อย่างสุด McLAREN ELVA ไฮเปอร์คาร์โรดสเตอร์สองที่นั่ง ราคา 200 ล้าน!
McLaren Elva ไฮเปอร์โรดสเตอร์สองที่นั่ง เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร TwinTurbo 804 แรงม้า 800 นิวตันเมตร 0-100 ใน 2.9 วินาที 0-200 ใน 6.7 วินาที ราคา 200 ล้านบาท
McLaren Automotive ได้รับสิทธิ์ผลิตรถโรดสเตอร์สองที่นั่งในชื่อ Elva สำหรับยานยนต์ซุปเปอร์สปอร์ตในกลุ่ม Ultimate Series roadster ใหม่ล่าสุด Cockpit ห้องนักบินแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่งแบบไร้หลังคา ถือเป็นการเฉลิมฉลองให้กับรถสปอร์ตคลาสสิก McLaren-Elva ที่ออกแบบโดย Bruce McLaren ในปี 1960 รวมเอาการออกแบบบุกเบิกหลักการทางวิศวกรรมของระบบอากาศพลศาสตร์ ความสามารถในการทำความเร็ว และประสิทธิภาพรถแข่งของแบรนด์ McLaren
Elva นับเป็นรถถนนที่เบาที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ McLaren
Automotive โครงแชสซีและตัวถังขึ้นรูปจากคาร์บอนไฟเบอร์เฉพาะแบบ
เบาะนั่งคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีเอกลักษณ์ด้านน้ำหนักที่เบาหวิว
ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิก การขับขี่ขั้นสูงด้วยซอฟต์แวร์แบบใหม่ Elva
เป็นโรสดเตอร์ที่ถูกออกแบบให้ไม่มีหลังคา
สอดรับประสบการณ์ขับแบบเปิดประทุน สำหรับการจัดการ McLaren Active Air
Management System (AAMS) เป็นระบบจัดการกับอากาศ
โดยการควบคุมการไหลของอากาศในขณะที่ยังคงเชื่อมต่อกับองค์ประกอบต่างๆ
กระจกบังลมได้รับการ
ออกแบบใหม่และมีรูปทรงที่ไม่เหมือนใคร McLaren
พยายามออกแบบให้สามารถมองเห็นตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์
ที่ห่อหุ้มห้องโดยสารแบบเปิดโล่ง ดีไซน์จากภายนอกไหลเข้าสู่ภายใน
ด้วยเรือนร่างที่โค้งมนอย่างสวยงาม
ประสิทธิภาพที่น่าทึ่งจากเครื่องยนต์ McLaren V8 ทวินเทอร์โบ กำลัง
804 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 2.9 วินาที เร็วกว่า
McLaren Senna เล็กน้อย เมื่ออัดจาก 0-124 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-200
กิโลเมตรต่อชั่วโมง) กระชากร่างได้เร็วแค่ 6.7 วินาที ท่อไอเสียแบบ
Quad-Exit แบบ Inconel ขึ้นรูปจากโลหะเบาไทเทเนียม
นวัตกรรมใหม่ของระบบระบายไอเสียพร้อมกลไกของวาล์วในท่อ
ให้เสียงซาวนด์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์
เสริมกำลังเครื่องยนต์ด้วยการใช้กลไกช่วยลดแรงดันย้อนกลับ
นับเป็นความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของ McLaren
ทั้งระบบขับเคลื่อนที่แปรเปลี่ยนออกมาเป็นไดนามิกชั้นเลิศของยานยนต์ซุปเปอร์สปอร์ต
แอโรไดนามิกเชิงรุก ระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟ
เชื่อมโยงการทำงานกับซอฟต์แวร์ที่ล้ำสมัย
ระบบบังคับเลี้ยวแบบไฟฟ้าไฮดรอลิกเพื่อการบังคับทิศทางที่แม่นยำ
McLaren Automotive แนะนำ Ultimate Series roadster ใหม่ นั่นคือ McLaren Elva เมื่อปีที่ผ่านมา (2021) ในฐานะที่เป็นรถยนต์เปิดประทุนคันแรก Elva เข้ามาเพิ่มมิติใหม่ให้กับสายเลือดของรถสปอร์ตในกลุ่ม Ultimate Series ซึ่งเป็นรุ่นท็อป เช่นเดียวกับ McLaren P1TM, McLaren Senna และ Speedtail รุ่นก่อน ปริมาณของ McLaren Elva ใหม่จะถูกจำกัดอย่างเข้มงวด มีเพียง 399 คันสำหรับการสั่งซื้อของลูกค้าและทุกคันถูกจองเรียบร้อยหมดแล้ว ในราคารวมภาษีนำเข้าที่ 200 ล้านบาท ครับ อ่านไม่ผิดแน่นอนกับราคา สองร้อยล้านบาท ของรถเปิดหลังคาสองที่นั่งรุ่นนี้!
