‘ทับทิม อัญรินทร์’ ไขข้อข้องใจ จบด็อกเตอร์ได้ยังไง ทั้งที่ไม่เห็นไปเรียน
'ทับทิม อัญรินทร์' ไขข้อข้องใจ จบด็อกเตอร์ได้ยังไง ทั้งที่ไม่เห็นไปเรียน ผันตัวเป็นนักแสดงอิสระอีกคนแล้ว สำหรับทนางเอกสาวตาคม ทับทิม อัญรินทร์ ที่วันนี้จะมาเปิดใจครั้งแรกกับการไม่ต่อสัญญากับช่องมากสี...
‘ทับทิม อัญรินทร์’ ไขข้อข้องใจ จบด็อกเตอร์ได้ยังไง ทั้งที่ไม่เห็นไปเรียน
ผันตัวเป็นนักแสดงอิสระอีกคนแล้ว สำหรับทนางเอกสาวตาคม ทับทิม อัญรินทร์ ที่วันนี้จะมาเปิดใจครั้งแรกกับการไม่ต่อสัญญากับช่องมากสีที่อยู่มานานถึง 13 ปี พร้อมย้อนเล่าประสบการณ์เฉียดตายมาแล้วถึง 2 ครั้ง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
นี่เป็นครั้งแรกที่มานั่งรายการช่องอื่น?
ทับทิม : ในฐานะนักแสดงอิสระ
หลายคนติดภาพทับทิมอยู่ช่องนั้น อยู่มากี่ปี?
ทับทิม : 13 ปีค่ะ
การที่เราตัดสินใจก้าวออกมา
ตอนนั้นตัดสินใจนานไหม?
ทับทิม : ตัดสินใจนานมากนะคะ แต่โชคดีผู้ใหญ่เข้าใจ
และให้เวลาคิดเต็มที่เลย
เพราะว่าก่อนหน้านั้นผู้ใหญ่ก็เรียกเข้าไปคุยในเรื่องของการต่อสัญญา
แล้วก็มีละครที่จะวางให้อีก 2 เรื่อง
แต่เราดูแล้วนะตอนนั้นด้วยระยะเวชาการทำงานของเรา เราคิดว่ายาวนานแล้ว
เราก็มาตัดสินใจว่ายังไงดีกับการต่อสัญญารอบนี้
ก็มีการปรึกษาผู้ใหญ่ในวงการหลายคน พี่ๆ ในวงการหลายคนมากๆ
ปรึกษาที่บ้านครอบครัว ก็ใช้เวลานานพอสมควร
สุดท้ายได้ข้อสรุปว่าสิ่งที่เราอยากจะได้จริงๆ
คือเราอยากมีความก้าวหน้าทางด้านงานละคร
เราก็เลยตัดสินใจขอผู้ใหญ่เป็นอิสระ
สุดท้ายจบกันด้วยดี?
ทับทิม : ด้วยดีค่ะ เพราะผู้ใหญ่เข้าใจ ผู้ใหญ่น่ารักมาก จริงๆ
พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ทุกๆ คน พี่ๆ ที่ช่องเรายังเหมือนเดิมนะ
เราก็ยังมีความรู้สึกเหมือนเดิมทุกอย่าง
เพียงแต่ว่าสิ่งที่มันเปลี่ยนแปลงไปก็คือเรื่องของการปรับเปลี่ยนการทำงานก็แค่นั้นเอง
แต่เรายังมีรายการที่อยู่ช่องนั้น?
ทับทิม : มีค่ะ เป็นรายการที่ทับทิมทำด้วยกันกับเทโร แล้วอยู่ช่องนั้น
ส่วนละครยังเหมือนเดิม
เราเป็นนักแสดงอิสระเราสามารถร่วมงานได้กับทุกที่
อย่างทางช่องเดิมมีบทที่น่าสนใจ
อยากให้เรากลับไปเล่นแล้วเวลาลงตัวพอดี ก็ยินดีมากๆ
เลยที่จะกลับไปเล่น
ตอนคุณลูกไม่ต่อสัญญา คุณแม่ใจหายด้วยไหม?
คุณแม่ : ก็คิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว น่าจะไปผจญโลกภายนอกบ้าง
เพราะอยู่มา 13 ปีแล้วแม่ก็เห็นด้วย
กับผู้ใหญ่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรจากกันด้วยดี
ออกมาเป็นนักแสดงอิสระช่องอื่นเขารู้หรือยัง?
