ทิ้งทวนอย่างหล่อ ทดสอบ MITSUBISHI TRITON S LIMITED
MITSUBISHI TRITON S LIMITED เครื่องดีเซล 2.4 ลิตร เทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนสองล้อ 181 แรงม้า 430 นิวตันเมตร ชุดแต่ง S Limited ราคา 935,000 บาท
Triton Double Cab Plus 2.4 GLS รุ่นตกแต่งพิเศษ S Limited ราคา 935,000 บาท พัฒนาขึ้นตามแนวคิดที่ครอบคลุมการใช้งาน เป็นหนึ่งในรถกระบะที่มีอุปกรณ์ครบเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน ทั้งในด้านระบบความปลอดภัย ความสะดวกสบายและเทคโนโลยี หัวใจของความปลอดภัยใน Mitsubishi Triton ใหม่ คือโครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE (Reinforced Impact Safety Evolution) ประกอบกับแชสซีที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่น ผ่านการทดสอบในภูมิประเทศทุรกันดารทั่วโลก สามารถดูดซับแรงกระแทกและต้านทานการเสียรูปทรงเพื่อการปกป้องผู้โดยสาร ตัวถังที่ทนทานถูกเสริมด้วยเหล็กกล้า โดยมีการปรับลดน้ำหนักแต่เพิ่มความแข็งแกร่งในบางจุดให้กับโครงสร้างตัวถังนิรภัย
อุปกรณ์ภายนอกของ Triton รุ่น Double Cab 2WD 2.4 AT S Limited มีการเปลี่ยนแปลงหลักๆ ที่ดีไซน์ของสติกเกอร์ตกแต่งตัวถังรอบคันกับล้ออัลลอย 128 นิ้ว ด้านหน้าAdvanced Dynamic Shield ไฟหน้า Projector Lens แบบ Bi-LED ไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Lights ไฟตัดหมอกคู่หน้า กระจังหน้าและไฟหน้า สปอยเลอร์หน้า ฝากระโปรงหน้าใหม่ ซุ้มล้อหน้า-หลังแบบ Built-in Fender ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว กาบ บันไดข้าง พร้อมพลาสติกหุ้มกระบะท้าย ฝาท้ายและไฟท้าย ไฟเบรก LED พร้อมไฟ LED Light Guidin กันชนหลังออกแบบให้เป็นที่เหยียบขึ้นกระหลัง
อุปกรณ์ตกแต่งรุ่น Mitsubishi Triton S Limited
กระจังหน้าสีดำเงา
กันชนหลังสีดำเงา
กระจกมองข้างสีดำเงา
ที่จับมือเปิดประตูภายนอกสีดำเงา
ที่เปิดฝากระบะท้ายสีดำเงา
สติกเกอร์ สีเงิน-แดง Silver Red ฝากระโปรงหน้า / ด้านข้างตัวรถ / ฝากระบะท้าย
ขอบกาบบันไดข้างสีแดง
ชายล่างกันชนหน้าตกแต่งด้วยพลาสติกสีแดง
ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว เป็นสีดำ
ภายในตกแต่งด้วยตะเข็บด้ายสีแดง พวงมาลัย/ แผงประตูข้าง / เบาะนั่ง
/ หัวเกียร์ / คอนโซลกลาง
ราคาเพิ่มขึ้น 16,000 บาท
ความสามารถในการขับเคลื่อนเมื่อได้ลองขับจากกรุงเทพฯ ไปยังอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานีTriton รุ่น Double Cab 2WD 2.4 AT S Limited ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง กำลังของเครื่องยนต์ที่เหลือเฟือ มากเกินพอต่อการใช้งาน ฟิลลิ่งซับแรงสั่นสะเทือนของช่วงล่างที่ทำให้นั่งได้สบายขึ้น คนของ Mitsubishi แจ้งว่า Triton S Limited มีการปรับเซตช่วงล่างให้นิ่มนวลขึ้น เมื่อลองขับบนทางเรียบก็พบว่ามันเป็นรถกระบะที่มีช่วงล่างไม่กระด้างจนเกินไป แต่ก็ยังมีอาการโคลงตัวอยู่บ้างบนทางออฟโรด ซึ่งเป็นเรื่องที่แก้ไม่หายของรถกระบะแบบแชสซีออนเฟรมกับช่วงล่างหลังที่เน้นการบรรทุกมากกว่าจะเน้นไปที่การยึดเกาะเพื่อทำความเร็ว