ชื่อ Elva เป็นการเฉลิมฉลองให้กับรถแข่งในอดีตอย่าง McLaren-Elva M1A [Mk I], M1B [Mk II] และ M1C [Mk III] ที่ออกแบบโดย Bruce McLaren ในปี 1960 สำหรับ McLaren-Elva sports car ผลิตขึ้นเพื่อเป็นรถของลูกค้านักแข่ง สามารถนำลงไปแข่งในรุ่น Group 7 เป็นนวัตกรรมในโลกแห่งความเร็วที่แปลกใหม่ในปี 1960 มีการควบรวมเอาหลักการด้านการออกแบบและวิศวกรรมในยุคบุกเบิก ซึ่งต่อมา กลายเป็นส่วนหนึ่งของรถสปอร์ตที่ใช้งานบนท้องถนนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและผลิตโดยบริษัท McLaren
“McLaren ยังคงผลักดันขอบเขตของการพัฒนาซุปเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์อย่างต่อเนื่อง ในการแสวงหาประสบการณ์การขับขี่ที่โดดเด่นและไม่มีใครเทียบได้สำหรับลูกค้า และ McLaren Elva เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกดังกล่าว McLaren-Elva M1A [Mk1] เป็นรถแข่งที่บุกเบิกจิตวิญญาณของ McLarens ปัจจุบัน Elva เป็นรถสปอร์ตไร้หลังคา เครื่องยนต์วางกลางที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ พร้อมประสิทธิภาพระดับสูงสุดของระบบส่งกำลัง และความเป็นเลิศด้านไดนามิก McLaren Ultimate Series roadster มอบการเชื่อมต่อขั้นสุดยอดระหว่างผู้ขับ รถยนต์ และองค์ประกอบต่างๆ ควบรวมกับประสิทธิภาพบนท้องถนนหรือในสนามแข่ง ถือเป็นการนำเอามรดกอันยาวนานของ McLaren กลับคืนมาด้วยชื่อ Elva" ประธานบริหาร Mike Flewitt ซีอีโอของ McLaren Automotive กล่าวในวันเปิดตัว
McLaren Elva ใหม่ รวดเร็วดุร้ายและแพงแสบไส้ เป็นรถสองที่นั่งไร้หลังคาสุดเอ็กซ์ตรีม พร้อมแชสซีและตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์แบบสั่งทำพิเศษ เป็นรถที่ไม่มีหลังคาอ่อนหรือแข็งแต่อย่างใดทั้งสิ้น กระจกบังลมถูกออกแบบพิเศษ ด้วยการป้อนข้อมูลทางประสาทสัมผัส นี่คือรถยนต์ที่มอบความพึงพอใจในการขับที่เหนือชั้นทั้งบนท้องถนนและในสนามแข่ง เครื่องยนต์ McLaren V8 เทอร์โบชาร์จคู่ ขนาด 4.0 ลิตรเป็นเครื่องยนต์ตระกูลเดียวกันกับ McLaren Senna และ Senna GTR ผสมผสานกับน้ำหนักตัวรถที่เบาที่สุดของรถถนนที่ผลิตโดย McLaren Automotive เพื่อให้รถ Roadster Ultimate Series รุ่นใหม่ที่มีสมรรถนะน่าทึ่งอย่างแท้จริง มีการเร่งความเร็วในระดับยิ่งยวด ความคล่องตัว และการตอบรับกับผู้ขับขี่ในระดับที่ไม่ธรรมดา รูปลักษณ์ของ McLaren Elva นั้นโดดเด่นไม่เหมือนใคร ส่วนหน้าหรือจมูกที่ออกแบบในระดับต่ำ บังโคลนหน้าเด่นชัด ช่วยทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มการมองเห็นไปข้างหน้า บังโคลนหลังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ขนาดใหญ่ มีรูปทรงที่ไหลลื่น จากด้านหน้าของประตูไปยังด้านหลัง ในขณะที่ความสูงของพนักพิงหลังแบบคู่ลดลง โดยใช้ระบบป้องกันศีรษะของคนขับและผู้โดยสารเมื่อเกิดการพลิกคว่ำแบบอัตโนมัติ คนขับและคนนั่ง ควรจะสวมหมวกกันน็อกเพราะ Elva เป็นรถที่เร็วจี๋แบบไม่มีหลังคา รูปทรงห้องโดยสารส่วนบนจะโอบล้อมรอบคนขับและผู้โดยสาร เพื่อให้มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย กระจกบังลมแบบตายตัวเป็นออปชันเสริม ถ้าอยากแปลกกว่ารถคู่แข่งแบบสุดขั้ว ก็สามารถเลือก Elva แบบไม่มีกระจกหน้าได้เลย