ทับทิม : รู้ๆ จริงๆ ก่อนหน้าที่จะอิสระ มีผู้ใหญ่หลายๆ
ที่สนใจติดต่อเข้ามาตลอด ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ ที่อยากร่วมงานกับทับทิม
แต่ ณ ช่วงเวลานั้นเราอาจจะไม่สะดวก ด้วยอยู่ในสัญญาด้วย
หลังจากที่เราอิสระ ด้วยช่วงเวลา จังหวะอะไรมันลงตัวพอดี
ทุกคนก็ได้เห็นว่าเราเปิดตัวกับ พี่ฉอด พี่เอส ไปก่อน
ความแตกต่างระหว่างอยู่ค่ายกับอิสระเป็นยังไงบ้าง?
ทับทิม : มันตื่นเต้น มันจะเจออะไรก็ไม่รู้ข้างนอกที่เราจะต้องไปเผชิญ
มันเลยกลายเป็นว่าเราได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา
มันรู้สึกเหมือนกลับไปทำงานใหม่ครั้งแรกเลยไหม?
ทับทิม : เป็นค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราแฮปปี้กับการทำงานมากเลย
เวลาออกมาถ้าไม่ได้เป็นบทนางเอกนี่เราโอเคไหม?
ทับทิม : ทับทิมพูดเสมอนะว่าทับทิมเป็นนักแสดง
สิ่งที่ทับทิบคิดเลยคือเราอยากเล่นในสิ่งที่เราอยากเล่นจริงๆ
แล้วบทไหนที่ทำให้เรามีพัฒนาการ เราได้ฝึกฝนฝีมือ
เราอยากก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง
บางคนชอบบอกว่าออกจากค่ายเดิมต้องไม่มีงาน
งานน้อยกว่าอยู่ค่าย เรารู้สึกยังไงบ้าง?
ทับทิม : ทุกคนมีสิทธิ์คิด แต่เราก็ไม่ได้ไปซีเรียสตรงนั้น
เรารู้ความต้องการของเราคืออะไร สิ่งที่เราต้องการ ณ
ตอนนี้คือในเรื่องความห้าวหน้าในด้านงานละคร
สิ่งที่เราต้องการคือในเรื่องของการพัฒนาฝีมือ ได้เจอบทใหม่ๆ บทแปลกๆ
ที่เรายังไม่เคยเล่น เจอนักแสดงใหม่ๆ เคมีใหม่ๆ แบบนี้มากกว่า
เราถ่ายละครตั้งแต่เด็กตอนอายุ 18
เวลาช่วงชีวิตวัยรุ่นแทบไม่มีเลย?
ทับทิม : ถามว่าหายไปไหม เราก็ไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนคนอื่นๆ
เพราะทับทิมเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 14
ช่วงมัทธยมปลายเรามีงานประจำด้วยนะ ที่เป็นรายการสด
เราต้องมาเป็นพิธีกรหลังเลิกเรียนทุกวัน ก็ 5 วันก็หมดแล้ว
เลิกเรียนเสร็จไปทำงานต่อ เหนื่อยกลับบ้านนอน
ตื่นเช้ามาก็ไปเรียนต่อก็จะเป็นลักษณะนี้ แต่จะมีแค่ช่วงมหาวิทยาลัย
ปี1 เทอม1 ที่ได้ใช้ชีวิตเฟรสชี่เต็มๆ แต่ไม่ได้ไปรับน้องนะ
เพราะเขาต้องไปค้าง ไปต่างจังหวัด คุณแม่ไม่ให้ไป
คุณแม่ทุ่มเทให้เรา 24 ชม.
แต่เคยแอบน้อยใจคุณแม่ด้วยใช่ไหม?
ทับทิม : ก็มีบ้างในเมื่อเราอยู่ด้วยกัน 24 ชม.
บางเรื่องเราอาจจะไม่เข้าใจกันคิดเห็นไม่ตรงกัน
ซึ่งเราจะแบบคุยกันตรงๆ นะ
แต่จะดูท่าทีคุณแม่ก่อนว่าเราควรที่จะเข้าไปพูดหรือว่ารอก่อน
เคยแอบคิดว่าแม่ไม่รักหนูเลยใช่ไหม?
ทับทิม : ก็แอบมีบ้าง บางทีเราตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุดแล้ว
แต่ว่าบางทีคุณแม่จะคิดอีกแบบว่าอันนี้ไม่ควรทำนะ อันนี้ไม่สมควร
เราก็แบบทำไม เราก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีนี่นา แม่ไม่เชื่อใจเราเหรอ
เราก็แอบน้อยใจว่าคุณแม่เลี้ยงเรามาอย่างดีที่สุดนะน่าจะแบบเชื่อใจเราบ้างว่าสิ่งที่เราทำคือสิ่งที่คุณแม่ปลูกฝังมาอย่างดีแล้ว
คุณแม่ : ก็ไม่มีอะไรมาก จริงๆ อยากสอนเขาให้เป็นคนดี
อีกอย่างกลัวไม่ทันโลก เพราะเขาจะอยู่กับเราตลอด
แล้วเขาก็เป็นคนมองโลกในแง่ดีตลอด คือทุกๆ เรื่องที่เขาคิด
อยากให้เขารู้ว่าไม่มีอะไรแค่แม่ห่วงและหวงแค่นั้นเอง
จริงๆ แม่ไม่ได้ปิดเรื่องแฟนใช่ไหม ถ้ามีคนดีๆ
มาจีบแม่ก็โอเคใช่ไหม?
