้ ความสะดวกสบาย รวมถึงราคาค่าตัวและความคุ้มค่าในการใช้งาน เจ้า CR-V เป็นรถยนต์ครอบครัวที่ Honda ให้ความสำคัญมาโดยตลอด การเป็นรถรุ่นขายดีของ Honda ทำให้รุ่นปรับโฉม 2020 มีอุปกรณ์ที่ครบเครื่องมากกว่าเดิม เช่น หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบ Panoramic ไฟเลี้ยวหน้าแบบ LED Sequential ระบบความปลอดภัย Honda SENSING ระบบเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ที่เรียกว่า Honda CONNECT เจ้า CR-V ยังมีเครื่องยนต์สองแบบให้เลือกเหมือนเดิม นั่นก็คือ รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรดีเซล เทอร์โบ และเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร พร้อมระบบขับเคลื่อน AWD เมื่อปีที่ผ่านมา (2019) CRV ทำยอดขายรวมทั้งสิ้น 10,933 คัน โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มมากถึง 50.0% ครองแชมป์รถอเนกประสงค์ไซส์กลางของประเทศไทยไปแบบชิลๆ

Honda CR-V 5 รุ่นปรับโฉม 2020 ราคา
เครื่องยนต์ดีเซล รุ่น DT-EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,759,000 บาท
เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,579,000 บาท
เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 E 7 ที่นั่ง ราคา 1,419,000 บาท
เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 ES 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,529,000 บาท (คันทดสอบ)
เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 S 5 ที่นั่ง ราคา 1,369,000 บาท

สีตัวถัง 5
สีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก)
สีดำคริสตัล (มุก)
สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สี
ขาวแพลทินัม (มุก)
สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)

CR-V 2.4 ES AWD 2017

CR-V 2.4 ES AWD Facelift 2020

หน้าใหม่ของ CR-V มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่โฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิม สำหรับ CR-V รุ่นปรับโฉม 2020 มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนภายนอกหลักๆ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนปรับโฉมก็ คือ

หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) พร้อมระบบเปิด-ปิดแบบ One-Touch รอมานานได้มาซะทีสำหรับคนที่ชอบหลังคากระจกไฟฟ้าใส่มาให้ก็เท่ดี แต่ใช้งานจริงคงแทบจะไม่ได้เปิดเพราะขับในเมืองเจอทั้งร้อนและฝุ่น

CR-V 2.4 ES AWD 2017

CR-V 2.4 ES AWD Facelift 2020
กระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ กระจังใหม่ทำจากพลาสติกสีดำเงา ช่องรับอากาศเข้าไประบายความร้อนออกแบบคล้ายรังผึ้ง กันชนหน้าใช้ชิ้นงานพลาสติกโครเมียมตกแต่งบริเวณกรอบไฟตัดหมอก LED เพื่อให้ดูสวยงามมากกว่าเดิม

CR-V 2.4 ES AWD 2017

CR-V 2.4 ES AWD Facelift 2020
ฝากระโปรงท้ายตกแต่งด้วยโครเมียมรมดำและไฟท้ายรมดำ ชิ้นงานพลาสติกครอบใต้กระจกฝาท้าย ใช้พลาสติกโครเมียมรมดำ ไฟท้ายรมดำ

CR-V 2.4 ES AWD 2017

CR-V 2.4 ES AWD Facelift 2020
ไฟหน้าแบบ FULL LED ไฟหน้าของ CR-V แม้จะไม่มีระบบอัตโนมัติ แต่ให้แสงสว่างที่ครอบคลุม และมีกำลังในการส่องสว่างไกลพอใช้

CR-V 2.4 ES AWD 2017

CR-V 2.4 ES AWD Facelift 2020
ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Light - DRL) พร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential และไฟท้าย FULL LED

CR-V 2.4 ES AWD 2017

CR-V 2.4 ES AWD Facelift 2020
ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตใหม่ขนาด 18 นิ้ว 18x7.5J ล้อลายใหม่คล้ายล้อของ MINI สวยงามและล้างทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนยางติดรถคันทดสอบใช้ยางเนื้อนิ่มของ toyo tires รุ่นproxes ไซส์ 235/60R18