การเชื่อมต่อกับระหว่างคนและเครื่องจักรกล ถือเป็นส่วนสำคัญในประสบการณ์การขับของ McLaren Elva แบรนด์ McLaren พัฒนานวัตกรรมระบบอากาศพลศาสตร์ หรือ Active Air Management System (AAMS) นับเป็นครั้งแรกของโลก เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการขับขี่ ระบบส่งอากาศผ่านจมูกของ Elva เพื่อปรับให้กระแสลมไหลออกจากฝาพับด้านหน้าด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะถูกนำขึ้นไปเหนือห้องโดยสาร เพื่อลดเสียงลมปะทะ ระบบนี้ประกอบด้วยช่องลมเข้าตรงกลางขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือตัวแยก ช่องระบายอากาศด้านหน้าแบบฝาพับ และแผ่นเบี่ยงเบนที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์แบบแยกส่วน ซึ่งจะยกขึ้นหรือลดลงในแนวตั้ง เมื่อ AAMS ทำงานอยู่ ตัวเบี่ยงทิศทางของลม ถูกติดตั้งที่ขอบด้านนอกของเต้ารับฝากระโปรงหน้า โดยมีขนาดเพิ่มขึ้น 5.9 นิ้วในช่องฟรีสตรีม เพื่อสร้างโซนแรงดันต่ำที่ช่องระบายอากาศ ช่วยลดเสียงลมปะทะได้อย่างชาญฉลาด
อากาศที่ระบายออกนั้นส่งผ่านกระแสลมในรัศมี 130 องศา โดยใช้โครงข่ายของใบพัดคาร์บอนไฟเบอร์ติดตั้งตามขวางและตามยาว ตลอดช่องทางออกของฝากระโปรงหน้า การกระจายกระแสลมทั้งด้านหน้าและด้านข้างของห้องโดยสาร มีส่วนช่วยในการจัดการกับกระแสอากาศในสภาพแวดล้อมที่ต้องไหลผ่านพื้นที่ของห้องโดยสาร ในเมืองที่ย่านความเร็วต่ำ เมื่อระดับการไหลของอากาศเข้าสู่ห้องโดยสารหมายความว่าไม่จำเป็นต้องใช้ AAMS ระบบจะไม่ทำงานเมื่อขับช้า และเมื่อความเร็วของรถเพิ่มขึ้น ระบบ AAMS จะทำงานโดยอัตโนมัติ และยังคงทำงานอยู่จนกว่าความเร็วจะลดลง ซึ่งจุดที่มีชิ้นส่วนสำหรับเบี่ยงเบนกระแสลมจะหดกลับ แต่ระบบดังกล่าวสามารถปิดการใช้งานด้วยปุ่มที่ติดตั้งไว้ใกล้กับตำแหน่งคนขับ
ปรัชญาการออกแบบของ McLaren เชื่อมโยงการออกแบบที่สวยงามเข้ากับการออกแบบทางเทคนิค แทนที่จะแยกสาขาวิชาการออกแบบและวิศวกรรมออกจากกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรมยานยนต์ ระบบอากาศพลศาสตร์แบบใหม่หรือ AAMS เป็นตัวอย่างและผลลัพธ์ของแนวทางที่กลมกลืนกับกระแสลม โดยผสานเข้ากับฟังก์ชันแอโรไดนามิกและการระบายความร้อนของ McLaren Elva ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อ AAMS ไม่ทำงาน ท่อกลางจะถูกปิดผนึก โดยเปลี่ยนทิศทางการไหลของอากาศไปยังหม้อน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน และผลพลอยได้ด้วยการปรับให้รถมีค่าแอโรไดนามิกส์ที่ดีเมื่อช่องรับอากาศสามารถสั่งเปิด-ปิดได้แบบอัตโนมัติ สำหรับด้านหลังของระบบ AAMS นั้น McLaren Elva ติดตั้งหม้อน้ำแบบคู่ (LTRs) อยู่ด้านหน้าของตำแหน่งซุ้มล้อหน้าแต่ละข้าง มีส่วนช่วยให้กำลัง 804 แรงม้าของเครื่องยนต์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการลดอุณหภูมิของไอดี ลดความร้อนเครื่องยนต์และช่วยหล่อเย็นระบบส่งกำลัง ทำให้น้ำมันเกียร์เย็นลงในระบบเกียร์เจ็ดสปีดที่ต้องถูกใช้งานอย่างหนักหน่วง
นอกเหนือจาก AAMS แล้ว ฝาหน้าแบบฝาพับยังมีรูปทรงที่ลึก เพื่อนำอากาศเข้าไปในท่อที่แยกจากกันบริเวณขอบของประตูคาร์บอนไฟเบอร์แต่ละบาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบานประตูของมันจะถูกปรับแต่งจนมีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่ McLaren เคยสร้างมา อากาศเย็นจากภายนอก จะถูกส่งตรงไปยังออยล์เกียร์ เพื่อลดอุณหภูมิระบบเกียร์ (HTR) ผ่านระบายความร้อนของระบบส่งกำลังทั้งสองตัวที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของล้อหลัง ท่อด้านล่างที่เริ่มต้นภายในซุ้มล้อหน้า ส่งอากาศผ่านด้านข้างตัวรถไปยัง HTR ซึ่งจะไหลผ่านทางช่องไอดีด้านข้างที่มองเห็นได้ ช่องไอดีที่ด้านหลังของแต่ละช่องอากาศไหลเข้าไปในตัวกรองอากาศแบบเปิดโล่ง ภายใต้ชิ้นส่วนที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์
