วิศว สุวรรณกูล นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง กับมุมมองของ T-pop K-pop ในไทย

ถือว่าเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองอีกคนหนึ่ง สำหรับ บอส วิศว สุวรรณกูล ที่ทำธุรกิจมามากมายหลายอย่าง

วิศว สุวรรณกูล นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง กับมุมมองของ T-pop K-pop ในไทย

ถือว่าเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองอีกคนหนึ่ง สำหรับ บอส วิศว สุวรรณกูลที่ทำธุรกิจมามากมายหลายอย่าง และล่าสุด ได้เปิดบริษัท 247 Entertainment และต้องยอมรับว่า ปัจจุบันในประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประชาชนมีความนิยมเสพสื่อบันเทิงจากเกาหลีสูงมาก ไม่ว่าจะเป็น ซีรีส์เกาหลี หรือ ไอดอล จึงทำให้หลายคนมองเห็นช่องทางการเติบโตของธุรกิจนี้

วันนี้ บอส วิศว ได้ให้สัมภาษณ์และพูดถึงทิศทางของแผนธุรกิจที่จะร่วมงานกับพาร์ตเนอร์ประเทศเกาหลี รวมไปถึงกระแสของ T-pop และ K-pop ในประเทศไทยตอนนี้ ซึ่ง นักธุรกิจหนุ่มผู้มองการณ์ไกลได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดจากความสนใจ ประสบการณ์ และความถนัดในงานเอนเตอร์เทนเมนต์ให้ได้ฟังว่า

จุดเริ่มต้นของ 247 Ent

เริ่มจากตัวเราเองสนใจในธุรกิจเพลงเป็นทุนเดิม และได้เจอหุ้นส่วนที่เขาก็มีประสบการณ์และความถนัดในงานเอนเตอร์เทนเมนต์ที่แตกต่างกัน ทำให้ 247 มีโอกาสที่ดีในการเติบโตทางธุรกิจ ทั้งด้านเพลง และสิ่งที่เป็นจุดแข็งใหม่สำคัญคือ การที่บริษัทเรามีสายสัมพันธ์และเป็นพาร์ตเนอร์ที่ใกล้ชิดกับทางบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ประเทศเกาหลี ทำให้บริษัทมีโอกาสที่ดีที่จะเติบโตในธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์อย่างรอบด้านในอนาคต

ความยาก ความท้าทายในการทำธุรกิจนี้

บริษัท 247 ตั้งใจว่าจะมี 3 สิ่ง ที่เรายึดถือเป็น หลักของบริษัท คือ Trend (เทรน แนวโน้ม), Quality (ควอลิตี้ คุณภาพ), Relation (รีเรชั่น- ความสัมพันธ์) เราต้องอัปเดตเทรนด์รวดเร็วทันสมัย ให้ความสำคัญผลงานที่มีคุณภาพเน้นการลงมือทำและมีประสิทธิภาพสูงสุด และไม่ละเลยที่จะใกล้ชิดกับผู้คน เข้าใจและรับฟังอยู่เสมอ ความท้าทายคือการบาลานซ์ทั้ง 3 สิ่งนี้ คือในขณะที่เรากำลังทำความเร็วทันสมัยตามเทรนด์ แต่ก็ต้องรักษาคุณภาพและรับฟังเสียงตอบรับจากลูกค้าของเรา แล้วธุรกิจที่ทำงานกับความรัก ความชอบที่แตกต่างกันนั้น ก็เป็นศิลปะและความท้าทายอย่างสูงอีกอย่างหนึ่ง

แผนธุรกิจของ 247 Ent

ปี 2023 เรามีแผนที่จะร่วมงานกับพาร์ตเนอร์ประเทศเกาหลีเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็จะมีความหลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจาก แฟนมีตติ้ง ที่เรายังจะดำเนินต่อไป ก็จะมีคอนเสิร์ต รวมถึงงานพรีเซ็นเตอร์ของศิลปินเกาหลีด้วย ซึ่งแน่นอนเราตั้งใจที่จะคัดสรรและพาศิลปินที่เป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่รักของคนไทย ได้มีโอกาสมาพบกันอย่างใกล้ชิด

ในส่วนด้านงานเพลง หลังจากที่ศิลปินเดี่ยวเราปล่อยเพลงแรกไปเมื่อปีที่แล้วในปีนี้กรีน กฤษ ศิลปินเดี่ยวของเราก็ยังจะปล่อยผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง และโปรเจกต์ใหญ่อีกหนึ่งโปรเจกต์ของเราในปีนี้ ก็คือ เรามีแผนที่จะเปิดตัวศิลปินในสังกัดของเรา เพิ่มอีก 1 กลุ่ม เป็น boy group ที่อยู่เทรนด์กับเรามาปีครึ่ง และจะเปิดตัววงและซิงเกิลแรกในเดือนเมษายนนี้ด้วย ซึ่งวงนี้เราตั้งใจอย่างมากที่จะสร้างคอนเซปต์ที่แตกต่างและเป็นวงที่สามารถสร้าง impact ที่ดีกับวัยรุ่นและสังคมได้