สำหรับระบบความปลอดภัยHonda SENSING ที่ติดตั้งมาให้ ได้แก่

ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)

CR-V ใหม่ มีมิติตัวถังที่ใกล้เคียงกับรุ่นที่แล้วแต่มีรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น สัดส่วนความยาว 4,571 มิลลิเมตร กว้าง 1,855 มิลลิเมตร สูง 1,667 มิลลิเมตร ฐานล้อวัดจากดุมหน้าไปถึงดุมหลัง 2,660 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,657 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หลัง 1,667 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องน้อยกว่า PPV-SUV โดยมีระยะห่างจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถอยู่ที่ 208 มิลลิเมตร พอที่จะลุยน้ำท่วมสูง 30 เซนติเมตร เครื่องยนต์รุ่นเบนซิน 2.4 ลิตรมีน้ำหนัก 1,670 กิโลกรัม ตัวเบากว่ารุ่นดีเซลที่หนักถึง 1,742 กิโลกรัม ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) (ทุกรุ่น) ควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมท ปรับระดับความสูงของการเปิดฝากระโปรงท้ายได้ ช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับการใช้งานได้ 3 แบบ

Honda CR-V ไม่ใช่เอสยูวีแบบลุยเต็มสูบ มันคือครอสโอเวอร์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD เป็นแบบ Real Time การสั่งงานให้เฟืองล้อหลังรับแรงบิดจากเครื่องยนต์ขึ้นตรงกับ ECU ที่ควบคุมระบบขับเคลื่อน 4WD ซึ่งเป็นการสั่งงานด้วยเซนเซอร์ คนขับไม่สามารถกดปุ่มสั่งให้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทำงานได้! ในยามปกติ มันจะขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า ต่อเมื่อนำไปลุยเล็กๆ น้อยๆ แล้วล้อหน้าเกิดอาการปั่นฟรีทิ้ง เซนเซอร์ที่วิเคราะห์แรงบิดในระบบขับเคลื่อนจะสั่งให้เฟืองทดกำลังส่งแรงบิดไปยังล้อหลังเพื่อชดเชย และเอาตัวรอดจากทางวิบากเครื่องเบนซินแถวเรียง 4 กระบอกสูบ i-VTEC ความจุ 2,356 ซีซี มีพื้นฐานเดียวกับ CR-V เครื่องเบนซินรุ่นที่ผ่านมา กำลังแรงบิดเมื่อใช้งานในเมืองเพียงพอต่อความต้องการ ทั้งขับแบบไปเรื่อยๆ หรือขับเร็ว เมื่อดันเกียร์ CVT ไปที่ตัว S เครื่องยนต์ทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 8.4 กิโลเมตรต่อลิตร และเมื่อใช้คันเร่งอย่างระมัดระวังพร้อมกดปุ่ม ECON อัตราสิ้นเปลืองจะดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 9.5 -10.4 กิโลเมตรต่อลิตร ไม่ได้ยกซดแต่ก็ไม่ได้ประหยัดเหมือนรุ่น 1.6 ดีเซล อยู่ที่ความชอบของแต่ละคนที่ค่อนข้างแตกต่างกัน

ด้วยความที่ไม่ได้เป็นรถลุยเต็มรูปแบบเหมือน PPV-SUV แต่ใช้ขับฝ่าทางลูกรังขรุขระได้ ใช้ลุยน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ก็ยังพอทำได้ จากความสูง 208 มิลลิเมตร เมื่อวัดจากใต้ท้องรถถึงพื้นถนน ซึ่งมากกว่ารถเก๋งทั่วไป จุดเด่นของมันก็คือความอเนกประสงค์ของห้องโดยสารจากพื้นที่อันกว้างขวางสะดวกสบาย ไม่ว่าจะขนคน หรือขนของ เบาะหลังแถวที่สองนั่งได้สบายตัว พื้นที่ของเบาะแถวที่สองกว้างขวาง เมื่อพับเบาะก็จะสามารถขนสัมภาระเพิ่มได้อย่างจุใจ นอกจากนั้น พื้นที่เหนือศีรษะก็ยังโปร่งโล่งมากกว่ารถเก๋งขนาดกลางเห็นๆ ความสบาย และอุปกรณ์ของรุ่นเบนซินก็ไม่หนีไปจากรุ่นดีเซลมากนัก รวมถึงยอดขายของ CR-V รุ่นดีเซลยังตามหลังรุ่นเบนซินอย่างเห็นได้ชัด