ขอบท้ายของตัวถังมีสปอยเลอร์หลังแบบแอ็กทีฟแบบเต็มความกว้างของส่วนท้าย ความสูงและมุมปะทะอากาศเพื่อสร้างแรงกดจะถูกปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับสมดุลอากาศให้เหมาะสมในการสร้างแรงกดช่วงท้ายของรถ ฟังก์ชัน Air Brake ช่วยปรับปรุงการเบรกจากความเร็วสูง วิงหลังจะตั้งชันสูงสุดเมื่อใช้เบรกหนักๆ เพื่อต้านอากาศ ช่วงการทำงานจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ AAMS ทำงานอยู่หรือไม่ ส่วนดิฟฟิวเซอร์ด้านหลัง ทำงานร่วมกับสปอยเลอร์หลังแบบแอ็กทีฟ McLaren Elva มีพื้นเรียบอย่างสมบูรณ์จนถึงเพลาหลัง ดิฟฟิวเซอร์ถูกออกแบบเพื่อจัดเรียงกระแสอากาศส่วนท้าย มีการเพิ่มความสูงเพื่อเร่งปรับให้อากาศออกจากใต้ท้องรถอย่างรวดเร็ว ดิฟฟิวเซอร์มีครีบแนวตั้ง เพื่อการไหลเวียนของอากาศที่ดีขึ้นรวมเข้ากับส่วนต่อขยายด้านข้างของกันชนหลัง เพิ่มประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ให้ดียิ่งขึ้น
ภายนอกของ McLaren Elva กับงานตกแต่งภายในที่แปลกตา ส่วนบนสุดของประตูคาร์บอนไฟเบอร์ออกแบบในลักษณะโค้ง และมีความโค้งมนที่ไหลลงสู่ห้องโดยสาร วัสดุคอมโพสิตที่เบาและแข็งแรงถูกนำมาปรับใช้ มันให้คุณสมบัติที่สมบูรณ์แบบในการสร้างรูปทรงที่ดึงดูด ผสมกับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ Roll Over หรือส่วนค้ำยันด้านหลังคนขับและผู้โดยสารถูกเสริมอยู่บริเวณด้านหลังของเบาะนั่ง ช่วยสร้างสัมผัสขององค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างกลมกลืน คาร์บอนไฟเบอร์ยื่นออกมาระหว่างส่วนกั้นพื้นที่ของที่นั่งคนขับและที่นั่งผู้โดยสาร เพื่อรองรับที่พักแขนตรงกลางและเป็นตำแหน่งที่ติดตั้งปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ และปุ่มควบคุมสำหรับฟังก์ชันการขับเคลื่อนต่างๆ เกียร์ว่าง และเกียร์ถอยหลัง เบาะนั่งได้รับการออกแบบเฉพาะ ด้วยคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาแบบใหม่ที่ไม่เพียงรองรับบริเวณศีรษะ ไหล่ และหลังของผู้โดยสารเท่านั้น แต่ยังทำงานได้อย่างราบรื่นกับรูปทรงส่วนบนของห้องโดยสาร พื้นที่ด้านล่างของที่นั่งแต่ละที่สั้นกว่าเบาะนั่งของ McLaren รุ่นทั่วไปเล็กน้อย ทำให้มีพื้นที่ภายในช่องวางเท้าเพียงพอสำหรับคนขับหรือผู้โดยสาร หากต้องการจะเข้าหรือออกจากรถ เบาะนั่งมีให้เลือกหลายสีและวัสดุให้เลือก มีความแตกต่างระหว่างส่วนบนแบบเปิดโล่งและส่วนล่างแบบรังไหม สามารถเลือกเข็มขัดนิรภัยสายรัดสำหรับการแข่งขันแบบหกจุดยึดได้หากลูกค้าต้องการใช้ McLaren Elva ในสนามแข่ง แดชบอร์ดไหลลงสู่ห้องโดยสารและรอบๆ อย่างราบรื่นเพื่อพบกับทรงของประตูที่โฉบเฉี่ยว รูปทรงเป็นแบบออร์แกนิกและเป็นธรรมชาติ แผงหน้าปัดแสดงผลข้อมูลการขับ เคลื่อนที่ไปพร้อมกับองศาของพวงมาลัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นข้อมูลที่ครบและชัดเจนอย่างต่อเนื่อง
ระบบควบคุมสำหรับฟังก์ชัน Active Dynamics จะรวมเข้ากับแผงหน้าปัด สวิตช์โหมดไดนามิกที่ตั้งอยู่ข้างใดข้างหนึ่งของปีกนกทั้งสองข้างนั้นอยู่ใกล้กับแป้นเปลี่ยนเกียร์ การทำงานนั้นไม่จำเป็นต้องให้คนขับละมือออกจากพวงมาลัย สามารถเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานเพิ่มเติมได้ผ่านหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 8 นิ้ว ที่ติดตั้งไว้ตรงกลาง จอภาพกลางเป็นศูนย์กลางสำหรับทุกฟังก์ชันของรถ อินเทอร์เฟซใหม่ล่าสุดนี้มีหน้าจอกระจกแบบไร้ขอบและแป้นหมุนควบคุมด้านข้าง Central Infotainment Screen นี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้ผู้ขับสามารถเรียกใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ได้พร้อมกัน คล้ายกับสมาร์ทโฟน โดยเลื่อนผ่านหน้าจอเหล่านั้นบนแป้นหมุนแนวตั้ง ระบบจะแสดงแอปพลิเคชันต่างๆ บนหน้าจอ ซึ่งรวมถึงการนำทางด้วยดาวเทียม, McLaren Track Telemetry, กล้องมองหลัง และระบบควบคุมอุณหภูมิ บันทึกเวลาต่อรอบ โหมดการขับและการปรับตั้งค่าต่างๆ หน้าจอติดตั้งบนก้านคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาและเอียงเข้าหาคนขับ
