TOYOTA NEW PRIUS PLUG IN HYBRID 2023 มีสิทธิมาไทย วิ่งไกล 1,200 กิโลเมตร!
TOYOTA NEW PRIUS PLUG IN HYBRID 2023 เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ระบบปลั๊กอินไฮบริด 223 แรงม้า 0-100 ใน 6.8 วินาที มีลุ้นเข้าไทยแบบจำนวนจำกัดนะจ๊ะ!!
Toyota Prius 2023 สร้างความประทับใจด้วยอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงจากระบบส่งกำลังที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร บวกระบบปลั๊กอินไฮบริด ทำระยะทางได้ไกลกว่า 1,200 กิโลเมตรด้วยเชื้อเพลิงเพียงแค่ถังเดียวToyota ประเมินว่า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 43 กิโลเมตรต่อลิตร รวมถึงการวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียวๆ โดยปราศจากเครื่องยนต์ ไกลถึง 62 กิโลเมตร ของ New Prius Plug in Hybrid เหมาะกับคนที่ไม่สะดวกสำหรับการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV 100% ทางเลือกที่ยังคงเปิดกว้าง และสะดวกสบายกว่ารถยนต์ไฟฟ้าก็คือ ยานยนต์พลังงานผสมแบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟ ซึ่งยังคงมีเครื่องยนต์สันดาปภายในประจำการอยู่ และไม่ต้องกังวลเมื่อเห็นว่าระดับไฟในแบตเตอรี่ลดต่ำลงเรื่อยๆ โดยที่ยังหาสถานีชาร์จไฟไม่ได้
ด้านหน้าและบั้นท้าย คือ สิ่งที่โดดเด่นของ Prius เสียบปลั๊กชาร์จรุ่นใหม่ประจำปี 2023 เนื่องจากหัวหน้าวิศวกร Satoki Oya ซึ่งได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมโปรแกรมการพัฒนา Prius รุ่นที่ 5 ใช้การออกแบบที่รุดหน้า เนื่องจากผู้บริหารของ Toyota อนุญาตให้นักออกแบบและดีไซเนอร์ มีอิสระในการทำสิ่งที่ต้องการ ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่เรียกว่า การแสวงหาประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์อย่างไม่หยุดยั้ง การออกแบบส่วนหน้าในสไตล์ hammerhead หรือฉลามหัวค้อน ซึ่งเราจะเห็นได้เยอะมากขึ้นในรถยนต์ Toyota รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ส่วนท้ายที่ลาดเอียงอย่างประณีต ตัดด้วยแถบไฟ LED ที่ดูดีมีสไตล์ ทำให้นึกถึงไฟท้ายของ Corolla Liftback ในช่วงต้นยุค 90 แต่ส่วนท้ายของ new Prius ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น ป้าย Prius ถูกประดับไว้ที่ด้านหลังของรถ ราวกับว่า Toyota ภูมิใจในความสำเร็จที่ยาวนานของยานยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดรุ่นขายดี
เมื่อเปรียบเทียบกับ Prius รุ่นก่อนหน้า หลังคาของ Prius รุ่นใหม่จะเล็กลงถึง 50 มิลลิเมตร ในขณะที่ตัวรถก็กว้างขึ้น 20 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเพิ่มความยาวขึ้นอีก 50 มิลลิเมตร เสริมด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือ Prius รูปทรงลิ่มที่สวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและดูดีจากทุกมุม ล้อใหม่ขนาด 19 นิ้วหุ้มด้วยยางที่สูงขึ้นอีก 2 นิ้ว เพื่อเพิ่มความนุ่มนวล ล้อถูกดันเข้าไปใกล้กับมุมมากขึ้น ความกว้างของแทร็กที่กว้างขึ้น ด้านหน้า 2.3 นิ้ว ด้านหลัง 2 นิ้ว ในขณะเดียวกัน ฐานล้อก็ยาวขึ้นอีกสองนิ้ว มิติตัวถัง ยาว4,599 มิลลิเมตร กว้าง 1,782 มิลลิเมตร สูง 1,430 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,750 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,600 กิโลกรัม
ด้านบนของผืนหลังคา ถูกดึงกลับเพื่อให้ฝากระโปรงไหลเข้าสู่กระจกบังลมหน้าและหลังอย่างสวยงาม การออกแบบทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศอยู่ที่ 0.27 เทียบกับ 0.24 ของ Prius รุ่นที่แล้ว แต่ผลกระทบในเรื่องของแรงต้านทานอากาศจะลดลง เป็นผลมาจากค่า Cd ของพื้นที่ส่วนหน้า และจากความสูงของรถที่ลดลงมากกว่ารุ่นที่แล้ว พื้นที่เก็บสัมภาระจึงถูกลดปริมาณลงเล็กน้อย ทัศนวิสัยด้านหลังได้รับผลกระทบเล็กน้อยเช่นกัน เนื่องจากแผงกระจกแนวตั้งหายไป
