เที่ยวเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน สัมผัสสุดยอด 4 แหล่งธรรมชาติ จากปางอุ๋ง ถึงห้วยน้ำดัง
เปิดแหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน สัมผัส 4 แหล่งธรรมชาติสุดประทับใจ เริ่มตั้งแต่ “ปางอุ๋ง โป่งน้ำร้อนท่าปาย ป่าสนวัดจันทร์ และห้วยน้ำดัง”
ยามสายลมหนาวมาเยือน และวันหยุดยาวแบบนี้ เป็นช่วงเวลาเย้ายวนใจให้เก็บกระเป๋ามุ่งหน้าเส้นทางภาคเหนือ ที่หลายคนมีสถานที่ในใจอยู่แล้ว คือเส้นทางแหล่งที่เที่ยวเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน เพื่อไปโอบรับบรรยากาศความสวยงามของธรรมชาตินั้นด้วยตัวเอง ทริปนี้ขอชวนไปเที่ยวเส้นทางระหว่างเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน เพื่อสัมผัสความสวยงามทางธรรมชาติในบรรยากาศที่โดดเด่นแตกต่างกัน 4 แห่ง เริ่มตั้งแต่ “ปางอุ๋ง โป่งน้ำร้อนท่าปาย ป่าสนวัดจันทร์ และห้วยน้ำดัง”
การเดินทางรอบนี้ เริ่มจากสถานที่ที่อยู่ไกลที่สุดก่อน นั่นก็คือ “ปางอุ๋ง” จ.แม่ฮ่องสอน จากนั้นค่อยๆ ย้อนกลับสู่เส้นทางกลับเชียงใหม่ เพื่อลดความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
วันที่หนึ่ง : ฝ่า 2,224 โค้ง บนเส้นทางสายโรแมนติกเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน นอนพัก “ปางอุ๋ง”
การเดินทางเริ่มต้นจากตัวเมืองเชียงใหม่ในช่วงเช้า ปักหมุดไปที่ “โครงการพระราชดำริปางตอง 2” หรือ “ปางอุ๋ง” รวมระยะทาง 245 กิโลเมตร โดยใช้ทางหลวง (ทล.)107 เส้นแม่ริม-แม่แตง ก่อนเลี้ยวซ้ายบริเวณแยกแม่มาลัยมุ่งสู่ ทล. 1095
เส้นทางนี้ ระหว่างทางได้พบความงดงามของทิวทัศน์ธรรมชาติ ป่าไม้ ขุนเขา และหุบเหว ซึ่งจะไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ ผ่านทางคดเคี้ยวกว่า 2,224 โค้ง ดังนั้นการขับขี่จะต้องใช้ความระมัดระวังและใช้สติอย่างยิ่ง รวมทั้งปฏิบัติตามสัญลักษณ์ป้ายเตือนจราจรอย่างเคร่งครัด
การเดินทางไปยัง “ปางอุ๋ง” จะผ่าน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ก่อน ซึ่งก็ใกล้เวลาเที่ยงพอดี ดังนั้นควรแวะพักรับประทานมื้ออาหารกลางวันที่นี่ เพราะต้องเดินทางไกลอีกกว่า 106 กิโลเมตร ก่อนจะถึง “ปางอุ๋ง” โดยให้ใช้เส้นทาง ทล. 203 ซึ่งทางเข้า “ปางอุ๋ง” จะถึงก่อนตัวเมืองแม่ฮ่องสอน จึงชวนให้เข้าไปเที่ยวในตัวเมืองก่อน เพราะมีระยะทางเพียง 15 กิโลเมตร
ไฮไลต์ที่เที่ยวในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน คือ “วัดจองคำ” วัดแห่งแรกในจังหวัด สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2370 ด้วยศิลปะแบบไทใหญ่ที่แปลกและงดงามมาก ใกล้กันมี “พระธาตุดอยกองมู” วัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัด สามารถมองเห็นเมืองสามหมอกได้อย่างรอบทิศและสวยงาม ที่สำคัญอย่าลืมเติมน้ำมัน เพราะเส้นทางไป “ปางอุ๋ง” จะไม่มีปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ให้บริการ และจะต้องเดินทางอีก 42 กิโลเมตร โดยให้ย้อนกลับไปใช้เส้นทางเดิม หรือ ทล. 203
จาก ทล.203 เลี้ยวเข้าทางแยกบ้านกุงไม้สัก เปลี่ยนมาใช้ทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน (ทช.มส.) 4001 ตรงไปยังหมู่บ้านรวมไทย และบ้านนาป่าแปกก็จะถึงที่พักในคืนแรก นั้นคือที่ “ปางอุ๋ง” ซึ่งถูกยกให้เป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย รายล้อมไปด้วยเป็นป่าสนสูงตระหง่านและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
ที่ปางอุ๋ง มีค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่ 70 บาท รวมทั้งมีบ้านพักและลานกางเต็นท์ให้บริการ แวะทักทาย “หงส์ขาวคู่” ดารานำของที่นี่ นั่งแพไม้ไผ่ชมความงามท่ามกลางทะเลหมอก เดินชมวิถีชาวบ้านจีนยูนนาน และรื่นรมย์ไปกับกลิ่น และรสชาติของชาหรือกาแฟ ซึ่งชาวบ้านปลูกและคั่วเอง ทำให้สดใหม่และหอมกรุ่นเป็นพิเศษ
วันที่สอง : แช่ออนเซ็น ท่ามกลางขุนเขา ณ
“โป่งน้ำร้อนท่าปาย”
ถึงเวลาเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปใน จ.แม่ฮ่องสอน คือ “โป่งน้ำร้อนท่าปาย” โดยใช้เส้นทางเดิม ทช.มส 4001 ก่อนเปลี่ยนมาใช้ ทล.1095 ซึ่งระหว่างทางสามารถแวะเที่ยว “น้ำตกผาเสื่อ” บำรุงผิวหน้าผิวกายด้วยแร่ธาตุจากโคลนภูเขาไฟ ที่ “ภูโคลน” และ “บ้านจ่าโบ่” เพื่อชมความงดงามวิวทะเลสาบกลางหมู่บ้าน ก่อนมุ่งหน้าไปอีก 128 กิโลเมตร ก็จะถึง “โป่งน้ำร้อนท่าปาย”
หลังจากชำระค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่ 70 บาท ก็จะได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติท่ามกลางขุนเขา ที่มีอุณหภูมิถึง 80-100 องศาเซลเซียส ที่เกิดจากน้ำฝนและน้ำผิวดินไหลสู่ใต้ชั้นหิน และรับการถ่ายเทความร้อนจากชั้นหินหลอมเหลวแล้วไหลย้อนขึ้นสู่ผิวดิน ดังนั้นไฮไลต์ที่สำคัญคือ การแช่ออนเซ็นในอุณหภูมิ 36 องศาท่ามกลางลมหนาวและความสวยงามของธรรมชาติซึ่งหาไม่ได้ในเมืองไทย เพื่อปลดล็อกความเมื่อยล้าจากการเดินทาง
ที่พลาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งคือ “การต้มไข่ในน้ำพุร้อน” ซึ่งจะได้ไข่แดงสุกแต่ไข่ขาวเป็นยางมะตูม แตกต่างจากที่อื่นที่จะได้ไข่แดงยางมะตูมแต่ไข่ขาวสุก โดยการค้างคืนที่นี่สามารถกางเต็นท์ได้เท่านั้น
วันที่สาม : “ป่าสนวัดจันทร์” เสน่ห์ทิวสน-อ่างเก็บน้ำในม่านหมอก
จาก “โป่งน้ำร้อนท่าปาย” ให้ใช้เส้นทาง ทล.1095 เช่นเดิม จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเปลี่ยนไปใช้ ทล. 1265 มุ่งหน้าไปยัง อ.กัลยาณิวัฒนา อีกประมาณ 43 กิโลเมตร ก็จะถึงหมุดหมาย “ป่าสนวัดจันทร์” ซึ่งอยู่ภายใต้ความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) มีเสน่ห์ตรงความสวยงามของป่าสนที่ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกในบรรยากาศที่หนาวเย็น
จุดเด่นสำคัญคือ การชมความงดงามของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่สุดโรแมนติก ซึ่งเป็นที่นิยมของบ่าวสาวในการถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง ส่วนท้องฟ้ากลางคืนก็จะพร่างพราวไปด้วยหมู่ดาว จึงเป็นจุดหมายปลายทางของผู้ที่ต้องการเดินทางเพื่อการพักผ่อนอย่างเงียบสงบที่แท้จริง โดยสามารถใช้บริการห้องพักหรือกางเต็นท์ก็ได้ ส่วนค่าธรรมเนียมการเข้าพื้นที่ 100 บาท ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก
วันที่สี่ : “ห้วยน้ำดัง” สุดยอดความงามพระอาทิตย์ตก อลังการดาวล้านดวง
จาก “ป่าสนวัดจันทร์” ให้ย้อนกลับไปใช้เส้นทางขามา เพื่อกลับเข้าสู่ ทล. 1095 ขับขี่อีกประมาณ 20 กิโลเมตร ก็จะพบทางเข้า “อุทยานห้วยน้ำดัง” หลังจ่ายค่าธรรมเนียม 80 บาท ให้เดินทางอีก 6 กิโลเมตร เพื่อไปยังบ้านพัก หรือลานกางเต็นท์ ซึ่งมีให้บริการมากถึง 5 จุด บรรยากาศของที่นี่ จะหนาวเย็นตลอดทั้งวัน และหนาวจัดในช่วงกลางคืน จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ไฮไลต์สำคัญก็คือ การชมพระอาทิตย์ดวงกลมโตลาลับขอบฟ้าท่ามกลางทิวสน ส่วนช่วงกลางคืน ก็สามารถนั่งปล่อยอารมณ์ไปกับความอลังการของดาวล้านดวงที่แข่งกันสุกสกาวไปทั่วท้องฟ้า ในช่วงเช้าบรรยากาศก็จะเปลี่ยนเป็นทะเลหมอกและสวนดอกไม้เมืองหนาว
ส่วนขากลับ ก็มุ่งหน้าเดินทางบนเส้นทาง ทล. 1095 สู่ตัวเมืองเชียงใหม่ด้วยระยะทาง 65 กิโลเมตร
เป็นอันปิดฉาก เปิดพื้นที่เติมพลัง หลังพักผ่อนเต็มที่จากการท่องเที่ยวสถานที่เด่นๆ เส้นทางระหว่างเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน อย่างสมบูรณ์แบบและแสนประทับใจ ที่บอกได้เลยว่า มาแล้วก็ยังมาซ้ำได้อีก
คุณกำลังดู: เที่ยวเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน สัมผัสสุดยอด 4 แหล่งธรรมชาติ จากปางอุ๋ง ถึงห้วยน้ำดัง
หมวดหมู่: เที่ยว-กิน