พื้นที่เก็บของใต้ฝาท้าย ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ หล่อขึ้นรูปแบบแผงชิ้นเดียวทรงโค้งทำด้วยมือและยึดด้วยสลักปิดแบบนุ่มนวล ทำให้มีความสวยงามและน้ำหนักเบา McLaren Elva ถูกออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับเก็บหมวกกันน็อก และยังมีแผงคล้ายช่องหน้าต่างซึ่งแสดงตัวกรองอากาศที่มองเห็นได้สองตัว เป็นตัวอย่างที่ดีของหลักการออกแบบของ McLaren ในการเปิดเผยวิศวกรรมเชิงฟังก์ชัน วัสดุตกแต่งภายในที่ออกแบบเป็นพิเศษ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งรถของตน ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน หนังภายใน มีการตกแต่งและระดับการป้องกันต่างๆ มากมาย รวมถึงหนัง Enhanced Full Aniline พร้อมชั้นป้องกันสำหรับหนัง ได้รับการพัฒนาเพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดของรถเปิดประทุน นอกจากนี้ วัสดุภายในทางเทคนิคชนิดใหม่ Ultrafabric เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับรถยนต์ในอนาคต วัสดุสังเคราะห์ที่ระบายอากาศได้นี้ มีความแตกต่างอย่างมากกับหนัง มันประกอบด้วยหนังเทียมสี่ชั้น ด้านนอกมีพื้นผิวที่ให้ความทนทานและทนต่อความชื้น ชั้นในเสริมฐานเส้นใยเรยอนเสริมแรงและการกันกระแทก Ultrafabric ช่วยให้นั่งอยู่ในเบาะที่นั่งได้อย่างกระชับและรัดกุม
McLaren Elva ไม่มีระบบเครื่องเสียงเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน (ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นในการลดน้ำหนักรถให้น้อยที่สุด) แต่ลูกค้าสามารถระบุระบบเสียงที่สั่งทำพิเศษได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ตัวเลือกที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ได้แก่ ล้ออัลลอยฟอร์จน้ำหนักเบาพิเศษ 5 ก้าน แทนที่ล้อน้ำหนักเบาพิเศษ 10 ก้านเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ยาง Pirelli P Zero™ Corsa สำหรับสนามแข่ง แทนที่จะเป็นยาง Pirelli P Zero™ และระบบยกรถอัตโนมัติเพื่อเปลี่ยนยาง สำหรับตัวเลือกการปรับแต่งเพิ่มเติมหรือออปชันเสริม มีให้ผ่าน McLaren Special Operations (MSO) ซึ่งเป็นแผนกเฉพาะของ McLaren เช่น การเลือกสีภายในสำหรับผ้า Ultrafabric และหนัง สีตัวถังภายนอกที่แทบไม่จำกัดเฉดสี ทุกรายการใช้การทำสีด้วยมือ โดยช่างฝีมือมากประสบการณ์ของ MSO
หัวใจสำคัญของ McLaren Elva เช่นเดียวกับถนนหรือรถแข่งของ McLaren
ทุกคันตั้งแต่ปี 1981 แชสซี โมโนค็อกคาร์บอนไฟเบอร์แบบ "อ่าง"
อันล้ำสมัย มีความแข็งแกร่งสูงมาก มันแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ
เป็นคุณสมบัติโดยธรรมชาติของคาร์บอนไฟเบอร์
หมายความว่ารถเปิดประทุนไม่จำเป็นต้องมีการเสริมความแข็งแรงของแชสซี
เหมือนกับในกรณีของรถยนต์ที่สร้างจากอะลูมิเนียมหรือเหล็กกล้า
ในทางกลับกัน คาร์บอนไฟเบอร์แบบพิเศษ มีน้ำหนักเบาอย่างไม่น่าเชื่อ
ช่วยลดน้ำหนักโดยรวมของรถ
ลดอาการบิดตัวของรถไร้หลังคาและเพิ่มความแข็งแกร่งขณะทำความเร็ว
ด้วยเหตุนี้ คาร์บอนไฟเบอร์จึงถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางทั่วทั้งคัน
McLaren Elva ตัวถังทั้งหมดเป็นคาร์บอนไฟเบอร์
มีการผลักดันขีดจำกัดของวัสดุ
ไม่เพียงแค่สร้างรูปแบบที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังลดน้ำหนักอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น ฝาพับด้านหน้ามีความหนาเพียง 1.2 มม.
