‘ไทด์ เอกพันธ์’ แฉด้านมืดจนท.กู้ภัย ขับรถขนยาบ้า ตบทรัพย์จากคนเจ็บ
'ไทด์ เอกพันธ์' แฉด้านมืดจนท.กู้ภัย ขับรถขนยาบ้า ตบทรัพย์จากคนเจ็บ หลังจาก ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ มีกระแสข่าวพาลูกสาวขึ้นโรงพัก เพื่อแจ้งความหลังถูกหลอกซื้อบัตรคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลี ทางรายการ คนดั...
‘ไทด์ เอกพันธ์’ แฉด้านมืดจนท.กู้ภัย ขับรถขนยาบ้า ตบทรัพย์จากคนเจ็บ
หลังจาก ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ มีกระแสข่าวพาลูกสาวขึ้นโรงพัก เพื่อแจ้งความหลังถูกหลอกซื้อบัตรคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลี ทางรายการ คนดังนังเคลียร์ ทางช่อง 8 จึงไม่รอช้า ขอเชิญคุณพ่อมาเปิดใจเคลียร์ พร้อมกระแสที่ประชาชนสงสัยว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยในประเทศไทยใช้รถขนยาเสพติด และชิงตัวผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุเพื่อเงินมีจริงหรือไม่
ขึ้นโรงพักมีเรื่องอะไรกับลูกสาว?
“คือเหตุการณ์นี้ ผมก็ไม่ทราบนะครับ เขาแค่เกริ่นๆว่าเขาอยากดูคอนเสิร์ตวงนี้ วงอะไรผมก็ไม่ทราบ ผมไม่รู้เลย เรื่องดาราศิลปินต่างๆจากต่างชาติที่เข้ามา โดยมากก็จะเป็นเกาหลี แบบนี้ผมก็จะไม่ค่อยรู้เรื่องว่าวงอะไร แต่เขาก็มาบอกว่า เขาอยากดูวงนี้ แต่ก่อนหน้านั้นหนึ่งสัปดาห์ ผมพาเขาไปดูแบล็กพิงก์ พาไป 2 คนพ่อลูกนะ พอดูเสร็จเขาก็อยากดูวงนี้อีก ผมก็เลยบอกมู่หลาน พ่อไม่สนับสนุนแล้วนะ แต่จริงๆ เขาก็บอกอยากดูวงนี้มากที่สุด”
แล้วทำไมเธอไม่สนับสนุนลูกล่ะ เสียดายเงินหรอ?
“ไม่ใช่ คือช่วงนั้นวงนี้มาเล่นตรงกับวงแบล็กพิงก์พอดี มันก็เลยต้องเลือก แต่ทีนี้ผมกดบัตรวงแบล็กพิงก์ได้แล้ว 2 ใบ แต่วงนั้นคือยังไม่รู้เรื่องเลยเขามางานอวอร์ดอะไรเขาก็ไม่รู้ อันนี้ก็คือจบไป แต่ลูกก็มาบอกว่าวันที่ 1 เมษานี้ วงนี้จะมาเล่นอีก หนูขอดูนะ ก็เลยบอกเขาว่า พ่อไม่ให้เงินนะ พ่อจะไม่ให้เงินซื้อ แต่ถ้าหนูอยากดู หนูต้องใช้เงินของหนูเอง เขาก็บอกโอเค หนูจะใช้เงินของหนูเอง พ่ออนุญาตนะ สักพักผ่านไปในวันกดบัตรวันแรกช่วงบ่ายๆ โทรมาร้องไห้ พ่อหนูโดนหลอก เขาเอาเงินหนูไปหมดแล้ว ผมก็ถามว่าร้องไห้ทำไม เขาฝากคนให้กดบัตรคอนเสิร์ตให้”
ฝากใคร?
“ก็ไม่รู้ ไม่รู้จักด้วย แต่มันมีแพลตฟอร์มขึ้นมาเอาไปในแอปพลิเคชันอะไรของเขาก็ไม่รู้ แล้วเขาก็จะมีโปรไฟล์อะไรของเขา จะมีรีวิวว่าเขากดบัตรแบล็กพิงก์ของเขาได้ รีวิวต่างๆ นานา คนตามเขาเป็นหมื่น มู่หลานก็เชื่อ เพราะเหมือนเป็นคนที่น่าเชื่อถือ เขาก็บอกว่าขอค่ากด 200 บาท มู่หลานก็โอเคเขาจะได้ดู แต่รวมค่าตั๋ว 6,800 บาท ก็เป็น 7,000 บาท พอดี มู่หลานกล้าที่จะโอนเงินให้เขา”
มู่หลานเขาเสีย 7,000 อยู่คนเดียว หรือมีเพื่อนเขาก็เสียด้วย?
“มีเพื่อนเขาอยู่คนหนึ่ง 7,000 บาท เหมือนกัน แล้วคนที่ไม่ใช่เพื่อนแต่อยู่ในไลน์เดียวกัน ไลน์กลุ่มที่คนนี้ตั้งขึ้นมา ใครจะซื้อหรือจ้างเขาเนี่ย ตั้งเป็นไลน์กลุ่มเลยทั้งหมดเป็นร้อย”
รายได้ดีนะ?
“เป็นล้าน เนี่ยคือคนที่เขาอยากดู เสียเงินเท่าไรไม่ว่า ขอแค่อยากดู แต่เขาไม่รู้หรอกว่าจะมีคนประเภทนี้อยู่ ความใสซื่อของเด็กยังไม่เข้าใจเล่ห์เหลี่ยมทางการค้า”
แล้วพี่พาเขาไปโรงพักเหรอคะ?
“ใช่ครับ ไปเย็นวันนั้นเลยที่เขามาบอกเราตอนบ่าย”
ทำไมต้องทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ในสายตาเด็กมันจะคิดว่าพ่อเอาลูกไปประจานและตอกย้ำหรือเปล่า?
“ก่อนที่ผมจะพาเขาไป ผมต้องอธิบายให้เขาฟังก่อนว่า เงินที่เสียไป 7,000 บาท มันเยอะไหมสำหรับเด็ก มันเยอะนะ สำหรับพ่อมันก็โอเค แต่ที่พาไปโรงพักเนี่ยเพื่ออยากจะบอกเตือนสติ บรรดาพ่อแม่ทุกๆ คนที่มีลูกติ่งคอนเสิร์ต หรือศิลปินต่างๆ แล้วมันมีพวกมิจฉาชีพมาหลอกเยอะมาก ที่จะมาหลอกเอาเงิน คืออยากให้มันแอ็กชั่นขึ้นมาหน่อย ให้ข่าวมันกระพือไปให้มีคนรู้ว่ามีกลุ่มนี้อยู่ เพื่อเอาคนที่ทำผิดมารับโทษให้ได้ แล้วก็เตือนผู้ปกครองด้วยให้เตือนบุตรหลานในการที่เขาจะโอนเงินให้ใครทีละเยอะๆแบบเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องที่คุณกดโอนไปก็จบแล้ว”
ใครๆ ก็รู้ว่าทั้งพี่ท็อป พี่ไทด์ทำงานให้กับกู้ภัย เป็น VIP เอารถอย่างดีของมูลนิธิไปขับได้หน้าได้ตาจริงไหม?
“ไม่เลยครับ รถของมูลนิธิฯไม่ได้เอามาใช้เลยนะ รถที่ผมกับพี่ท็อปขับอยู่เป็นผลงานของคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ยี่ห้อหนึ่ง คือพี่ท็อปเขาเป็นพรีเซนเตอร์ แต่เขาไม่เอาเงิน ขอรถมาให้มูลนิธิ เขาเสียสละไหม เขาไม่เอาเงินเลย”
เวลามีอุบัติเหตุอะไรก็ตามมีเสียงไซเรนดังกันมาก เขารีบไปเก็บศพหรือไปตบทรัพย์?
“มันได้ทั้ง 2 อย่างครับ(หัวเราะ) เรื่องตบทรัพย์ตอนนี้หนักมากครับ มีคนมาร้องเรียนมากมาย ตอนนี้ทางสปฉ.ทางกระทรวงสาธารณสุข เขาจะมีเงินส่วนหนึ่งให้กับทาง พ.ร.บ. คือใครเกิดอุบัติเหตุเบื้องต้นต่างๆ ส่งโรงพยาบาลไหนก็ได้ เขาจะมีทุนสำรองไว้ให้ของรัฐบาล เจ็บเล็ก เจ็บน้อยมีทุนสำรองจ่ายให้ทุกราย ก็เลยทำให้หาผลประโยชน์กันจากเงินตรงนี้ครับกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ คนตายไม่เกี่ยว คนตายไม่สน คนตายไม่เอาเลย รู้ว่ามีอุบัติเหตุรถชนกันมีคนตาย 4 คน มันไม่วิ่งมา แต่ก็จะมีพนักงานเวรต่างๆอย่าง ก็จะมาเก็บศพไปส่งสถาบันนิติเวช ส่งธรรมศาสตร์ แต่ถ้ามีคนเจ็บ 3-4 ราย มันแข่งกันมาแล้วครับ 10 คัน 20 คัน อัดกันมาเพื่อหาผลประโยชน์จากคนเจ็บ โรงพยาบาลหนึ่งที่ผมทราบมาจากเอกชนนะ โรงพยาบาลรัฐบาลไม่มีจ่าย ไม่มีให้ แต่เอกชนรายหนึ่งอย่างต่ำๆเลย 1,500-2,000 บาทต้องมี แต่ถ้าแอดมิดเนี่ยบางทีได้เยอะมาก คือไปโทษเขา โทษโรงพยาบาลก็ไม่ได้ เพราะมันต้องแข่งกันเพื่อจะเอาคนเจ็บ”
การแข่งกันแบบนี้ อาจจะดูน่าเกลียดทำไมมีการแบ่งเงิน แต่ดิชั้นคิดว่าทุกวินาทีมีความหมายกับคนเจ็บค่ะ?
“อาจารย์ (ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์) พูดมันก็ถูกต้อง แต่บางรายมันไม่ดูดีดูงามกับคนเจ็บเลยนะ แย่งกันเนี่ย ไอ้คนนี้เอาขึ้นรถแล้ว อีกมูลนิธิหนึ่งลากลงมาเพื่อเอามารถคันนี้เพราะว่าเวรกู ลากลงมา คนเจ็บก็แบบกูไม่ไปแล้ว เดี๋ยวกูไปเอง ผมอยากให้อาจารย์ไปกับผมตอนกลางคืนไปดู มันเป็นผลประโยชน์หากินกับคนเจ็บเยอะมาก”
คือในความเห็นของพี่มันน่ารังเกียจไหม หรือว่ามันเป็นเรื่องปกติ?
“คือผมว่า ณ ปัจจุบันนี้คำว่า อาสา จิตอาสา มันมีกับคนบางคนทำโดยไม่หวังผลตอบแทน ทำด้วยใจจริงๆ ทำให้กับพี่น้องประชาชนจริงๆ มันก็มี แต่มีน้อย แต่เมื่อก่อนมีมาก แต่มาโดนผลประโยชน์ครอบงำ”
ได้ข่าวมาว่า บางทีเอารถมูลนิธิวิ่งเปิดเสียงไซเรนไปขนยาเสพติด?
“มีครับ นี่เป็นช่องทางทำมาหากินเขาเลย 10 เคส ผมคิดว่าคนเจ็บจริงๆน่าจะมี 4-5 เคส นอกนั้นอาจจะเป็นอย่างที่อาจารย์พูด”
แล้วโลโก้มูลนิธิทำไมเห็นคนติดกันเยอะ หรือไปหาซื้อกันเองมาติดกันได้ง่าย?
“ก็แค่เป็นอาสา จริงๆเขามีกฎนะ”
โจรก็เป็นอาสาได้นะ อาสานี่เขาไม่เลือกเลยเหรอคะ?
“มันเป็นช่องทางทำมาหากินไงอาจารย์ ตำรวจเขาก็ส่งหนังสือมาตลอดเรื่องการติดไซเรนของมูลนิธิต่างๆอย่าง Ambulance ที่เป็นรถส่งตัวส่งคนเจ็บไม่มีตราสัญลักษณ์ของหน่วยงาน โรงพยาบาล แค่เอาไซเรนมาติด แค่นั้นเองก็วิ่งส่งคนเจ็บได้แล้ว ถามว่าทำไมมีเกลื่อนพื้นที่เพราะว่า คนที่เจ็บญาติพี่น้องเขาติดต่อโรงพยาบาล โรงพยาบาลเรียกเขาแพง แต่รถอาสาที่ส่งตัวเขาเรียกถูกกว่า ก็ต้องเอาถูกไหม”
คุณกำลังดู: ‘ไทด์ เอกพันธ์’ แฉด้านมืดจนท.กู้ภัย ขับรถขนยาบ้า ตบทรัพย์จากคนเจ็บ
หมวดหมู่: ความบันเทิง