พวงมาลัยของ Triton S Limited เป็นแบบพาวเวอร์สายพาน เหมือนกับ Toyota Hilux REVO Rocco / Isuzu D-MAX / Nissan Navara ซึ่งให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากพวงมาลัยไฟฟ้าของ Ranger มอบการควบคุมที่พอใช้ได้แต่ไม่ได้แม่นยำเท่ากับกระบะที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้าที่มีอยู่แค่สองแบรนด์เท่านั้นในปัจจุบันนี้ การเลี้ยวบนเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขา ทำได้สมราคา ไม่ได้แม่นเป็นจับวางแต่ก็สามารถควบคุมทิศทางได้อย่างไม่ลำบาก น้ำหนักของพวงมาลัย Triton ในย่านความเร็วสูงไม่เบาจนน่ากลัวหรือหนักราวกับรถบรรทุกและให้ความรู้สึกที่เป็นกลาง เป็นสัมผัสของพวงมาลัยพาวเวอร์ที่มีความเที่ยงตรงพอสมควร
เครื่องยนต์ของ Mitsubishi Tritonเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของการใช้งาน เครื่องยนต์ดีเซล เสื้อสูบและฝาสูบอลูมิเนียม อัดอากาศด้วยเทอร์โบแปรผัน เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง พร้อมระบบวาล์ว MIVEC อัดอากาศด้วย VG Turbo Diesel รหัส 4N15 ความจุ 2,442 ซีซี มีกำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร พร้อมระบบ Auto Stop and Go ดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอดนิ่งเพื่อประสิทธิภาพของการประหยัดเชื้อเพลิงและลดมลพิษ เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดรุ่นใหม่ แรงบิด 420 นิวตันเมตร เหลือเฟือต่อการใช้งานไม่ว่าจะวิ่งตัวเปล่าหรือบรรทุกสัมภาระมาเต็มคัน แรงบิดรอบต่ำเรียกใช้งานได้เร็วทันใจ การขับขึ้นเนินสูงชันกับแรงบิดที่ปล่อยออกมาจากเครื่องยนต์ถือว่าแรงใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของ Mitsubishi Triton Double Cab 2WD 2.4 AT S Limited ทำได้ที่ 12 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 178 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เครื่องรหัส 4N15 DOHC 16 วาล์ว MIVEC เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ เป็นแบบอลูมินั่มบล็อกที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งเกิดขึ้นจากการพัฒนาด้านชิ้นส่วนที่เข้ามาช่วยให้น้ำหนักของตัวเครื่องยนต์ลดลง 4N15 มีน้ำหนักส่วนเกินที่ถูกตัดออกไปมากถึง 35 กิโลกรัม มีความแข็งแรงทนทานจากสภาวะการใช้งานในลักษณะต่างๆ ระบบระบายความร้อนแบบใหม่และการเลือกใช้กระบอกสูบแบบเหล็กกล้าหรือ Steel Cylinder Liner ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผัน หรือ VG Turbo บูสต์อัดไอดีเข้าไปยังห้องเผาไหม้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านของแรงบิดรอบต่ำได้ดี ทำให้เครื่องยนต์มีแรงบิดเพียงพอต่อการขับเคลื่อนตัวรถตั้งแต่รอบต่ำตอนออกตัวไปจนถึงรอบสูงสุดในการเร่งความเร็ว ระบบวาล์วแปรผันสองฝั่ง MIVEC หรือ Mitsubishi Innovative Valve Timing Electronic Control System เป็นระบบควบคุมการปิดเปิดของวาล์วไอดีแบบแปรผันทำงานสอดคล้องกับความเร็วรอบเครื่องยนต์ การออกแบบในลักษณะดังกล่าวของระบบวาล์วแปรผัน MIVEC ช่วยทำให้เครื่อง 4N15 มีแรงบิดที่ดีในรอบต่ำและเพิ่มแรงบิดในรอบสูงอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้เครื่องยนต์มอบอัตราเร่งที่ดี
