Toyota IMV 0 ต้นแบบรถสู้งานทรงเก๋ที่เราอยากให้มีมากกว่าบอดี้กระบะ

ส่อง กระบะเลโก้รุ่นใหม่ต้นแบบแนวคิด TOYOTA IMV ZERO ขายจริงปลายปีหน้า ราคาถูกกว่า HILUX REVO

Toyota IMV 0 ต้นแบบรถสู้งานทรงเก๋ที่เราอยากให้มีมากกว่าบอดี้กระบะ

Toyota IMV 0 ต้นแบบรถสู้งานทรงเก๋ที่เราอยากให้มีมากกว่าบอดี้กระบะ

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเราอาจได้เห็นข่าวสารของค่ายสามห่วงกันเยอะหน่อยเพราะเป็นช่วงที่มีงานฉลองครบรอบ 60 ปี Toyota ประเทศไทย ด้วยอายุขนาดนี้ ถ้าเป็นคนคงคิดก่อนว่าจะประกาศดีไหม ผมเคยถามพ่อผมว่าทำไมตอนพ่ออายุ 60 ปีไม่เห็นมีฉลองแซยิดเหมือนลุงเขาบ้าง พ่อบอกแค่ว่าทำไมตรูต้องป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าตรูแก่ฟระ ก็จริง..แต่ในแง่ของบริษัทรถยนต์ในระดับประเทศ การอยู่มานานขนาดนี้ได้และยังขายดีอันดับต้นตารางในเซกเมนต์หลักทั้งหมด ก็น่าจะฉลองเพื่อบ่งบอกความไม่ธรรมดากันสักหน่อย ขนาดที่ท่านประธาน Akio Toyoda บินมาร่วมงานแถลงข่าวด้วยหลังจากไปทานปูผัดผงกระหรี่ที่สมบูรณ์ภัตตาคารมาก่อน

การแถลงข่าว ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ วันที่ 14 ธันวาคมนั้น นอกจากเรื่องการจับมือกับ CP เพื่อวิจัยด้านไฮโดรเจนเพื่อการขนส่งและยานพาหนะ ก็ยังมีเรื่องขุมพลังในอนาคตของ Toyota ซึ่งคุณ Akio ก็พูดเหมือนกันในทุกประเทศที่ไปว่า Toyota จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังในโลกของรถยนต์ นั่นหมายถึงการมีรถทุกแบบขุมพลังการขับเคลื่อนเพื่อลูกค้าที่มีรูปแบบชีวิตแตกต่างกันไป

และในกลุ่มลูกค้าที่มีขนาดใหญ่มากของไทย ก็คือกลุ่มรถกระบะ รถบรรทุกขนาดเล็กนั้น ทาง Toyota ก็มีของเตรียมไว้ให้เช่นกัน อย่างแรกก็คือรถต้นแบบ Hilux Revo BEV ซึ่งนำ Revo ตอนเดียวมาทำเป็นรถกระบะไฟฟ้า ซึ่งวางมอเตอร์ขับเคลื่อนไว้ระหว่างล้อคู่หลัง วางแบตเตอรี่ไว้ท้ายรถ

Toyota ทดลองรูปแบบของตัวรถนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจับ Revo มาเปลี่ยนกระจังทำเป็น Mock-up จอดโชว์อย่างที่บางคนเข้าใจ อันที่จริงในขณะที่ผมเขียนอยู่นี้ รถ Revo BEV กำลังวิ่งสาธิตอยู่ในงานที่สนาม Chang International Circuit จังหวัดบุรีรัมย์ครับ

แต่รถคันที่ผมให้ความสนใจมากคือ รถต้นแบบ IMV 0 (ไอเอ็มวี ซีโร่) ซึ่งเป็นรถแสดงแนวคิดว่า “ทำอย่างไรให้ได้รถสู้งานหนักขนาดเล็กที่ราคาถูก ดัดแปลงเพื่อการใช้งานหลากหลายรูปแบบได้ง่าย และมีหน้าตาที่แตกต่าง จะใช้เดิมๆหรือแต่งต่อให้เก๋กลายเป็นรถแฟชั่นก็ได้” ที่สำคัญคือ ท่านประธาน Akio Toyoda พูดชัดเจนว่า “รถคันนี้จะมาสู่ตลาด ภายในเวลาหนึ่งปีหรือมากกว่าจากวันนี้ไป” ซึ่งไม่ได้แปลว่าห้าหรือหกปีนะครับ ข่าวจากผู้สื่อข่าวอาวุโสบางท่านบอกว่าเร็วสุด กลางปี 2023 ก็น่าจะเห็นตัวเวอร์ชั่นขายจริงกับสเป็คคร่าวๆกันแล้ว

ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนารถรุ่นนี้ ซึ่งถือเป็น “กัปตันทีม” ก็คือ ดร. จุฬชาติ จงอยู่สุข หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค TDEM ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในการปรับโฉม Hilux Revo โฉม Rocco ตัวแรก รวมถึงดูแลการปรับโฉมปรุงเทคโนโลยีใน Revo/Fortuner 2020 ซึ่งในครั้งนั้นนับเป็นโอกาสแรกที่ Toyota ประเทศญี่ปุ่นไว้ใจให้คนไทยคุมการสร้างรถรุ่นที่ต้องนำไปทำตลาดระดับ Global และถ้าคุณคิดว่า ดร. จุฬชาติจะเป็นมนุษย์โต๊ะ ร่างแบบ คำนวณ พรีเซนต์ คิดใหม่นะครับ นี่คือคนที่เติบโตมากับการทดสอบรถ Toyota ภาคสนามตั้งแต่ 18 ปีที่แล้ว เขาคลุกคลีอยู่กับรถกระบะ รถอเนกประสงค์ เห็นถนนเมืองไทย เห็นการใช้รถของคนไทย รับรู้กลวิธีมากมายของคนไทยในการ “ใช้รถเกินขีดจำกัด” มาเยอะมาก

ความรู้เหล่านี้คือสิ่งที่เขานำมาใช้อย่างเต็มที่กับลูกรักของเขา (คนเป็นหัวหน้าโครงการพัฒนารถ มักจะมองรถที่ตัวเองฟูมฟักมาในแบบนั้น) เขาทราบดีว่าอะไรคือจุดที่ลูกค้าตัวจริงต้องการจากรถสู้งาน สิ่งที่เราสามารถคาดหวังได้จากรถคันจริงก็คือ ความทนทานขั้นสูงสุด และความง่ายในการซ่อมบำรุง ตัวอย่างเช่น การออกแบบกันชนหน้าให้แยกออกเป็น 3 ชิ้น ซ้าย-ขวา-กลาง ชิ้นไหนได้รับความเสียหาย ก็เปลี่ยนเฉพาะจุดไป รวมถึงการมีจุดรัด ห่วงผูกเชือก แฝงอยู่ตามจุดต่างๆรอบรถในลักษณะที่ดูแล้วเก๋ไก๋ เพราะในกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถเพื่อการยังชีพ บางทีอาจมีการตั้งรถทำเป็นร้านกาแฟ ร้านขายผลไม้เคลื่อนที่ การมีหูยึดผูกเชือกแบบนี้ก็ช่วยให้เติมโครงสร้างต่างๆเข้าไปได้ง่ายในยามที่รถจอด

ถ้าจะให้พูดตามความจริง แนวคิดรถสู้งานเพื่อชีวิต ราคากันเองแบบนี้ Suzuki Carry เป็น “เดอะแบก” ในตลาดมานานแล้ว แต่มันก็น่าสนใจตรงที่ Toyota จะหันมาเล่นบ้าง และด้วยความป๋าทางทรัพยากรวิศวกรรม รวมถึงชื่อชั้นของแบรนด์ที่คนไทยยอมรับเป็นวงกว้าง ไม่แน่..อาจจะสร้างยอดขายได้มากกว่า

สิ่งหนึ่งที่ทั้ง Carry และ IMV 0 มีความคล้ายกันก็คือ คุณสามารถทำอะไรต่อมิอะไรบนกระบะหลังรถได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกของธรรมดา เป็นรถตีกรงบรรทุกปศุสัตว์ก็ได้ จะเอาไว้ขังผัวเวลาผัวไม่รักดีก็ได้ น่าจะได้คอนเทนต์ด้วย หรือจะแปลงเป็นรถ Camper Van ค่ำไหนนอนนั่นก็ได้ (ดร. จุฬชาติบอกว่าเขาชอบการแปลงแบบนี้มากที่สุด)