คุณแม่ : ใช่ค่ะ แต่จะคอยดู คอยสกรีนว่าคนนี้ยังไง
ศึกษาดูนิสัยใจคอก่อนว่าเป็นยังไง เข้ากับครอบครัวเราได้ไหม
ก็ไม่ได้ปิดกั้น
ทับทิม : เรื่องนี้แม่จะดูอย่างเดียวไม่ค่อยพูด
แต่ถ้าพูดแสดงว่ามีอะไรผิดปกติแล้วนะ
แล้วเราเคยปรึกษาคุณแม่ไหมว่าคนนี้เป็นยังไง?
ทับทิม : ปรึกษาตลอด เวลาร้องไห้ เสียใจ ก็มาร้องกับคุณแม่ไง
คุณแม่ก็เลยจะรู้ทุกเรื่องว่ามีอะไรเกิดขึ้น
แต่แม่ไม่เคยบอกหรือสั่งว่าต้องเลิกหรือไม่ให้คุยกับคนนั้น คนนี้
แต่ให้เราคิดเอง ตัดสินใจเอง แต่แค่จะคอยเตือนตลอดว่าแบบนี้เป็นยังไง
แบบนี้เป็นยังไง แต่ทั้งหมด ทั้งมวลคือเราตัดสินใจเอง
ปัจจุบันนี้โอเคแล้ว?
ทับทิม : ปัจจุบันนี้จริงๆ จะบอกว่าโสดมาตลอดนะ
เพราะยังไม่แต่งก็เรียกว่าโสดใช่ไหม
มีคนคุยหรือเปล่า?
ทับทิม : มีบ้างค่ะ มีเป็นกำลังใจกรุบกริบ ณ ตอนนี้ก็แฮปปี้ดีนะคะ
คนนี้แม่ไม่ค่อยมีอะไรเตือน
คนปัจจุบันคุณแม่มีอะไรเตือนไหม?
คุณแม่ : ก็ดูอยู่ค่ะ ให้เขาคอยศึกษาไปเอง เรียนรู้ไปเอง
คุยกันมานานหรือยัง?
ทับทิม : สักระยะนึง แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทับทิมโฟกัสกับเรื่องงาน
เราก็เลยไม่ได้มาโฟกัสเรื่องนี้เท่าไหร่ว่า
เอ้ย..ว่ามันผ่านระยะเวลามาเท่าไหร่แล้วนะ
ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามเวลาของมัน แล้วค่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ
อย่างที่บอกไป เรายังสนุกกับงานอยู่ เหมือนเราเพิ่งได้ทำงานเต็มที่
เพราะเพิ่งเรียนจบอย่างที่ตั้งใจด้วย ถ้าถามว่าอยากแต่งงานไหม อยากนะ
เพราะว่ามันก็เป็นความฝันของผู้หญิงหลายๆ คน
แต่ถ้าถามเรื่องลูกไม่อยากมี เพราะตั้งแต่เด็ก คุยกับเพื่อน
เราก็บอกไม่เอาอะไม่อยากมีลูก
แต่เพื่อนบอกว่าคอยดูนะเดี๋ยวแต่งก่อนคนแรก
แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้แต่ง
จริงเหรอที่ผ่าไส้ติ่งแล้วเฉียดตาย?
ทับทิม : ตอนนั้นมันน่าจะแอคซิเดนอะไรสักอย่าง
ปกติผ่าตัดไส้ติ่งแบบส่องกล้อง 3 วันก็ได้ออกแล้ว
เพราะว่ามันเป็นเหมือนผ่าตัดเล็ก นิดเดียว พอ ณ
ตอนนั้นเราออกมาจากผ่าตัดไส้ติ่ง อยู่โรงพยาบาลได้ 2 วัน
แล้วมันเกิดอะไรไม่รู้ อยู่ๆ ท้องเราพองขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึก ณ
ตอนนั้น เหมือนท้องจะแตกเลย มันขยายขึ้น พองขึ้นจนมันแน่นหน้าอก
หายใจไม่ไหวแล้ว คือมันแน่น
ได้คำตอบว่าเป็นพังพืดที่ลำไส้จากแผลผ่าตัด เราก็ยังงงๆ ว่า 2
วันเป็นพังพืดแล้วเหรอ นั่นคือคุณหมอบอกเรามา แต่ ณ
ตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
แล้วเราต้องผ่าตัดใหม่ไหม?
ทับทิม : ผ่าตัดใหม่ค่ะ ด่วนเลย เพราะตอนนั้นมันเริ่มแน่น เริ่มจุก
หายใจไม่ออกแล้ว เหมือนรู้สึกว่าเราจะตายแล้ว ท้องจะแตก
จะระเบิดขึ้นมาให้ได้เลย เราก็บอกว่าไม่ไหวแล้ว
ขอเข้าห้องผ่าตัดไม่ไหวแล้ว
เคยรถคว่ำด้วย?
ทับทิม : เป็นช่วงแรกๆ ที่เข้าวงการ ถ่ายละครพร้อมกัน 3 เรื่อง คิว 7
วันเต็ม คุณแม่ก็ขับรถ พักผ่อนน้อย น่าจะหลับใน แค่ระยะเวลาสั้นๆ
นิดเดียวเองช่วงเช้ามืดกำลังจะไปกอง
รถก็ไปชนท้ายรถกะบะรถเลยพลิกแล้วก็ไถไปกับถนน
ซึ่งตอนนั้นถ้าใครจำได้คือเป็นเหตุการณ์ที่ขึ้นหน้า1
แต่ไม่ได้อยากขึ้นหน้า1 เพราะอันนี้
ตอนนั้นทับทิมก็หลับอยู่?
ทับทิม : หลับค่ะ คือเพิ่งเลิกจากอีกกองไปอีกกอง
แล้วได้ยินเสียงปึ้งก็ตกใจตื่น ลืมตาขึ้นมา สภาพห้อยแล้วไฟก็ปุ๊บปั๊บๆ
เราก็งงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เช็กกับคุณแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น รถชนเหรอ
แต่ฝั่งคุณแม่คือเงียบ นิ่งไม่พูดอะไรเลย แต่เราไม่ได้เป็นอะไรเลย
มีแค่ช้ำและจุกนิดหน่อย
น่าจะคาดเข็มขัดนิรภัยนี่แหละช่วยได้เยอะมาก
คุณแม่ : ณ ตอนนั้นไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้น อยู่ๆก็เห็นแว๊บๆ
เต็มไปหมดเลย เหมือนเราไม่รู้สึกตัว เหมือนหลับในประมาณนั้นแน่นอน
แต่พอรถมันคว่ำไปแล้ว แม่ก็นิ่ง ทับทิมเรียก เราก็ยังนิ่งอยู่
ทับทิม : เราก็เลยเป็นคนจัดการทุกอย่างโทรหาคุณพ่อ โทรหาประกัน
เราต้องเรียกเขาว่าด็อกเตอร์นะ?
ทับทิม : หลายคนสงสัยว่าจบได้ยังไง เอาเวลาที่ไหนไปเรียน
ต้องบอกว่าเรียนออนไลน์ล้วนๆ เลย เพราะตอนนั้นสมัครไป
แล้วติดช่วงโควิดพอดีบินไม่ได้
ไม่ได้จบในไทยนะ?
ทับทิม : เรียนที่ฟิลิปปินส์ ตอนนั้นเราดูเยอะมาก
คัดเยอะมากว่าเราจะต่อที่ไหน
สุดท้ายเลือกเรียนฟิลิปปินส์เพราะมันอยู่ใกล้ประเทศไทย ถ้าเดินทาง
ไป-กลับ ก็ง่ายหน่อย แล้วก็สะดวกต่อการที่เราจะจัดตารางเวลาเรียนได้
แล้วทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะมันอยู่ใกล้ๆ
แต่ปรากฎว่าพอสมัครไป กำลังจะบิน ปิดประเทศ บินไม่ได้เลย
ตั้งแต่วันนั้นมา 2 ปีครึ่งคือเรียนออนไลน์ทั้งหมด
สอบก็สอบออนไลน์ทั้งหมดเลย
ระหว่างนั้นเราก็ถ่ายละครด้วย?
ทับทิม : ใช่ แต่มันมีข้อดีอย่างหนึ่งคือมันไม่กระทบกับงานเราเลย
เนื่องจากเราสามารถทำงานได้ปกติ ก็ไปเรียนในกองเอา ถ้าถ่าย
เราก็จะบอกพี่ๆ ว่าขอเวลาสัก 2 ชม.นะคะ พรีเซนต์งาน
จัดเบรกให้ไปถ่ายคนอื่นก่อน
คุณกำลังดู: ‘ทับทิม อัญรินทร์’ ไขข้อข้องใจ จบด็อกเตอร์ได้ยังไง ทั้งที่ไม่เห็นไปเรียน
หมวดหมู่: ความบันเทิง