ตรงตามเป้าหมายความสมบูรณ์ของโครงสร้างของ McLaren ทั้งหมด
แผงแบบชิ้นเดียวที่น่าอัศจรรย์
ที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้นคือแผงด้านข้างของตัวรถ ซึ่งแต่ละชิ้น
ยาวกว่าสิบฟุตและยืดจากล้อหน้า ผ่านช่องไอดีด้านข้าง รอบฝากระโปรงหลัง
และไปจนถึงสปอยเลอร์หลังแบบแอ็กทีฟ
ประตูแต่ละบานสร้างด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด
มีการออกแบบบานพับแบบบานพับเดียว ประตูทำงานในฟังก์ชัน Dihedral
ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของ McLaren พื้นภายใน McLaren Elva
เผยให้เห็นเส้นใยคาร์บอน เน้นย้ำถึงการลดน้ำหนักอีกครั้ง
การใช้งานจริงได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยการใช้วัสดุกันลื่นบริเวณจุดที่กำหนด
หรือติดตั้งพรมปูพื้นแบบสั่งทำพิเศษหากต้องการ
คาร์บอนเซรามิก เป็นแกนหลักของระบบเบรกใน Elva ซึ่งเป็นระบบเบรกที่ล้ำหน้าและมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรถถนนของ McLaren จานเบรกคาร์บอนเซรามิกคาร์แต่ละแผ่นมีขนาด 390 มิลลิเมตร และใช้เวลาผลิตนานกว่าแผ่นคาร์บอนเซรามิกเบรกทั่วไป จานเซรามิกที่ได้ จะแข็งแกร่งกว่ามาก และมีการนำความร้อนที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยให้ดิสก์เบรกหน้ามีขนาดลดลง ส่งผลให้มวลใต้สปริงดีขึ้น ในขณะที่ยังคงประสิทธิภาพการทำงานไว้ ลดความต้องการในการระบายความร้อน ลดการใช้ท่อเบรก ซึ่งช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกแบบใหม่ ถูกเปิดตัวครั้งแรกใน McLaren Senna แต่ได้รับการปรับปรุงสำหรับ Elva ด้วยการเพิ่มลูกสูบคาลิปเปอร์ไทเทเนียม ซึ่งช่วยลดน้ำหนักได้ถึง 1 กิโลกรัม
ประสิทธิภาพการเบรกดังกล่าวมีความสำคัญ เนื่องจากสมรรถนะของเครื่องยนต์ McLaren V8 ขนาด 804 แรงม้า แรงบิด 590 ฟุตปอนด์ (800 นิวตันเมตร) ความจุ 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จเจอร์ เป็นเครื่องยนต์ตระกูลเดียวกันกับ McLaren Senna และ Senna GTR มีเพลาข้อเหวี่ยงแบบระนาบ การหล่อลื่นใช้อ่างน้ำมันเครื่องแบบพิเศษ เพลาลูกเบี้ยว ก้านสูบ และลูกสูบที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด มีน้ำหนักเบา ช่วยลดมวลในระบบส่งกำลัง Elva ส่งกำลังไปที่ล้อหลัง ผ่านกระปุกเกียร์ทวินคลัตช์7 สปีด ทำงานร่วมกับฟังก์ชันควบคุมการสตาร์ต สมรรถนะน่าทึ่ง เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที (2.9 วินาที) ในขณะที่ McLaren Elva นั้นเร็วกว่า McLaren Senna ทำความเร็ว 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 6.7 วินาที
กำลังขับที่เพิ่มขึ้น เกิดจากการปรับปรุงระบบไอเสีย ที่ถูกปรับแต่งให้เหมาะสม พร้อมอุปกรณ์ที่ทำให้แรงดันย้อนกลับลดลง ประสิทธิภาพด้านการระบายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุง ช่วยลดอุณหภูมิของอากาศที่เทอร์โบชาร์จอัดเข้าท่อร่วมไอดี ท่อไอเสียใช้โลหะไทเทเนียมที่มีรูปทรงสลับซับซ้อนและมีน้ำหนักเบา ระบบ Inconel มีทางออกด้านล่างสองทางที่ขนาบข้างทางออกคู่บน เป็นครั้งแรกสำหรับรถถนนของ McLaren ท่อไอเสียไทเทเนียมถูกสร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ เพื่อสร้างรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ เสียงท่อท้ายของ Elva นั้น คมชัด และทรงพลังอย่างไม่มีที่ติ ถูกปรับแต่งให้มีเสียงท่อท้ายที่เหมาะสมกับความเป็นไฮเปอร์คาร์ Ultimate Series McLaren