จุดที่แตกต่างคือ ทีมออกแบบพยายามทำให้กระบะท้ายนั้น สามารถปรับแต่ง เปลี่ยนรูปแบบ ถอด ติดตั้งชิ้นส่วนได้โดยง่าย ชนิดที่ว่า ถ้าเป็นการแปลงนิดๆหน่อยๆ ลูกค้าต้องสามารถทำเองได้เพื่อประหยัดเงินและเวลา งานหลักที่ไม่ซับซ้อนเช่นตั้งเสา ติดหลังคา ถอด/ใส่เก้าอี้นั่ง ต้องสามารถทำได้โดยใช้คน 2 คนกับเวลา 1 ชั่วโมง ความง่ายลักษณะนี้ทำให้คุณตี้ ช่อง Day Dream Drive โพสต์ลง Facebook ว่า “กระบะ LEGO” ซึ่งสองวันหลังจากนั้น คำนี้ก็ไปอยู่บนเว็บไซต์ต่างประเทศเรียบร้อย ชอบไม่ชอบ ไม่รู้ แต่มันสื่อถึงความง่ายในการถอดประกอบได้เป็นชิ้นๆแบบนั้นจริงๆ

นอกจากนี้ทีม Toyota ยังจัดทำคู่มือและเตรียมอบรมเทคนิค มอบความรู้ในการดัดแปลงให้ธุรกิจดัดแปลงรถนำไปใช้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าน็อตตัวไหนขันได้ ตัวไหนอย่ายุ่ง จะติดตั้งอะไรเพิ่มให้ยึดตรงคานไหนจึงจะแข็งแรงสุด เป็นต้น คือไม่ใช่เอะอะอมพะนำ จะล่อลูกค้าเข้าศูนย์อย่างเดียว เขากระจายความรู้ออกไปให้กว้างที่สุด..การกุศลเหรอ..เปล่าหรอก เขารู้ครับว่าถ้าทำรถประเภทเอะอะต้องเข้าไปทำที่ศูนย์ ลูกค้ากลุ่มนี้ขอบายแน่นอน

ในเรื่องของการออกแบบ ทีม ดร. จุฬชาติทราบดีว่า คนไทยชอบของถูก แต่ไม่ชอบสินค้าที่ดูแล้วโคตรถูก (Cheap Design) เขาจึงพยายามทำให้รถฉีกแนวออกไปจากรถพาณิชย์ราคาประหยัด ในภูมิภาคอาเซียน 30-40 ปีก่อน Toyota เคยสร้างรถกระบะเล็กประหยัดต้นทุน เช่น Toyota Kijang/Tamaraw Pick-Up ซึ่งขับได้จริงวิ่งได้จัง แต่ไม่ใช่อุปกรณ์อวดความเก๋

ใน IMV 0 ดีไซน์จะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อ จากการดูพรีเซนต์ของ Toyota ในวันนั้น ผมสังเกตได้ว่า เส้นสายของตัวรถ มีกลิ่นอายของความทันสมัยจากรถต้นแบบ Compact Cruiser EV บวกกับความแกร่งไม่เกรงใจไพรพงของ Land Cruiser 70-Series ซึ่งก็ถูกแล้วที่เป็นเช่นนั้น ในเมื่อรูปแบบของรถที่น่าจะลำตัวสั้นกว่า Revo เป็นตัวกำหนด คุณไม่มีทางไปรุ่งแน่ถ้าจะทำให้มันดูเฉี่ยว เรียว เปรียว ถ้าเป็นแบบนั้นก็ทำให้มันมีความ Bull Dog สั้น ล่ำ กำยำ เล็กแต่โหดไปเลยดีกว่า

สิ่งที่ Toyota ไม่ได้พูดถึงระหว่างพรีเซนต์ แต่เราสามารถคาดเดาต่อได้ ก็คือ มันไม่ได้มาแค่รุ่นถูกเพียงรุ่นเดียวหรอกครับ รุ่นย่อยตัวถูกสุด อาจจะมาพร้อมไฟหน้าฮาโลเจนหลอดเหลือง ตัวรถเพลนๆ กระจกมือหมุน ภายในเป็นเบาะหนังเทียมสีเทาๆ พลาสติกสีเดียวทั้งคัน ไม่มีกระบะหลัง ให้ลูกค้าไปทำต่อเอง

ราคารถน่าจะถูกกว่า Revo รุ่นที่ถูกที่สุดที่มีตอนนี้ (Revo Standard Cab รุ่น 2.4 ไม่มีกระบะหลัง ราคาอยู่ที่ 554,000 บาท) และในรุ่นย่อยที่สูงขึ้น ก็จะปรับภายในให้สวยขึ้น มีอุปกรณ์มากขึ้น รวมถึงคาดเดาได้ว่า Toyota จะทำอุปกรณ์เสริมแต่ง Accessories ราคากันเอง ซื้อที่ศูนย์หรือสั่งผ่าน Shopee ได้ ใครมีเงินน้อยก็ค่อยๆซื้อใส่ทีละชิ้นไป ส่วนรุ่นสูงสุด ก็พูดได้ว่า อะไรที่ Revo มี IMV 0 ก็สามารถมีได้เหมือนกัน