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำงานบนเส้นทางภูเขาได้อย่างราบรื่น การเปลี่ยนเกียร์ในโหมดออโตไหลลื่นใช้ได้ อาการกระตุกกระชากเล็กๆ จะเกิดขึ้นเมื่อใช้คันเร่งลงลึกแบบฉับพลันทันทีทำให้เกิดอารมณ์สนุกสนาน เกียร์อัตโนมัติที่มีอัตราทดแค่ 6 สปีด เมื่อผลักคันเกียร์ไปทางขวาจะเข้าสู่ตำแหน่งเกียร์แมนนวลที่ใช้โยกคันเกียร์ในตำแหน่ง +/- เพื่อชิฟเกียร์เองพฃบนเส้นทางภูเขา อาจเป็นรองเกียร์ 7-10 สปีดของรถคู่แข่ง แต่ไม่ได้เสียเปรียบจนเห็นถึงความแตกต่างอะไรกันมากมายนัก การตัดต่อเกียร์ขึ้นลงตลอดการขับเดินทางบนไฮเวย์และเส้นทางภูเขาแถบแก่นมะกรูด มีความต่อเนื่องราบเรียบใช้ได้ หากใส่กันหนักๆ ยังแถมอารมณ์สปอร์ตมาให้ได้สัมผัสจากการกระชากลากถูของแรงบิดที่ปลดปล่อยออกมา
ลองผลักคันเกียร์ไปทางขวา ในตำแหน่ง Trip Tronic เพื่อดูการตอบสนองเมื่อต้องชิฟเกียร์เอง ที่ตำแหน่งเกียร์ 4 ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงแรงดึงสำหรับทะยานขึ้นทางลาดชัน การคิกดาวน์เพื่อเร่งความเร็วก็มีประสิทธิภาพดีพอสำหรับการใช้งานเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้า เอนจิ้นเบรกเมื่อผมลองเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำถึง 2 ตำแหน่งจากเกียร์ 5 ไปยังเกียร์ 3 ขณะขับเข้าโค้งมุมแคบ หากรอบเครื่องยนต์สูงเกินไปไม่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ก็จะไม่ยอมเปลี่ยนให้จนกว่ารอบเครื่องยนต์จะพอดิบพอดีกับอัตราทดนั้นๆ เกียร์ 6 สปีดตอบสนองได้ดี
เส้นทางทดสอบออฟโรด แสดงออกถึงความสามารถเฉพาะตัวของรถกระบะยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อ มีประสิทธิภาพไม่น้อยหน้ารถยกสูงขับสองของคู่แข่ง เพียงแต่ควรระวังเมื่อใช้ความเร็วในสภาพผิวถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอ เช่น ถนนที่เป็นลอนคลื่นแบบหลังเต่า ลูกรังหินลอยและทางที่มีความสูงชันพร้อมๆ กับไหล่ทางสูงชันแถบบ้านไร่-แก่นมะกรูด สัดส่วนความสูงทำให้เจ้า Triton Double Cab 2WD 2.4AT S Limited เอาตัวรอดได้สบายๆ เมื่อขับลุยทางโหดขรุขระที่เต็มไปด้วยเนินสูงชัน แรงบิดที่ดีและมีความต่อเนื่องช่วยฉุดกระชากตัวรถให้หลุดรอดจากอุปสรรค พวงมาลัยแรคแอนพีเนียนพร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรง แม้จะกินกำลังเครื่องยนต์ไปบ้างแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร แลกกลับด้วยความแข็งแกร่งของแรคพวงมาลัย ที่มีการออกแบบให้ใช้ได้ดีทั้งทางเรียบและทางฝุ่น
Mitsubishi Triton Double Cab 2WD 2.4AT S Limited มีความสวยงามตามท้องเรื่องจากสติกเกอร์ตกแต่งรอบคัน เครื่องยนต์คลีนดีเซล ทรงพลังและมีระบบส่งกำลังที่ดีพอใช้ได้ ช่วงล่างและยาง มอบความสบายขณะขับทางไกล อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ที่ 14.3 กิโลเมตรต่อลิตร เครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่างทำงานสอดประสานกัน โดยเฉพาะแรงบิดรอบต่ำที่ให้มาเยอะ การทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ดี เป็นไปตามมาตรฐานของกระบะยุคใหม่ทั่วไป อุปกรณ์ในรุ่น Double Cab 2WD AT S Limited ให้มาเกือบครบ เครื่องเสียงลำโพงที่อยู่ในระดับแค่พอฟังได้ ระบบสัมผัสที่หน้าจอสั่งงานได้อย่างรวดเร็ว การเชื่อมต่อแบบเสียบสาย USB รองรับ apple carplay & android auto
สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวของผมเกี่ยวกับรถกระบะรุ่นนี้ ก็อยู่ที่การบังคับควบคุมที่ดีของมัน เบาะหนังนั่งขับสบาย เบาะคนขับปรับไฟฟ้า แต่เบาะคนนั่งหน้ายังปรับมือเหมือนเดิม เครื่องยนต์และเกียร์ มีประสิทธิภาพ แรงบิดมากเกินพอต่อการใช้งาน แค่ระวังในเรื่องของความเร็วให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย คุณจะสนุกไปกับ Trito Double Cab Plus 2.4 GLS 2WD AT S Limited ได้แบบไม่น้อยหน้าปิกอัพขับ 2 รุ่นอื่นละครับ ส่วนจุดด้อยก็คือ อุปกรณ์ที่น้อยกว่ารุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ รวมถึงราคา 9.3 แสนบาทที่แพงไปนิดนั่นเอง.
MITSUBISHI TRITON S LIMITED ราคา 935,000 บาท
มิติตัวถัง
ความยาวตลอดคัน 5,300 มิลลิเมตร
ความกว้างตลอดคัน 1,815 มิลลิเมตร
ความสูง 1,795 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร
ความกว้างช่วงล้อหน้า 1,520 มิลลิเมตร
ความกว้างช่วงล้อหลัง 1,515 มิลลิเมตร
ความยาวกระบะภายใน 1,520 มิลลิเมตร
ความกว้างกระบะภายใน 1,470 มิลลิเมตร
ความสูงกระบะภายใน 475 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น 220 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถโดยประมาณ 1,845 กิโลกรัม
เครื่องยนต์
รหัสเครื่องยนต์ 4N15 AS&G
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว MIVEC เทอร์โบแปรผัน
อินเตอร์คูลเลอร์
ปริมาตรกระบอกสูบ 2,442 ซีซี
ความกว้างกระบอกสูบ X ช่วงชัก 86.0 x 105.1 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 14.9 : 1
กำลังสูงสุด 133 กิโลวัตต์ 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที
ระบบเชื้อเพลิงชนิดหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ คอมมอนเรล
ความจุถังน้ำมัน 75 ลิตร
ระบบส่งกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อม Sport Mode
คลัทช์ ทอร์คคอนเวอร์เตอร์
อัตราทดเกียร์
- 1st 3.600
- 2nd 2.090
- 3rd 1.488
- 4th 1.000
- 5th 0.687
- 6th 0.580
- เกียร์ถอยหลัง 3.732
ระบบบังคับเลี้ยว แรคแอนด์พิเนียน พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรง
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.9 เมตร
ระบบกันสะเทือน
หน้า อิสระ แบบปีกนกสองชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง แหนบแผ่นซ้อนพร้อมโช้คอัพไขว้
ระบบเบรก
หน้า ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน
หลัง ดรัมเบรก
ชนิดและขนาดของล้อ
ล้ออัลลอย 18x7.5J
ขนาดยาง 265/60 R18
ยางอะไหล่ ล้ออัลลอยขนาดเดียวกับยางติดรถ
อุปกรณ์ภายนอก
กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ
กันชนหน้าด้านล่างสีเงิน
แผงกันกระแทกด้านล่าง
กันชนหลัง
ไฟหน้า โปรเจกเตอร์ ไบ-แอลอีดี
ไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ
ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบแอลอีดี
ไฟตัดหมอกหน้า
ไฟท้ายและไฟเบรกแบบแอลอีดี พร้อม LED Light Guide
กระจังหน้าสีเงิน
กรอบกระจกมองข้างแบบโครเมียมพร้อมไฟเลี้ยว
กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า
มือเปิดประตูด้านนอกสีดำ
มือเปิดกระบะท้ายสีดำ
ยางกันโคลนด้านหน้าและหลัง
กระจกหน้ากรองแสงแบบนิรภัย
ที่ปัดน้ำฝนหน้าพร้อมจังหวะหน่วงเวลา
ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
ขอเกี่ยวขอบกระบะด้านข้าง
ขอเกี่ยวขอบกระบะด้านหลัง
บันไดข้าง
ไฟเบรกดวงที่ 3
กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
ที่บังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกด้านผู้โดยสาร
ช่องเก็บแว่นตาเหนือศีรษะ
ไฟห้องโดยสารและไฟอ่านแผนที่
คอนโซลกลางสีเงิน
แผงสวิตช์ควบคุม แบบเปียโนแบล็ก
ช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง
พวงมาลัยปรับระดับสูง-ต่ำ และปรับเข้า-ออก แบบ 4 ก้าน
พวงมาลัย และหัวเกียร์หุ้มหนัง
มือเปิดประตูด้านในแบบโครเมียม
ช่องเก็บของที่ประตูคู่หน้า พร้อมช่องใส่ขวดน้ำ
คอนโซลกลาง พร้อมที่วางแก้วน้ำ และกล่องเก็บของมีฝาปิด
ฝาปิดหุ้มพีวีซี
กล่องเก็บของด้านหน้า
ที่พักแขนกลางเบาะหลัง พร้อมที่วางแก้วน้ำ
ช่องใส่ขวดน้ำบริเวณประตูคู่หลัง
มือจับขึ้น-ลงรถ 4 ตำแหน่ง
มือจับเหนือศีรษะ 4 ตำแหน่ง
จำนวนที่นั่ง 5 ที่นั่ง
วัสดุหุ้มเบาะ หนังสีดำเย็บด้ายแดง และวัสดุหนังสังเคราะห์
เบาะคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้ ปรับระดับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
ที่นั่งตอนหลังพร้อมพนักพิงศีรษะ
ระบบปรับอากาศ
แบบอัตโนมัติ แยกปรับอุณภูมิซ้าย-ขวา
จอแสดงข้อมูลในการขับขี่แบบสี
สวิตช์ควบคุมจอแสดงข้อมูลในการขับขี่บนพวงมาลัย
เซ็นทรัลล็อก
กระจกหน้าต่างไฟฟ้า ด้านคนขับ ปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติ พร้อมระบบ
Safety
กุญแจรีโมตพร้อมไฟเรืองแสงที่ช่องเสียบกุญแจ
กุญแจอัจฉริยะ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์
ระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
เครื่องเสียง 2DIN - วิทยุ, เอ็มพี 3
สั่งงานด้วยระบบสัมผัสหน้าจอขนาด 7 นิ้ว
ระบบสั่งงานด้วยเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
สวิตช์ควบคุมวิทยุบนพวงมาลัย
ช่องต่ออุปกรณ์ USB 3 ตำแหน่ง
ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ แบบ A2DP
ลำโพง 4 ตำแหน่ง
พรมรองพื้นห้องโดยสาร
ยางรองพื้นห้องโดยสาร
ความปลอดภัย
คานเหล็กนิรภัยบริเวณประตู
ประตูหน้าและหลัง
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติดึงกลับอัตโนมัติ 2 ทิศทาง
เฉพาะด้านคนขับ
เข็มขัดนิรภัยเบาะนั่งคู่หน้า แบบ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง
ปรับระดับได้
จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง ที่เบาะนั่งแถวที่ 2
ระบบเบรกแบบ ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD
ระบบลดกำลังเครื่องยนต์ เพื่อช่วยเบรก
ระบบเสริมแรงเบรก
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
และควบคุมการลื่นไถล
กล้องมองภาพหลังขณะถอยจอด พร้อมเส้นกะระยะ
ไล่ฝ้ากระจกหลัง พร้อมระบบตัดการทำงานอัตโนมัติ
ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
คุณกำลังดู: ทิ้งทวนอย่างหล่อ ทดสอบ MITSUBISHI TRITON S LIMITED
หมวดหมู่: รถยนต์