การเปลี่ยนแปลงที่มองไม่เห็นใต้ฝากระโปรงหน้า เป็นการเปลี่ยนแปลงมากกว่าที่คุณคิด เครื่องยนต์สันดาปภายใน ตอนนี้เป็นเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 150 แรงม้า แทนที่จะเป็นเครื่อง 1.8 ลิตร ซึ่งให้กำลังเพียง 96 แรงม้า มอเตอร์เสริมแรงซิงโครนัสแบบแม่เหล็กถาวร ทำให้ระบบขับเคลื่อนไฮบริดมีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น เนื่องจากมีแม่เหล็กหกตัว แทนที่จะเป็นสามตัว เหมาะสำหรับกำลัง 111 แรงม้าแทนที่จะเป็น 71 ม้า ระบบเกียร์ Continuously variable-speed automatic transmission (ECVT) เมื่อรวมกำลังเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า Prius Plug in Hybrid จะมีกำลัง 223 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 186 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สำหรับมอเตอร์แบบใหม่ ช่วยขยายอัตราเร่งความเร็วรวมไปถึงสภาวะการใช้งานบนเส้นทางภูเขาสูงชัน ซึ่งมอเตอร์เสริมแรงช่วยให้ได้เปรียบด้านกำลังแรงม้าสูงสุดของชุดขับเคลื่อน FWDอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 43 กิโลเมตรต่อลิตร ที่ชาร์จ AC ในตัวมีขนาด 3.5kW ชาร์จไฟจาก 0-100% ภายในเวลาประมาณสี่ชั่วโมงแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน ขนาด 13.6kWh ติดตั้งไว้ใต้เบาะนั่งด้านหลังแทนที่จะอยู่ใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระ ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระมากขึ้น
การปรับปรุงจัดการประสิทธิภาพของระบบเบรก ขยายแนวคิด ประสิทธิภาพที่คู่ควรกับการออกแบบ ไปสู่การปรับแต่งแชสซี แมคเฟอร์สันสตรัทด้านหน้าและระบบกันสะเทือนแบบมัลติลิงค์ด้านหลัง ได้รับการปรับตั้งใหม่หมดโดยคำนึงถึงการควบคุมที่มีเสถียรภาพ โช้คอัพ KYB พร้อมวาล์วภายในที่ปิดเมื่อได้รับแรงจากด้านข้าง เพื่อเสริมแรงหน่วงที่มุมของล้อ วิศวกรของ Toyota แจ้งว่า การปรับแต่งช่วงล่างอย่างละเอียด ทำให้ Prius ใหม่พุ่งเข้าโค้งได้เหนือกว่ารถรุ่นที่แล้ว ยาง Michelin Primacy All Season ไซส์ประหลาด 195/50R-19 แม้ว่าจะใช้ยางขนาด 19 นิ้ว แบบ low-profile แต่ความนิ่มนวลก็ยังคงอยู่
เบรกหน้าและหลังมีขนาดใหญ่ขึ้น บูสเตอร์ใช้ปั๊มไฮดรอลิก แทนระบบสุญญากาศ เพื่อให้ความรู้สึกของการเบรกดีขึ้น ความรู้สึกและการตอบสนองของแป้นเบรกนั้นยังคงสม่ำเสมอ ในขณะที่คอมพิวเตอร์สลับไปมาระหว่างระบบเบรก regenerative braking มีการแก้ไขข้อผิดพลาดของรถ Prius ที่มีมาอย่างยาวนาน กระทืบเบรกจาก 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้ระยะทางไป 171 ฟุต
น้ำหนักรถที่ค่อนข้างต่ำเพียง 1,600 กิโลกรัม Toyota สามารถรักษาน้ำหนักของ Prius ใหม่ให้เท่ากับรุ่นก่อนได้ แม้จะมีอุปกรณ์เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งในการอัปเกรดแพลตฟอร์ม TNGA GA-C ข้อดีของแพลตฟอร์มใหม่คือความแข็งเกร็งในการต้านทานแรงบิดตัวที่เพิ่มขึ้น สำหรับผู้ซื้อ นั่นหมายถึงความประณีตและความเงียบบนถนน ขณะเดียวกัน วิศวกรปรับแต่งแชสซีและการตั้งค่าระบบกันสะเทือนให้เหมาะสม เพื่อหาสมดุลระหว่างความสะดวกสบายและการยึดเกาะถนน
ภายในที่ทันสมัย มีจอแสดงผลที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามสไตล์ของ
Toyota ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยทำให้ง่ายต่อการอ่านหน้าจอ คันเกียร์ของ
Prius
ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ง่ายขึ้นเมื่อมันยื่นตรงจากคอนโซลใกล้ๆ
มือ แทนที่จะยื่นออกมาจากแผงหน้าปัด
หน้าจอสัมผัสส่วนกลางเป็นจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว
การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนแบบไร้สายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ใต้หน้าจอ
ปุ่มสลับและปุ่ม HVAC ทางกายภาพ ทำงานด้วยตรรกะที่สมบูรณ์แบบ
ช่องเสียบชาร์จโทรศัพท์ USB Type C อยู่ข้างคันเกียร์
พร้อมการหนีบที่ชาญฉลาดเพื่อยึดโทรศัพท์ของคุณให้แน่น
ถาดชาร์จโทรศัพท์อยู่ข้างหน้าคันเกียร์ และช่องเสียบ USB-C
หกช่องกระจายอยู่ทั่วทั้งห้องโดยสาร
Toyota Safety Sense 3.0
Prius Plug in Hybrid 2023 มาพร้อมกับระบบความปลอดภัย Toyota Safety
Sense เจเนอเรชันล่าสุด TSS 3.0 ระบบความปลอดภัยแบบแอ็คทีฟ
ประกอบด้วยฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้วใน Prius รุ่นก่อนหน้า
แต่ปรับปรุงความสามารถเพิ่มเติม คุณลักษณะด้านความปลอดภัย
ประกอบด้วย:
Pre-Collision System with Pedestrian Detection
Lane Departure Alert with Steering Assist
Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control
Lane Tracing Assist
Road Sign Assist
Automatic High Beams
Proactive Driving Assist
ระบบ Pre-Collision พร้อมการตรวจจับคนเดินถนน ปรับปรุงความสามารถในการตรวจจับด้วยเซนเซอร์ระบบใหม่ ตรวจสอบทางแยก พร้อมความสามารถในการตรวจจับที่ดีขึ้นในบางสถานการณ์ นอกจากนี้ยังเพิ่มความสามารถในการตรวจจับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และคนเดินถนน
Lane Departure Alert with Steering Assist ปรับปรุงการจดจำช่องทาง ซึ่งรวมถึงการตรวจจับวัตถุ 3 มิติบางอย่าง เช่น ราวกั้น ที่อาจใช้เพื่อช่วยกำหนดเลน
Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control เพิ่มการตั้งค่าระยะทาง จากเดิมที่มีให้สามระยะ เป็นสี่ระยะ การตรวจจับยานพาหนะปรับปรุงใหม่ ช่วยให้สามารถตรวจจับยานพาหนะ ได้มากกว่าหนึ่งคัน รวมถึงยานพาหนะในเลนที่อยู่ติดกัน ระบบสามารถปรับความเร็วได้อย่างนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ขับเปลี่ยนช่องทาง
Lane Departure Alert การจดจำเลน ช่วยให้มีช่องว่างมากขึ้นระหว่างรถที่แล่นผ่านในเลนที่อยู่ติดกัน ทำงานโดยชดเชยเส้นทางการขับขี่ของรถด้วยการปรับพวงมาลัยเล็กน้อย ในขณะที่รักษาทิศทางของรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ
เพิ่มระบบหยุดรถฉุกเฉินใน Lane Tracing Assist ตรวจสอบความสามารถของคนขับ เช่น การควบคุมพวงมาลัย เพื่อพิจารณาว่าไม่ตั้งใจหรือไม่ตอบสนองต่อการควบคุม เช่น ในกรณีฉุกเฉิน ฟังก์ชันนี้สามารถทำให้รถจอดหยุดนิ่งได้หากคนขับไม่ตอบสนองต่อการเตือนให้เข้าควบคุมพวงมาลัย
Road Sign Assist ตรวจจับป้ายจราจร รวมถึงป้ายทางแยกและป้ายเตือนต่างๆ เช่น ทางม้าลาย
Prius โฉมใหม่ ออกขายแล้วเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ราคารุ่น Limited คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1,200,000 บาท คุณจะได้รับอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดี โดย ไม่ต้องสูญเสียสมรรถนะ ความสนุกในการขับขี่ และศักดิ์ศรีของการครอบครอง แว่วๆ มาว่า Toyota Motor Thailand น่าจะมีการนำเข้ามาทำตลาดในไทยแบบชิมลาง ด้วยจำนวนของการนำเข้าที่ไม่มากนัก (ไม่เกิน 30 คัน) ส่วนราคา ขอเดาเอาเองว่า น่าจะอยู่ที่ 1.3-1.4 ล้านบาท.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
คุณกำลังดู: TOYOTA NEW PRIUS PLUG IN HYBRID 2023 มีสิทธิมาไทย วิ่งไกล 1,200 กิโลเมตร!
หมวดหมู่: รถยนต์