ที่ผมกล้าพูดเช่นนั้น ก็อาศัยจากการดูพรีเซนต์ รวมถึงได้ข้อมูลจากทาง AutolifeThailand โดยคุณนิธิ ท้วมประถม เราพูดกันตรงไปตรงมานะครับว่า รถที่ต้องทำราคาขายให้ถูก ไม่น่าจะทำได้ถ้าคุณต้องลงทุนพัฒนาโครงสร้างตัวถังใหม่หมด แล้วไง? ก็มีโครงสร้างของ Revo อยู่แล้ว ก็เอามาใช้สิครับ คุณเห็นชื่อรถต้นแบบ IMV 0 ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันจะใช้โครงสร้าง IMV ที่พัฒนาต่อยอดกันมาตั้งแต่สมัย Vigo แล้ว

ความที่พัฒนาบนพื้นฐานหลัก IMV แน่นอนว่าอะไรที่อยู่ใน Revo คุณแทบจะ “Transfer” มาได้ทั้งหมด รถในพรีเซนต์ยังใช้หน้าปัดจาก Revo 2.4 Entry เลยด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าคุณจะเอาหน้าปัด MID สเป็คสูงกว่าจาก Revo รุ่นแพงๆ ก็ทำได้

เครื่องยนต์ที่ใช้ ก็คงหนีไม่พ้น 2GD-FTV 2.4 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตรในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 400 นิวตันเมตรในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ลูกค้ากลุ่มเน้นใช้งานเอาทน ถึงแม้จะสนเทคโนโลยีที่ใหม่กว่านี้ แต่ถ้าต้องเลือก เขาเลือกความทนทานไว้ใจได้มากกว่าความทันสมัย 2GD ก็เป็นเครื่องที่รู้กันว่ารอบต้นแรงดี รอบปลายเหี่ยวหน่อย แต่ใช้น้ำมันคุ้มค่าและปัญหาโคตรน้อย สายแรงอยากปรุงรสเครื่องหน่อย เอาหัวฉีดกับเทอร์โบของ 1GD 2.8 ลิตรมาใส่ก็วิ่งไม่น่าเบื่อแล้ว

พูดถึงเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ผมคิดว่า Toyota คงเก็บไว้ให้ Hilux ใช้มากกว่า รถอย่าง Hilux มีกลุ่มคนใช้เยอะและมีคนที่ยึดติดกับกระบะทรงยาวอยู่ การฆ่า Hilux ทิ้งจะไม่ง่ายเหมือนการเอา ATIV มาแทน Vios คุณผู้อ่านท่านหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า IMV 0 อาจมาแทน Hilux Revo ตอนเดียวในอนาคตไปเลยก็ได้

ลองดูทิศทางลมครับ ว่าจะพัดไปทางใด สำหรับการสร้างรถเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มที่ยังไม่สามารถซื้อ EV ใช้ได้ในขณะนี้ หรือกลุ่มที่ลักษณะการใช้งานไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้ EV..แต่ถ้าคุณถามว่า แล้ว IMV 0 จะมีเวอร์ชั่น EV ไหม? ไม่มีใครรู้หรอกครับตอนนี้นอกจากคน Toyota เอง แต่พวกเราคนวงนอกก็ลองดูสิครับว่า เห็นไหม Revo BEV เขาทำรถคันจริงวิ่งได้มาให้ดูแล้วนี่ แล้วเจ้า IMV 0 ก็มีโครงสร้างพื้นฐานแชร์กันกับ Revo ดังนั้นการส่งต่อและแชร์ขุมพลัง ก็มีความเป็นไปได้สูง

เขียนมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมอยากจะขอสอดไอเดียตัวเองบ้างว่า อยากให้ Toyota ลองพิจารณาดู การทำ IMV 0 เป็นรถกระบะตอนเดียว คือภารกิจที่หนึ่งอันมีแนวโน้มประสบผลสำเร็จ แต่ What if? What if we can harvest more from it? ถ้าเราสามารถดันไปได้ไกลกว่าการเป็นรถพาณิชย์ล่ะ? เราอาจจะก่อให้เกิดรถรุ่นใหม่ๆที่แม้บางอย่างอาจไม่เหมาะกับตลาดเมืองไทย แต่มีที่ไปในตลาดอาเซียน หรือแม้กระทั่งตลาดโลก? ถ้าผลงานคนไทยดังจนขายทั่วโลกได้อีกรุ่น ประเทศเราก็มีแต่จะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจาก Toyota เมืองแม่มากขึ้น โอกาสที่รถรุ่นอื่นๆจะทำตามรสนิยมชาวไทยก็ยิ่งมีมากขึ้นไปด้วย