ความแตกต่างระหว่างเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องยนต์เบนซิน หากไม่คิดเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของรุ่นดีเซลที่ประหยัดกว่า (นิดๆ) สมรรถนะในด้านแรงบิดของเครื่องเบนซินหายใจเองโดยไม่มีระบบอัดอากาศ ทำได้ 224 นิวตันเมตร ขับในเมืองหรือขับทางไกลให้ประสิทธิภาพพอใช้ได้ ไม่อืด กดคันเร่งลงลึก แม้ความเร็วจะค่อยๆไหลขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ก็รู้สึกได้ว่าเครื่องยนต์ตอบสนองได้ดี ส่วนแรงบิด 350 นิวตันเมตรของ CR-V ดีเซล แม้จะดูมากกว่าก็จริง แต่ขับเทียบกันแล้ว มีความใกล้เคียงกันมาก ไม่ได้ด้อยกว่าจนเห็นได้ชัดออกเบียดแบบสูสี เกียร์ออโต CVT สายพานของรุ่นเบนซินไม่มีแป้น Paddle Shift มาให้เหมือนรุ่นดีเซล รวมถึงคันเกียร์ก็เป็นแบบเลื่อนตำแหน่งไม่แนวเหมือนซุ้มเกียร์ ZF9 สปีดของรุ่นดีเซลที่ใช้ทั้งสวิตช์กดสั่งงานเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์พร้อมกับติดตั้ง Paddle Shift มาจากโรงงาน

นอกจากเบาะนั่งดูดวิญญาณที่นั่งสบายเมื่อขับทางไกลแล้ว ระบบรองรับ หรือช่วงล่างของ Honda CR-V 2.4 EL i-VTEC AWD ด้านความรู้สึกเมื่อลองขับทางไกล ช่วงล่างของมัน ให้ทั้งความหนึบและความนิ่มนวล เมื่อลุยทางวิบากขรุขระก็ยังมอบความนิ่มให้กับก้นกบจนรู้สึกชอบ! ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้กอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS anti lock brake system ระบบกระจายแรงเบรก EBD electronic brake force distribution system ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA จานดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน ส่วนจานดิสก์เบรกด้านหลังเป็นแบบปกติทั่วไป ไม่มีช่องระบายความร้อน

เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ ความจุ 2,356 ซีซี มีเรี่ยวแรงแค่พออาศัย แต่การแซงรถช้าด้วยแรงบิด 224 นิวตันเมตร ก็ไม่ได้สร้างความยากลำบากให้กับเครื่องยนต์ เนื่องจากน้ำหนักตัวที่เบากว่ารุ่นดีเซล แรงบิดจากเครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบอัดอากาศตอบสนองได้ดีไม่มีอาการรอรอบ กดลงไปความเร็วก็จะไหลขึ้นไปเรื่อยๆ CR-V 2.4 EL 4WD เป็นรถที่มีการทรงตัวดี (มาก) เมื่อเทียบกับคู่แข่ง พวงมาลัยไฟฟ้าเซตค่าแปรผันมาแบบกลางๆ ให้ความรู้สึกไม่เบา หรือหนักข้อมือ ออกมาในแบบที่ควรจะเป็น ระบบบังคับเลี้ยวแบบใหม่ที่ Honda ตั้งชื่อว่า ดูอัลพีเนียน พร้อมพาวเวอร์ไฟฟ้า DP-EPS ทำงานผสมผสานกับช่วงล่างได้ดี ไม่ว่าจะขับช้าหรือขับเร็วก็ให้ความมั่นใจ ไม่เบาโหวงจนขาดสัมผัสที่ดี เป็นชุดบังคับเลี้ยวที่ดีที่สุดของ Honda CR-V ตั้งแต่ออกขายในตลาดโลก

ระบบส่งกำลัง ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่อง ไม่มีแป้น Paddle Shift มาให้ ตำแหน่งเกียร์ออโต CVT แบบแปรผัน มีให้ใช้งานแค่ D / S / L ขับแบบปกติก็ยัดเกียร์ D ต้องการให้ตอบสนองเร็วขึ้นก็เลื่อนคันเกียร์ไปที่ S สำหรับทางลาดชัน ทางขึ้น-ลงภูเขา ก็ยังมีตำแหน่ง L ซึ่งจะล็อกเกียร์ 1-2 สำหรับการขับขึ้นลงทางลาดชันให้ใช้งาน อาจไม่สะดวกเท่ากับเกียร์ 9 สปีดของรุ่นดีเซลแต่เกียร์ CVT แบบใหม่ของ Honda ก็มีการทำงานที่ไหลลื่น ปราศจากอาการกระตุก กระชาก แต่ยังคงมีความย้วยและขาดความกระชับรัดกุมอยู่บ้างในบางจังหวะที่คุณต้องการปรับอัตราทดด้วยตัวเอง

ห้องโดยสารให้อารมณ์รถผู้ใหญ่ที่แตกต่างไปจาก Civicคอนโซลแดชบอร์ด ขึ้นรูปด้วยพลาสติก หุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ในบางจุดที่ต้องการซับเสียงและให้สัมผัสที่นุ่มนวล งานออกแบบภายในสไตล์ยุโรป ของ CR-V ทำให้ห้องโดยสารของมันหรูหราน่าใช้งานมากกว่ารูปแบบเดิมๆ ในรุ่นที่แล้ว ชิ้นส่วนพวกอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงงานตกแต่ง ถูกปรับใหม่ทั้งหมด แม้แต่วัสดุพวกพลาสติกก็มีเกรดที่ดีขึ้น ลายไม้ที่กรุอยู่กลางแผงแดชบอร์ดกับแผงประตู ช่วยทำให้ห้องโดยสารของ CR-V มีความเป็นรถผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น พร้อมความหรูหราที่มากกว่าเดิม ช่องแอร์ทรงเหลี่ยมใช้งานได้ดีแถมยังดูหรูด้วยการกรุขอบช่องแอร์ด้วยชิ้นงานโครเมียม เติมรายละเอียดกันอย่างลึกซึ้ง วัสดุพวก Piano Black ประดับประดาอยู่ทั่วไปหมด ทำให้เวลาใช้งานต้องคอยเช็ดถูทำความสะอาด เนื่องจากฝุ่นจับและเป็นรอยง่าย

ห้องโดยสารมาพร้อมแผงคอนโซลขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยลายไม้และวัสดุสีดำ Piano Black เบาะแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) กระจกมองข้างแบบพับเก็บอัตโนมัติ (ควบคุมด้วยรีโมต) (Auto Foldable Side Door Mirror) ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat) เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Rear View Mirror) (ทุกรุ่น) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา i-Dual Zone และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (เฉพาะรุ่น 4WD) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT แสดงผลฟังก์ชันการใช้งาน ควบคุมการสั่งงานผ่านพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์

จอแสดงผลกลางขนาด 7 นิ้ว สั่งงานด้วยระบบสัมผัสลงไปที่หน้าจอมีเนวิเกเตอร์ติดมาให้ใช้บอกเส้นทาง และเป็นมอนิเตอร์ของกล้องมองหลัง ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสรองรับการเชื่อมต่อสารพัดสารพัน เช่น Apple Car Play แต่รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนบางรุ่นเท่านั้น ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบบลูทูธ ลำโพงของระบบเครื่องเสียงจำนวน 8 ตัว ให้เสียงที่แค่พอใช้งานได้ ไม่ได้เจ็บเหมือน SUV ตัวเต็มจากยุโรปที่มีราคา 3-4 ล้านบาท ด้านหน้าในห้องโดยสารติดลำโพงมาให้ 4 ตัว โดยลำโพง 2 ตัวจะอยู่ที่เสาหน้า (ทวิตเตอร์) อีก 2 ตัวติดตั้งที่ประตูหลัง ทวิตเตอร์อีก 2 ตัว อยู่ที่ประตูหลังเช่นเดียวกัน การใช้งานหน้าจอมอนิเตอร์แบบสัมผัสก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก เนื่องจาก Honda ยัดโปรแกรมภาษาไทยมาให้ใช้งานเหมือนเดิม

หน้าปัดมาตรวัดใช้จอภาพมาตรวัดแบบ TFT หรือ thin film transistor คอยแจ้งเตือนค่าต่างๆ เช่น มาตรวัดรอบ มาตรวัดความเร็วแบบตัวเลขที่อ่านค่าได้ง่าย ภายในจอภาพของมาตรวัดยังบอกอุณหภูมิภายนอก เวลา ตำแหน่งเกียร์ เข็มทิศ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD (ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบตัดสินใจด้วยการสั่งงานของสมองกลไฟฟ้า) มาตรวัดแบบใหม่ใช้ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยคอยสั่งงาน แม้ว่าจะเลือกดูอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เลือกเพลงที่เล่นผ่านอุปกรณ์ต่อพ่วง หรือเลือกดูการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่อระยะทางที่วิ่งไปทั้งหมด ด้านข้างของจอภาพมาตรวัดแบบ TFT ยังติดตั้งมาตรวัดเชื้อเพลิง และมาตรวัดอุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์มาให้เพื่อความสะดวกในการใช้งานอีกด้วย

การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำออกมาใช้ได้ เปรียบเทียบกับ CR-V รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลจะมีเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ดังไปนิด รวมถึงแรงสั่นสะเทือนขณะเดินเบาที่มากกว่า ไม่ว่าจะเดินเบาหรือเร่งส่งความเร็วเพื่อแซง เสียงเครื่องดีเซลที่เป็นเอกลักษณ์ก็จะดังเข้ามาให้ได้ยินทันที สำหรับรุ่นเบนซินที่นำมาทดสอบ เป็นรถรุ่นปรับโฉม Facelift 2020 เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ดังไม่มากและมีแรงสั่นสะเทือนน้อย แม้จะเร่งจนสุดรอบ เสียงเครื่องยนต์ก็ลอดเข้ามาให้ได้ยินไม่ได้มากมายอะไร การปิดผลึกห้องโดยสาร เพื่อป้องกันเสียงแปลกปลอมจากภายนอกทำให้ห้องโดยสารของ New CR-V มีความเงียบงันเข้าขั้นใช้ได้ การขับในเมืองที่ย่านความเร็วมีความเงียบ หากไม่เปิดเครื่องเสียงก็จะได้ยินเสียงยางบดกับถนนในย่าน 100 กิโลเมตรขึ้นไป ตามด้วยเสียงลมปะทะกับตัวถังที่ไม่ได้ดังจนทำให้รำคาญ เป็นมาตรการป้องกันเสียงแปลกปลอมที่อยู่ในเกณฑ์มาตฐานของรถยนต์ราคา 1.5 ล้านบาท

New CR-V 2.4 EL 4WD มีเอกลักษณ์ของรถยนต์อเนกประสงค์ที่ชัดเจน มันจะถ่ายเทประสิทธิภาพของการทรงตัวออกมา เมื่อคุณลองขับไปได้ไม่ไกลมากนักก็จะรู้ได้ทันทีว่ามันถูกออกแบบให้ขับได้ง่ายและสบาย เหมาะกับคุณสุภาพสตรีอย่างที่สุด! อัตราสิ้นเปลืองในเมืองทำได้ที่ 9.4 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่รุ่นดีเซลทำได้ 11.5 กิโลเมตรต่อลิตร รับประทานน้อยกว่ารุ่น 2.4 เบนซิน ไม่มาก อยู่ที่ฝ่าเท้าของคุณว่าจะขับแบบไปเรื่อยๆ หรือขับเร็วๆ แบบรีบเร่ง เชื้อเพลิง 1 ถัง ของ CR-V Facelift 2020 รุ่น 2.4 เบนซิน จำนวน 57 ลิตร ทำระยะทางไปได้ 400 กิโลเมตรเศษก่อนที่ไฟแจ้งเตือนเชื้อเพลิงในถังจะติดขึ้นมา ส่วนอัตราสิ้นเปลืองนั้นทำได้ 8.7 กิโลเมตร เมื่อลากกันยาวๆ ในตำแหน่งเกียร์ S จากถนนบางบัวทอง สุพรรณบุรี ไปยังอ่างเก็บน้ำลำตะเพินในจังหวัดกาญจนบุรี ไฟเตือนเชื้อเพลิงเหลือน้อยมาติดขึ้น เมื่อผมขับกลับจนถึงอำเภอหนองปรือ เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ไม่มีเทอร์โบ อาจไม่ได้ประหยัดเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซล แต่เงียบกว่าเยอะ ส่วนอัตราสิ้นเปลือง ถ้าขับปกติ ก็อยู่ในค่าเฉลี่ยกลางๆ พอรับได้ แต่ก็มีแอบคิดเอาเองว่ามันน่าจะประหยัดได้มากกว่านี้ แต่เมื่อไหร่ที่ขับแบบจัดหนัก เข็มวัดเชื้อเพลิงหล่นเห็นๆ และกินเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

CR-V รุ่นปรับโฉม เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 EL AWD ใช้หน้าตาที่สดใหม่ ประกอบเป็นรถครอสโอเวอร์ที่มีรูปลักษณ์ทันสมัย รุ่นใหม่ยังทำตัวเป็นรถผู้ใหญ่ออกไปในแนวรถยุโรปมากกว่าจะเป็นรถญี่ปุ่น มีการเก็บเสียงที่ดี ปิดผลึกห้องโดยสารให้เงียบงันราวกับรถครอสโอเวอร์จากยุโรป ภายในที่เคร่งขรึมแต่สวยงาม CR-V ยังมีเบาะคนขับที่นุ่มหนาและนั่งสบาย โดยเฉพาะพนักพิงศีรษะที่พอดิบพอดี นั่งขับทั้งวันจากกรุงเทพฯ ลงไปที่ภูเก็ต หรือขึ้นไปเชียงรายได้อย่างสบายๆ ฝาท้ายไฟฟ้า อุปกรณ์ที่ช่วยทำให้การขนของเข้าไปยัดเอาไว้ที่ห้องเก็บสัมภาระส่วนท้าย มีความสะดวกมากขึ้น เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร เดินมาถึงทางตันในการพัฒนา เป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพพอใช้ได้และรับประทานเชื้อเพลิงอยู่เหมือนกัน ตัวใหม่ในอนาคต ผมเดาว่า Honda น่าจะเอาเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่วางอยู่ใน new Accord มาประจำการแทนที่เครื่อง 2.4 ลิตร ที่เริ่มจะโบราณบานบุรี ส่วนเกียร์ CVT ชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้า กับช่วงล่าง จูนมาดี รวมถึงขนาดล้อและการเลือกใช้ยาง มีส่วนเป็นอย่างมากกับความสบายยามขับเคลื่อน เมื่อประสานงานกับเบาะคู่หน้านุ่มๆ และอาการโคลงตัวที่น้อยลงมาก ทำให้ลืมความสามารถในการลุยของกระบะดัดแปลง PPV ไปโดยปริยาย! เป็นรถที่ขับง่ายและนั่งทางไกลได้อย่างโดดเด่น ถ้าคุณรับได้กับอัตราสิ้นเปลืองที่ค่อนข้างจะดุกว่าคู่แข่งก็จัดเลยครับ.

จุดสลบใน CR-V ใหม่
1-นั่งสบาย เบาะดีงาม
2-ขับง่าย
3-พื้นที่ใช้สอยภายในกว้างขวาง
4-ระบบความปลอดภัยใหม่
5-ความคงทนและบริการหลังการขายสไตล์ Honda
6-กินน้ำมันเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน และอาจทำให้สะดุ้ง เมื่อเห็นเข็มวัดระดับเชื้อเพลิงเวลาขับเร็วแบบจัดหนัก!

HONDA CR-V 2.4 EL AWD Facelift 2020

เครื่องยนต์ เบนซินแถวเรียง ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป
ระบบวาล์ว 4 วาว์ลต่อสูบ 16 วาล์ว i-VTEC
ปริมาตรความจุ 2,356 ซีซี
ความกว้างกระบอกสูบ 87.0 มิลลิเมตร
ช่วงชัก 99.1 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-F1
กำลังสูงสุด 127 กิโลวัตต์ 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 22.8 กิโลกรัม/เมตร 224 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
ระบบควบคุมการเปิด-ปิดลิ้นปีกผีเสื้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ DBW
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่อง พร้อม Shifting Control of Cornering Gravity & G Design Shift
ระบบเกียร์แบบไฟฟ้า
อัตราทดเกียร์ 1 -9 2.645-0.450
อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 1.851-1.264
เฟืองท้าย 5.363
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Realtime AWD
ระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัยดูอัลพีเนี่ยน พร้อมพาวเวอร์ไฟฟ้า DP-EPS
พวงมาลัยหมุนสุด 2.3 รอบ
รัสมีวงเลี้ยว 5.5 เมตร
ระบบเบรก
ด้านหน้า ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน
ด้านหลัง ดิสก์เบรก
ระบบกันสะเทือน
ด้านหน้า อิสระ แมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้กอัพและกันโคลง
ด้านหลัง มัลติลิงก์อิสระ พร้อมกันโคลง

มิติตัวถัง
ความกว้าง 1,855 มิลลิเมตร
ความยาว 4,571 มิลลิเมตร
ความสูง 1,667 มิลลิเมตร
ฐานล้อ 2,660 มิลลิเมตร
ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,657 มิลลิเมตร
ระยะห่างล้อคู่หลัง 1,667 มิลลิเมตร
ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้อง 208 มิลลิเมตร
น้ำหนัก 1,670 กิโลกรัม
ความจุถังเชื้อเพลิง 57 ลิตร
ล้อและยาง อัลลอย 18x7.5J 235/60R18

อุปกรณ์มาตรฐาน
ไฟหน้าแบบ LED
ไฟท้ายแบบ LED
ไฟส่องสว่างขับขี่กลางวัน LED
ระบบปรับไฟหน้าสูง ต่ำ อัตโนมัติ
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
ไฟตัดหมอกคู่หน้ากรอบโครเมียม
มือจับเปิดประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวถัง
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
ระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง
กาบข้างประตูตกแต่งด้วยโครเมียม
สปอยเลอร์หลัง
ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี
ล้ออัลลอย 5 วง ขนาด 18 นิ้ว
เสาอากาศครีบปลาฉลาม
ยางกันโคลน

อุปกรณ์ภายใน
สีภายใน ลายไม้และสีดำ Piano black
เบาะและพวงมาลัยหุ้มหนังแท้และหนังสังเคราะห์
เบาะนั่งแถวที่ 3
มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูล TFT
ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์อัจฉริยะ
ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบปรับแยกอุณหภูมิซ้าย ขวา
ปุ่ม ECON
พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง
วัสดุตกแต่งพวงมาลัยสีเงินเมทัลลิก
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
ช่องแอร์ด้านหลัง
ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่สองและสาม
ช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าสำรอง
ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า LED
ไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED
ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับด้านหลัง 4 ทิศทาง
เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ
ระบบเครื่องเสียง
เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advancad touch รองรับ apple CarPlay
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์ฟังก์ชั่น Swipe
รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน
รองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย
ช่องเชื่อมต่อ AUX / USB / HDMI
ระบบควบคุมเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ANC
จำนวนลำโพง 4+4 (ทวีตเตอร์)

ระบบความปลอดภัย
LANEWATCH BLIND SPOT DISPLAY
Driver Attention Monitor
ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
กระจกไฟฟ้านิรภัย 4 ตำแหน่ง
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brak)
ระบบ Auto Brake Hold
ถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ (Dual i-SRS)
ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ (i-Side Airbags)
ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS)
ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโครง (VSA)
ระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย (MA-EPS)
ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist)
ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)
กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ
3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับสูง-ต่ำได้
เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารแถวที่ 2 แบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารแถวที่ 3 แบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
ไฟเบรกดวงที่ 3


อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

คุณกำลังดู: ส่องจุดสลบ จบที่ซีอาร์-วี! ทดสอบ HONDA CR-V 2.4 ES AWD FACELIFT 2020

หมวดหมู่: รถยนต์

แชร์ข่าว