เครื่องยนต์ของ McLaren Elva ถูกเสริมด้วยโครงแชสซีที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง เพิ่มความคล่องตัว ให้ผู้ขับมีส่วนร่วมกับการควบคุมอย่างเต็มที่พร้อมผลตอบรับที่รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ชุดบังคับเลี้ยวแบบไฟฟ้าไฮดรอลิกให้การตอบสนองที่แม่นยำ Cockpit ที่ไม่มีหลังคามาปิดคลุมให้ความรู้สึกเปิดกว้าง การจัดวางตำแหน่งคนขับให้ชิดกับอุปกรณ์ใช้งานที่เรียบง่าย ระบบกันสะเทือนแบบแอ็กทีฟเต็มรูปแบบของ McLaren เชื่อมโยงด้วยระบบไฮดรอลิกที่ล้ำสมัย นำเสนอความสามารถที่หลากหลายบนพื้นผิวถนน ด้วยการตั้งค่าซอฟต์แวร์เฉพาะตัว ชุดสปริงสั่งทำพิเศษ วาล์วแดมเปอร์ที่ปรับให้เข้ากับน้ำหนักรถโดยรวมเพื่อสมรรถนะของการยึดเกาะ โหมด Comfort, Sport และ Track สำหรับการควบคุมระบบส่งกำลังที่ถ่ายเทแรงบิดลงไปยังล้อคู่หลัง เข้าถึงได้ผ่าน Adaptive Dynamics Controls ระบบควบคุม จะเปลี่ยนลักษณะการขับ ให้เหมาะกับอารมณ์หรือสภาพแวดล้อมของผู้ขับ เมื่ออยู่ในสนามแข่ง และต้องการสำรวจประสิทธิภาพเต็มรูปแบบของ Elva สามารถปรับระดับของการกระจายแรงลงล้อและอาการโอเวอร์สเตียร์ ด้วยโหมด Electronic Stability Control (ESC) สามโหมด หรือใช้ Variable Drift Control (VDC) VDC ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่เขียนให้รถมีเอกลักษณ์การควบคุมเฉพาะสำหรับ McLaren สามารถปลดล็อกเพื่ออิสระในการขับและความตื่นเต้น ยาง Pirelli P Zero™ Corsa แบบใช้งานในสนามแข่งมีให้เลือกแบบไม่ต้องจ่ายเป็นออปชันเสริม
ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อปี ค.ศ. 1964 McLaren M1A รถแข่งคันใหม่ที่ออกแบบโดย Bruce McLaren ถูกส่งลงไปวิ่งทดสอบในสนามแข่งเป็นครั้งแรก M1A เป็นรถแข่งที่มีน้ำหนักเบา โดยมีน้ำหนักรวมทั้งคันเพียงแค่ 551 กิโลกรัม แชสซีที่เบาแต่แข็งแกร่ง ในกรณีนี้คือ โครงสเปซเฟรมเหล็กกล้า ผลิตขึ้นโดยใช้ท่อโลหะแกร่ง ทั้งแบบกลมและแบบเหลี่ยม แชสซีได้รับการเสริมด้วยแผ่นแมกนีเซียมอัลลอยเชื่อมประสานและตอกหมุดยึดแบบเสริมแรง ขุมกำลังอย่างโหด เครื่องยนต์ Oldsmobile 4.5 ลิตร V8 กำลัง 340 แรงม้า แบบหายใจเองไม่มีระบบอัดอากาศ วางกลางลำ ส่งกำลังลงล้อหลัง ระบบกันสะเทือนของ M1A มีความล้ำสมัยในช่วงกลางทศวรรษ 1960 ชุดกันสะเทือนแบบอิสระปีกนกคู่ ดับเบิ้ลวิชโบน ที่ออกแบบให้มีความยาวของตัวแขนยึดโยงที่ไม่เท่ากัน เหล็กกันโคลง คอยล์สปริงแบบปรับได้และโช้คอัพที่ด้านหน้า ช่วงล่างหลังใช้ปีกนกคู่ มีคอยล์สปริงแบบเดียวกับด้านหน้าแต่ปรับค่า K ของสปริงหลังให้แข็งขึ้น ตัวถังเรซินขึ้นรูปน้ำหนักเบา ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทำให้รถ McLaren-Elva M1A [Mk I] ทำความเร็วได้อย่างน่าประทับใจ มันมีส่วนหน้าที่แหลมเพรียวลู่ลม นับเป็นต้นแบบของรถแข่ง McLaren ในรุ่นต่อมา (McLaren-Elva M1B [Mk II]) และ M1C [Mk III] ท่อไอเสียและถังเชื้อเพลิงด้านข้างที่รวมเข้ากับดีไซน์ทรงขวดโค้กซึ่งกำลังได้รับความนิยมในยุคนั้น รูปทรงของ M1A กลายเป็นหลักแนวคิด 'form follow function' และ 'ทุกอย่างล้วนมีเหตุผล' ซึ่ง McLaren ยังคงยึดมั่นอย่างเคร่งครัดมาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อรถ M1A ถูกนำมาวิ่งในเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1964 ที่สนามแข่ง
Canadian Sports Car Grand Prix การทำความเร็วที่น่าประทับใจ
ทำให้เกิดความต้องการของทีมแข่ง M1A
ถือเป็นรถที่บุกเบิกการแข่งขันระยะไกล Can-Am Challenge Cup
ที่มีชื่อเสียง นักแข่งอย่าง Bruce McLaren
คว้าชัยชนะมาเป็นเวลาห้าปีติดต่อกัน นับตั้งแต่ปี 1967 ถึง 1971
McLaren M1A
กลายเป็นรถแข่งไร้หลังคาที่เร็วที่สุดในสนามและสร้างตำนานที่น่าจดจำให้กับผู้คนในวงการมอเตอร์สปอร์ต
ส่วน McLaren M14A รถแข่งล้อเปิด
ทำเวลาต่อรอบเท่ากับสถิติเดิมสี่ครั้งและทำลายสถิติเก่าอย่างราบคาบลงได้ถึงเจ็ดครั้ง
ความต้องการรถยนต์ของลูกค้าหลังจากการจัดแสดงที่น่าประทับใจนั้นเกิดขึ้นในทันที
แต่ด้วยจำนวนพนักงานของบริษัทเพียงแค่เจ็ดคนที่โรงงาน McLaren
ซึ่งทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างรถแข่งของทีมและวุ่นวายอยู่กับการจูนรถแข่งในวันศุกร์
เพื่อส่งลงทำการแข่งขันในวันเสาร์
ไม่มีทางที่จะผลิตและส่งรถให้ทันกับความต้องการของลูกค้ามหาเศรษฐีนักขับ
ทางออกเดียวก็คือ การว่าจ้างเอาท์ซอร์สเพื่อเริ่มต้นการผลิต
อู่ดังที่เข้ามารับหน้าที่นั้นก็คือ Frank Nichols
ผู้ผลิตรถสปอร์ตที่มีความเชี่ยวชาญรถยนต์ขนาดเล็กในเมืองซัสเซกซ์
สหราชอาณาจักร โดยมีการเสนอว่า เขาจะสร้างแบบจำลองของ M1A
ลองประกอบตามใบสั่งของลูกค้าดู ในเดือนพฤศจิกายนปี 1964 บริษัทแม่ของ
McLaren ได้ตกลงตามเงื่อนไขที่จะดำเนินการต่อกับ Elva Cars Ltd
เพื่อผลิตรถ M1A ให้เสร็จทันตามความต้องการของลูกค้าไฮโซ
McLaren-Elva M1A [Mk I] พัฒนาเป็น McLaren-Elva M1B [Mk II]
และจากนั้น McLaren-Elva M1C [Mark III]
รถแข่งสุดจี๊ดทำให้สถานะของแบรนด์ McLaren
เติบโตขึ้นตามลำดับและก้าวสู่การเป็นรถแข่งรุ่นสำคัญในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับบนสุด
McLaren-Elva M1B [Mk II] ได้รับความสนใจจากนิตยสารยานยนต์อเมริกัน
Road & Track ซึ่งประกาศในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2509 ว่าเป็น
"รถที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยทดสอบ"
“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับสิทธิ์ในชื่อ Elva
สำหรับรถเปิดประทุนคันใหม่ที่ไม่ธรรมดา
ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับไฮเปอร์คาร์ในกลุ่ม McLaren
Ultimate Series ในขณะที่ Elva
สืบเชื้อสายมาจากรถสปอร์ตที่วางรากฐานความสำเร็จของแบรนด์ McLaren
ตำนานความเร็วของ McLaren-Elva M1A [Mk I] และผู้สืบทอดคันใหม่
ไม่เพียงแต่เป็นรถแข่งที่เข้ามากำหนดมาตรฐานในสนามแข่งเท่านั้น
แต่ยังสร้างการบุกเบิกในด้านการออกแบบและหลักการทางวิศวกรรมที่ยังคงเป็นหัวใจของแบรนด์
จะมีวิธีใดที่จะเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ได้ดีไปกว่าการทำให้ตำนานอย่าง
Elva กลายเป็นความจริงขึ้นมาอีกครั้ง" Mike Flewitt ซีอีโอของ McLaren
Automotive กล่าวในวันเปิดตัว.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
คุณกำลังดู: อย่างสุด McLAREN ELVA ไฮเปอร์คาร์โรดสเตอร์สองที่นั่ง ราคา 200 ล้าน!
หมวดหมู่: รถยนต์