ถ้าเราสามารถใช้ดีไซน์ส่วนหน้าแบบ IMV 0 แต่อัปเกรดให้ดูมีแฟชั่นขึ้น แล้วสร้างรถบอดี้หลากหลายแบบ ทำนองคล้ายกันกับที่ Land Cruise 70-Series ก็เอาโครงสร้างเดียวกันมาทำเป็นทั้งทรงกระบะ ทรง 3 ประตูตัวสั้น หรือทรง SUV ตรวจการณ์? นึกถึงสมัยก่อนที่เรามีรถอย่าง Suzuki Vitara 3 และ 5 ประตู รถอย่าง Kia Sportage ที่เป็นรถเครื่องวางตามยาวตัวเล็กขับคล่องแต่ลุยแบบรถใหญ่อายได้ในราคารถเล็ก ลองคิดดูสิครับ ถ้าเรามีรถคลาสเล็กกว่า Fortuner แล้วหน้าตาเหมือน IMV 0 ที่แคร์เรื่องลดต้นทุนน้อยลง เก๋ขึ้น แล้วมีเวอร์ชั่นสามประตูตัวสั้น ผมว่าสำหรับหลายๆคนมันน่าจะทดแทน JIMNY ที่เคยว่าจะประกอบในไทยแล้วโครงการแท้งไปได้เลย มันจะกลายเป็นยาแก้เบื่อชั้นดีสำหรับคนที่มองหารถอเนกประสงค์ดีไซน์แปลกใหม่ มากอรรถประโยชน์ใช้สอย แต่เริ่มชินตากับ SUV รุ่นที่ขายดีวิ่งเต็มถนนมาหลายปี

มันจะเป็นรถที่ คนถนัดแต่งสวย ก็จะหาทางซื้อมาแต่งสวย คนที่ลึกในทางเทคนิคเข้าไปหน่อย อาจจะพยายามหาทางเบิกพาร์ทของรุ่นสูงๆจาก Fortuner/Revo มาลองใส่ หรือบางทีอาจจะไม่ต้องค้นคว้าวิจัยนานเลยเพราะหลายชิ้นอาจจะเสียบใส่กันได้เลย ผู้ผลิตโช้คแต่ง ก็ไม่ต้องสร้างกระบอกโช้คใหม่ แค่เอาที่มีอยู่แล้วปรับค่าความหนืดตามน้ำหนักรถก็ขายได้เลย คนขาย ก็ไม่ต้องพูดเทคนิคมาก แค่บอกว่าใต้เปลือกลงไปคือ Fortuner หลายคนก็พร้อมเซ็นใบจองแล้ว

ที่สำคัญ เมื่อองค์ประกอบระบบขับเคลื่อนทางด้าน EV พร้อม IMV 0 ในร่าง SUV ตัวสั้น 3 หรือ 5 ประตู น่าจะขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าใช้งานเอง เป็นรถส่วนตัวป้ายทะเบียนขาวอักษรดำได้อีกต่างหาก ไหนๆเราจะโกยเงินจาก IMV-platform แล้วเอาให้สุดไปเลย ถ้าคุณจะไปตามปรัชญาที่ว่า ทำขายทุกรูปแบบขุมพลังตราบใดที่มีคนซื้อ ก็ลองดู ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ถ้ามีรถอย่างที่ว่านี้ขายจริง ไม่แน่นะครับ เมื่อผมผ่อนชำระคันที่ใช้ในปัจจุบันจบ คันต่อไปของผม อาจเป็นรถแบบนี้ IMV 0 SUV ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าก็ได้

ถ้ายังไม่แน่ใจ ผมว่า Toyota ลองทำเป็นรถต้นแบบรูปทรงตามที่ผมว่าอีกสักคัน แล้วลองดู Feedback จากผู้ชมผู้อ่านทางบ้านก็ได้ครับ

เอ๊ะ..หรือว่าตอนนี้รถที่ว่านั่นจอดแอบอยู่ในตึกของพวกพี่อยู่แล้ว?

Pan Paitoonpong

คุณกำลังดู: Toyota IMV 0 ต้นแบบรถสู้งานทรงเก๋ที่เราอยากให้มีมากกว่าบอดี้กระบะ

หมวดหมู่: รถยนต์

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด