ทรงอย่างแบดฟีเวอร์ เปิดใจ ฮาย-เซน "เปเปอร์ เพลนส์" ขวัญใจวัยรุ่นฟันน้ำนม
ทรงอย่างแบด สุดฟีเวอร์ เปิดใจ 2 หนุ่ม ฮาย-เซน "เปเปอร์ เพลนส์" จากวงร็อกกลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นฟันน้ำนม
นาทีนี้ถ้าพูดถึงเพลง "ทรงอย่างแบด" หลายคนต้องนึกถึง 2 หนุ่ม ฮาย-เซน จากวง Paper Planes (เปเปอร์ เพลนส์) ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นฟันน้ำนมไปแล้ว เพราะไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหนก็จะมีแฟนเพลงเด็กๆ ยืนเกาะกันหน้าเวที พร้อมตะโกนร้องเพลงไปกับพี่ๆ อย่างสนุกสนาน และ 2 นักร้องได้ฝากบอกเด็กๆ ว่า หลังจากคอนเสิร์ต อย่าลืมแปรงฟันก่อนนอนด้วย จนทำให้คลิปที่ออกมากลายเป็นไวรัล ที่ถูกพูดถึงอย่างมากทีเดียว
ล่าสุด 2 หนุ่ม ฮายนวา เกตุสุวรรณ (ร้องนำ) และเซน นครินทร์ ขุนภักดี (เบส) ก็ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์พร้อมกับแนะนำตัวกับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ โดยเจ้าตัวได้พูดถึงความรู้สึกถึงการเป็นขวัญใจวัยรุ่นฟันน้ำนม
เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้เป็นขวัญใจวัยรุ่นฟันน้ำนมแล้ว?
"รู้สึกตั้งตัวไม่ทันครับ เพราะอย่างที่บอกพวกเราคือวงร็อกที่คีปคูลมาตลอด แล้วก็มีความแข็งกระด้างแล้วก็มีเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ดุดันครับ แต่ว่า อยู่ดีๆ ชีวิตมันพลิกเปลี่ยน วันหนึ่งต้องมาเป็นหัวหน้าแก๊งก็ค่อนข้างตั้งตัวไม่ทันครับ เพราะเราไม่ได้คิดว่าจะมาทางนี้เลยครับ แต่สิ่งหนึ่งก็คือรู้สึกว่าสนุก แล้วเราตื่นเต้น อิ่มเอมหัวใจ จากการที่เราได้ไปเจออะไรหลายๆ อย่างในตรงนี้"
ตอนที่เราได้ยินว่าเพลงนี้ไปอยู่ในใจของน้องๆ เด็กๆ รู้สึกยังไงบ้าง?
"ตอนแรกมันเป็นช่วงที่เหมือนเด็กๆ เริ่มร้อง เราก็คิดว่าเพลงมันน่าจะจำง่าย สักพักหนึ่งเริ่มมีคลิปออกมาว่าน้องๆ ร้องตอนที่ไปสวนสัตว์ ซึ่งตอนที่เห็นครั้งแรกเป็นตอนที่เริ่มร้องกันเยอะแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าอะไรคือจุดเริ่มต้น ตอนนั้นเราก็เริ่มตกใจว่าเด็กร้องเพลงได้ยังไง เพราะเพลงมันค่อนข้าง จะโหวกเหวกโวยวายครับ ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะเข้ากับเด็กแต่สุดท้ายเด็กๆ ชอบ"
เห็นว่าทางพวกเราเองก็เริ่มติดตามคลิปต่างๆ จากน้องๆ?
"ใช่ ก็เริ่มดูจากคลิปนั้นครับ เหมือนพวกเราชอบวิเคราะห์ด้วย แล้วก็ดูสนุกไปด้วย เราก็เหมือนกับว่าวิเคราะห์ไปด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นว่าเด็กๆ เขาไปชอบตรงไหน อะไรที่ทำให้มันเข้าไปอยู่ในใจเขา"
แล้วเราวิเคราะห์แล้วสรุปว่าได้ตรงไหน?
"มันได้มาบ้าง แต่ว่าอย่างที่บอกพวกผมทำงานเบื้องหลังกันมานาน สิ่งที่เกิดขึ้นมันค่อนข้างแปลก เราเลยรู้สึกว่าการวิเคราะห์ไม่รู้มันตรงจริงๆ หรือเปล่า แต่พอเรามานั่งวิเคราะห์จริงๆ แล้วมันมีเรื่องของเมโลดี้ ก็คือมันเป็นเมโลดี้ง่ายๆ มีอยู่แค่ 2-3 เมโลดี้ เหมือนเป็นเพลงกล่อมเด็กนอนง่ายๆ
ตอนแรกที่เราทำเมโลดี้แบบนี้เราคิดแค่ว่ามันไหลลื่น พอเรามีประโยคนี้มา จะใช้จังหวะประมาณไหนเราคิดในเวย์ของคนทำเพลง เราคิดแค่ว่ามันเป็นวลีที่ทำให้คนติดหูง่ายๆ เราไม่ได้คิดถึงที่ว่าจะเป็นโน้ตที่เด็กจำได้ เอาอย่างนี้ดีกว่าไม่ได้คิดถึงหน้าเด็กๆ เลยอันนี้พี่ขอโทษน้องๆ นะ (หัวเราะ)
แต่พอมานั่งวิเคราะห์จริงๆ ก็คือจังหวะมันง่ายเป็นจังหวะตกหมดเลยที่ใครๆ ก็ร้องได้ โน้ตคล้ายกับพวกเพลงกล่อมเด็ก มีจังหวะที่แอบดื้อได้บ้าง มีเนื้อหาพยัญชนะนู่นนั่นนี่"
ตอนนี้เหมือนเป็นเพลงชาติของเด็กน้อยไปเลย?
"ก็ขอบคุณมากๆ ครับ ก็แอบรู้สึกว่ามันดีต่อคนทำเพลง มีคนชอบเยอะ แค่เหมือนกับว่าเปลี่ยนกลุ่มทาร์เก็ตเฉยๆ ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้ตั้งทาร์เก็ตแต่เรารู้ว่ากลุ่มคนฟังเราอยู่ในช่วงอายุประมาณไหน เป็นช่วงวัยรุ่นมัธยม มัธยมปลายๆ จนถึงมหา' ลัยคือเราก็จะรู้ตามสแต็ตของเรา แต่ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นกับเด็กที่เพิ่งเกิดหรือเด็กสามขวบ เด็กอนุบาลเราไม่ได้คิดตรงนั้นเลย เพราะเราไม่แน่ใจว่าเด็กๆ ในยุคนี้เค้าฟังเพลงแบบไหนกันแล้ว แล้วเค้าชอบเพลงแบบไหนกัน"
เราเคยถามน้องๆ ไหมว่าทำไมถึงชอบเพลงพี่?
"เคยถามครับ แต่พอคุยแล้วไม่ค่อยได้อะไร (หัวเราะ) ส่วนใหญ่ที่เจอคือเราก็ไม่ได้ถามแบบจริงจัง เพราะน้องๆ เขามีความน่ารัก เต็มที่ก็คือเข้ามากอดเราเลยรู้สึกว่าถ้าจะไปถามเด็กว่าทำไมถึงชอบเพลงเรามันก็แปลกๆ ก็เลยให้เป็นความรู้สึกธรรมชาติกันดีกว่า"
เรื่องของงานจ้างเริ่มมีสถานที่แปลกๆ ใหม่ๆ ขึ้นมารึยัง วันเด็กไม่ว่างแล้วใช่ไหม?
"(หัวเราะ) วันเด็กมีงานครับ จริงๆ ตอนนี้เหมือนพี่ผู้จัดการเค้าอัปเดตล่าสุด มีคุณครู มีหมอฟัน จริงๆ ก็มีพวกโรงเรียนติดต่อมาบ้างอยากให้ไปเล่นตามอีเวนต์ของวันเด็กครับ"
มีคลิปออกมาว่า เด็กมาหน้าขอบเวที แล้วเราบอกให้เด็กๆ ไปแปรงฟัน หลังดูคอนเสิร์ตจบแล้ว ตอนนั้นที่ไปโชว์แล้วเห็นคนดูเป็นเด็กน้อย มีความรู้สึกยังไง?
"คือมันค่อยๆ เริ่มมาตอนช่วงนี้ที่เริ่มมีกระแสหนักๆ เพราะว่าสถานที่ที่เราไปเล่นใกล้เคียงกับแบบเดิม แต่มันเริ่มเหมือนกับว่าพ่อแม่เขาเริ่มอยากพาเด็กมา เราก็เริ่มแล้วเหมือนชีวิตมันเปลี่ยนไปว่ามีเด็กๆ มาขอถ่ายรูปหน่อย เข้ามาโอบเข้ามากอดแล้วก็รู้สึกว่ามันเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว เหมือนอารมณ์สมัยเด็กๆ ที่เราไปดูลิเก
แล้วงานนั้นเหมือนเขาตั้งแท่นขึ้นมาให้เด็กๆ ยืน เขาเขียนป้ายเลยว่าอายุมากกว่า 12 ปีห้ามขึ้น รู้สึกว่าแปลกมากเลยนะเพราะตั้งแต่เล่นดนตรีมาก็ไม่เคยเจอแบบนี้ ก็เลยกลายเป็นว่าโอเคที่มันเปลี่ยนไป ไปในทางที่มีความสุขมากขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือผมต้องจับมือเด็กๆ บ่อยมากขึ้น เหมือนปลุกเขาตลอดเวลา เพราะกลัวเขาหลับ จะได้รู้สึกตื่นตลอดเวลา พอจบโชว์แล้วกินนมแปรงฟัน"
ล่าสุดเห็นผู้ปกครองโทร. มาถามว่ารับงานเช้าบ้างมั้ย?
"ใช่ๆ ก็คือเหมือนกับว่า เขาคงอยากพาเด็กๆ ไปดู ซึ่งปกติงานในผับกลางคืน เด็กอาจจะเข้าไม่ได้ ส่วนใหญ่เราจะเล่น 4-5 ทุ่ม และสถานที่บางที่เด็กอาจจะเข้าไม่ได้ เขาก็เลยคิดว่าทำยังไงจะให้ลูกๆ มาดูด้วยได้ แต่พี่ๆ ก็ยังไม่ตื่น (หัวเราะ)"
แนวเพลงจะเปลี่ยนมั้ย ถ้าเกิดเด็กๆ มาดูด้วย?
"คิดว่าน่าจะไม่เปลี่ยน เพราะว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมาย คือการเป็นตัวตนของเราในวันนี้ เพราะเด็กที่เขาชอบ เขาชอบจากการเป็นตัวตนของเราจริงๆ ผมก็เลยรู้สึกว่าเราอาจจะไม่ได้เปลี่ยนขนาดนั้น แต่เปลี่ยนในแง่ของการเล่นสด เราอาจจะมีสัมพันธ์ร่วมกับเด็กๆ มากขึ้น ผมแค่รู้สึกว่าดีที่เราไม่มีเพลงคำหยาบ ผมกลับมาเช็กว่ามีสบถบ้างมั้ย ซึ่งก็ไม่มีเลย ในอัลบั้มก็พยายามทำเพลงแบบที่ไม่มีคำหยาบให้ได้มากที่สุด ผมมองว่าในวัยที่โตขึ้นก็อาจจะมีพูดคำหยาบแหละ แต่ถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยได้ ผมว่ามันน่าจะดี เราก็เลยปรับมู้ดแอนด์โทนในเรื่องการเขียนเพลง"
จริงๆ เราเป็นคนรักเด็กมั้ย?
"จริงๆ ผม 2 คนรักเด็กมากเลยนะ เวลาเด็กเดินมาเขาจะชอบกอด เราก็จะกอด ชอบลูบหัว แล้วคือมีน้องคนหนึ่งเดินเข้ามากอด ส่วนอีกคนที่ไม่ได้กอดเขาก็จะยืนชี้ว่า นี่พ่อเธอใช่มั้ย (หัวเราะ)"
เวลาที่เด็กๆ มาเจอเรา ด้วยลุคของเราที่มีรอยสัก เขาตกใจมั้ย?
"เขาเขินนะ โดยส่วนใหญ่จะเขิน แต่ถ้าคนที่ชอบมากๆ เขาจะร้องไห้เลย บางทีก็จะเดินเข้ามากอดเลย แต่ผมว่าเด็กที่เกิดในเจนนี้ ลุคผมที่มีรอยสัก ผมว่าเขาไม่น่าจะกลัวแล้ว ผมว่าอะไรที่มันเป็นธรรมชาติที่เขาเคยชินอยู่แล้ว ผมคิดว่ามันไม่น่าจะรู้สึกแตกต่าง ซึ่งเขาแสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติว่าเขารัก ไม่ว่าจะด้วยผลงานหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขามีความสุขกับเพลงของเรา"
เราถูกยกให้เป็นต้นแบบของเด็กๆ ไปแล้ว ยากต่อการวางตัวมั้ย?
"สำหรับผม ก็มานั่งคิดเรื่องนี้ จริงๆ ผมอยู่ในวัยที่แยกแยะได้แล้ว บางเรื่องก็ไม่ได้ดีมาก บางเรื่องก็มีดีบ้าง ผมรู้สึกว่าอาจจะวางตัวให้มันสุ่มเสี่ยงน้อยลง เพราะว่าเวลาที่เราอยู่ตรงกลาง ผมรู้สึกว่าบางเรื่องเด็กๆ ยังไม่สามารถวิเคราะห์ แยกแยะเองได้ อย่างเรื่องไหนที่จะสุ่มเสี่ยงต่อการที่เด็กจะตีความไปในทางที่ไม่ดีได้ ผมอาจจะเลี่ยงที่จะทำเรื่องที่ไม่ดีให้เด็กๆ เห็น เช่น การดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ ผมอาจจะวางตัวให้มันเซฟมากขึ้น"
ผู้ปกครองมีฟีดแบ็กยังไงบ้าง?
"ยังไม่เชิงวิจารณ์อะไร แต่เหมือนกับว่า ผู้ปกครองพูดตั้งนานนะไม่ยอมแปรงฟัน แต่พี่ๆ เขามาพูดรอบเดียว แปรงฟันเลย แต่ว่าเราก็พูดไปด้วยความตลกๆ ของเรา"
มีแบบเด็กๆ มาบอกว่าอยากเป็นนักร้องแบบพี่มั้ย?
"ผมเริ่มสังเกตเล็กๆ ว่าเหมือนกับเขาเริ่มแต่งตัวให้มีความคล้ายๆ เรา เริ่มเอาชุดมาแต่งประมาณนี้แล้ว ใส่รองเท้ายี่ห้อเดียวกับเรา คุณพ่อคุณแม่น่าจะซัพพอร์ต ผมเลยคิดว่าสุดท้ายแล้วต่อให้เขาอยากเป็นนักร้องแบบเราหรือไม่ก็ตาม แต่ผมคิดว่าในช่วงเวลานี้ผมก็จะเก็บเกี่ยวโมเมนต์ดีๆ ไว้แล้ว ถ้าเกิดมีบางอย่างที่คืนให้น้องๆ ได้ ในเรื่องของวิธีคิด พวกเราคิดว่าจะพยายามทำตรงนี้"
แปลกดีเพราะปกติไม่เคยมีใครพยายามปรับตัวตามแฟนคลับ แต่เราปรับตัวตามแฟนคลับ?
"ผมรู้สึกว่าพอมันมีเด็กๆ ในโลกของผมที่เป็นโลกสีเทาๆ พอมันมีความสดใสเข้ามา มันเลยสะท้อนให้เราเห็นว่า การที่เรารับอะไรเข้ามาแบบนี้ มันทำให้เราดีขึ้นในบางมุม มันก็ดีเหมือนกัน เพราะผมรู้สึกว่าเราไม่ได้ต้องการเป็นคนที่ดี 100%"
ฝากถึงน้องๆ?
"อยากให้น้องๆ ใช้ชีวิตช่วงนี้ให้มีความสุขที่สุด แล้วก็รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองในตอนนี้ให้ดี กินอาหารให้ดี นอนพักผ่อนให้เพียงพอ หาสิ่งที่เราชอบในชีวิตทำ สำหรับคนที่หาตัวเองเจอแล้วก็สนุกกับมัน และคนที่ยังหาไม่เจอก็ยังไม่ต้องกดดันมัน ใช้เวลากับมันและใช้ชีวิตให้สนุกที่สุด เพราะมันเป็นช่วงวัยที่ความรับผิดชอบยังไม่ได้เยอะมาก"
คำขวัญวันเด็กของวงเรา?
"สร้างสรรค์ความคิด ผูกมิตรซื่อตรง ก้าวอย่างมั่นคง ฟังทรงอย่างแบด".
คุณกำลังดู: ทรงอย่างแบดฟีเวอร์ เปิดใจ ฮาย-เซน "เปเปอร์ เพลนส์" ขวัญใจวัยรุ่นฟันน้ำนม
หมวดหมู่: ความบันเทิง