เทรนด์การเสพสื่อออนไลน์ของคนไทยในปัจจุบัน จริงๆ คิดว่า พฤติกรรมของผู้เสพสื่อไทยกับสื่อเกาหลี โดยทั่วไปอาจไม่ต่างกันมากนัก เพียงแต่ความหลากหลายของเนื้อหาสื่อเกาหลีมีหลากหลายและมากกว่า คนไทยเองจึงเลือกที่จะเสพสื่อจากประเทศเกาหลี

คนไทยมีความนิยมต่อนักแสดงและไอดอลเกาหลีแตกต่างจากนักแสดงและไอดอลชาวไทย ซึ่งต้องยอมรับว่าความแตกต่างของความนิยมนักแสดงและไอดอลเกาหลีแตกต่างจากนักแสดงและไอดอลชาวไทยนั้น เกิดจากมาตรฐาน คุณภาพ ความสามารถ ของตัวศิลปินเป็นหลัก นอกจากนี้ศิลปินเกาหลียังมีคอนเทนต์เกี่ยวกับตัวศิลปินให้เลือกดูจำนวนมากและสม่ำเสมอ ซึ่งตอบโจทย์กับความต้องการของคนที่ชื่นชอบ

ทางด้านกำลังการซื้อของคนไทยในการสนับสนุนผลงานของนักแสดงและไอดอลเกาหลี ต้องบอกว่าผลิตภัณฑ์ที่มักเป็นที่นิยม ส่วนใหญ่ก็จะเป็น แฟนมีตติ้ง คอนเสิร์ต อัลบั้ม merchendise ต่างๆ ซึ่งแฟนๆ จะต้องสะสม การสะสมจึงหมายถึงการซื้อจำนวนมากเพื่อให้ได้ครบแบบ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีมูลค่าทั้งสิ้น ยิ่งภายหลังโควิดแฟนๆ ห่างหายไปจากการได้พบปะศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบมานาน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ถึงถือว่าคุ้มค่า และยินดีจ่าย จะเห็นได้ว่า ฮอลล์จัดการแสดงในประเทศไทยตอนนี้แทบจะไม่มีวันว่าง และกำลังไม่เพียงพอ ซึ่งหมายความว่าในประเทศไทยมีการแสดงแทบจะทุกอาทิตย์ และคนเต็มทุกรอบ เมื่อได้รับการตอบรับที่ดี ศิลปินเองก็อยากมาทำการแสดง และต้องการขายโชว์ให้กับผู้จัดชาวไทย

อิทธิพลของนักแสดงและไอดอลเกาหลีที่มีต่อแฟนคลับ และสังคม รวมไปถึงแบรนด์ต่างๆ มันเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับการวาง position ของศิลปิน กระแสความนิยม และการมีความสัมพันธ์ที่ดีในระดับบริษัท กับแบรนด์ต่างๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับโกลบอล ทำให้การตัดสินใจใช้ศิลปินในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ หรืออินฟลูเอนเซอร์ของแบรนด์มีโอกาสที่ดีกว่า

การที่ธุรกิจในไทยดึงนักแสดงหรือไอดอลเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือร่วมงานอีเวนต์ ส่งผลดีต่อธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์ และเป็นการยกระดับแบรนด์อย่างเห็นได้ชัด เพราะคนส่วนใหญ่รับรู้ว่าเกาหลี=คุณภาพ เวลาแบรนด์ที่เลือกใช้พรีเซ็นเตอร์ชาวเกาหลี ย่อมคาดหวังให้ศิลปินเกาหลีสร้างการรับรู้ในแนวทางนี้ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

แต่ตอนนี้กระแส T-Pop และนักแสดงซีรีส์ไทยกำลังมาแรง ทำให้แฟนคลับชาวไทยหันมาสนใจวงการบันเทิงไทยมากขึ้น ไม่ได้ทำให้ความนิยมของทางฝั่งเกาหลีลดลง แต่คิดว่ามีผลส่งเสริมกันมากกว่า วงการเกาหลี ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ T-pop ต่างหากที่จะได้ประโยชน์ เพราะมีบทเรียนหลายอย่างที่ได้เรียนรู้มาจาก K-pop พอคนไทยเองเห็นว่า T-pop เอง ก็พัฒนาขึ้นมามากจากเมื่อก่อน หลายผลงานมีมาตรฐานใกล้เคียงกับเกาหลี คนก็ยอมรับมากขึ้น

สำหรับคำถามที่ว่าเทรนด์ K-Pop จะมีวันหายไปหรือเปล่านั้น ต้องตอบเลยว่าค่อนข้างยาก เพราะเขามีการพัฒนารูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ และรัฐบาลเองก็ให้การสนับสนุนอย่างเป็นระบบรอบด้าน เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ทำรายได้ให้ประเทศเกาหลีมหาศาล อย่างศิลปินระดับโลก BTS ก็สร้างรายได้ให้กับประเทศเกาหลีได้เป็นอันดับต้นๆ ใกล้เคียงกับบริษัทขนาดใหญ่อย่างซัมซุง

การพัฒนาวงการ T-Pop ให้เป็นจุดขายของประเทศเหมือน K-Pop ต้องทำอะไรบ้าง และปัจจุบันประเทศไทยอยู่ตรงไหน ต้องตอบว่า ประเทศไทยเรามีต้นทุนทางบุคลากร และวัฒนธรรมอยู่ คนรุ่นใหม่มากมายที่มีความสามารถ มีคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมในระดับโกลบอล แต่การพัฒนาที่แท้จริงย่อมไม่เกิดขึ้นแบบเดี่ยวๆ ถ้าทุกระบบในอุตสาหกรรมเอนเตอร์เมนต์ได้รับการพัฒนา และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง และเป็นระบบ T-Pop บ้านเราจะไปไกลกว่านี้แน่นอน

การจัดงานแฟนมีตในไทย หลักในการเลือกคน การดีลกับต้นสังกัด การตั้งราคา เป็นอย่างไรนั้น คือส่วนใหญ่จะเลือกจากที่คนไทยส่วนใหญ่นิยม หรือชื่นชอบ มีละคร ซีรีส์ที่กำลังออนแอร์หรือเพิ่งจบ มีผลงานคัมแบ็กออกซิงเกิล และมีกระแสนิยมอย่างต่อเนื่อง ในการดีลกับต้นสังกัดทางหุ้นส่วนผมอีกคน พาร์ตเนอร์ที่ใกล้ชิดกับทางเกาหลี มีความสนิทสนมกันมานานมาก ปัญหาเลยน้อย ในส่วนราคา เราจะดูตามความเหมาะสม แต่..ส่วนมากเราไม่เคยต่อรองลดราคา เราจะขอเป็นการเพิ่มเบเนฟิตมากกว่า เพื่อให้แฟนๆ ศิลปินที่มาดูคุ้มค่าที่สุด ซึ่งความเป็นจริงการตั้งราคาขายและเบเนฟิต ความถึงจำนวนที่นั่งที่สามารถจำหน่ายได้ มักจะถูกกำหนดจากต้นสังกัดที่เกาหลี แต่เราให้ความสำคัญกับการต่อรองเบเนฟิตเป็นอันดับต้นๆ

และคำถามที่ว่าคนไทยกับธุรกิจบันเทิงเกาหลีเป็นอย่างไร เม็ดเงินมหาศาลแค่ไหน ต้องบอกว่าหลายปีที่ผ่านมาคนไทย บริโภคและชื่นชอบ K-Pop K-Drama เพิ่มขึ้น ด้วยอุตสาหกรรมเพลงและบันเทิงของเค้า มีการพัฒนามากทั้งด้านเนื้อหา และเทคโนโลยีในการผลิต เราสามารถฟังเพลงได้หลากหลายแนว หลายรูปแบบ หลายแพลตฟอร์ม ได้ดูละครที่มีบทที่น่าติดตามแตกต่างออกไปจากละครไทย โลเกชันสวยงาม จึงไม่แปลกใจที่คนไทยส่วนใหญ่จะชื่นชอบมากในขณะนี้ ด้วยความชื่นชอบและเข้าถึงคนทุกเพศทุกวัยและมีคอนเทนต์ให้คนดูดูอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนเองก็ยินดีที่จะจ่ายเพื่อซื้อความชื่นชอบเหล่านี้

สำหรับเป้าหมายหลังจากนี้ เราเองก็อยากที่จะโฟกัสที่ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ให้เติบโต อาจจะขยายไปสู่ประเทศอื่นในเอเชียได้ และเติบโตไปพร้อมๆ กับอุตสาหกรรมบันเทิงในภาพรวม และจะดีมากยิ่งขึ้นหาก บริษัทของเราจะเป็นฟันเฟืองที่จะช่วยผลักดันในอุตสาหกรรมบันเทิงของไทยเติบโตไปด้วย หากหน่วยงานรัฐเอง มองเห็นความสำคัญ ช่วยสนับสนุนและขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบด้วย คิดว่าอุตสาหกรรมบันเทิงบ้านเราไปได้ไกลแน่นอน เพราะบ้านเรามีของดีทั้งบุคลากร ความสามารถ ถือเป็นต้นทุนอันล้ำค่าที่ควรได้รับการต่อยอด.

คุณกำลังดู: วิศว สุวรรณกูล นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง กับมุมมองของ T-pop K-pop ในไทย

หมวดหมู่: ความบันเทิง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด