อันตรายจาก "ผึ้งต่อย" คุณแพ้พิษผึ้งมากแค่ไหน ?

อาการแพ้พิษผึ้งต่อย มีหลาบยระดับ หากแพ้มาก ๆ อาจจำเป็นต้องไปโรงพยาบาล เพราะมีอันตรายถึงชีวิต เราจะสังเกตอาการได้อย่างไร

อันตรายจาก "ผึ้งต่อย" คุณแพ้พิษผึ้งมากแค่ไหน ?

โดยปกติแล้วเมื่อโดน ผึ้งต่อย หลายคนก็คงรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการเอาเหล็กในที่ฝังลงในเนื้อออก แต่รู้หรือไม่ว่าหลังจากเอาเหล็กในออกเรียบร้อยแล้ว ยังอาจจะมีอาการอื่น ๆ เกิดขึ้นตามมาได้ ดังนั้นทาง Hello คุณหมอ จึงได้นำบทความเรื่องนี้มาฝากกัน

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อโดน ผึ้งต่อย

คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการโดนผึ้งต่อย เป็นเรื่องที่น่ารำคาญ เพราะเมื่อโดนผึ้งต่อยอาการที่ตามมาก็คือ ความเจ็บปวดแบบเฉียบพลัน บวม แดง รู้สึกร้อนที่ผิวหนัง และมีอาการคันบริเวณที่โดนต่อย แต่ไม่มีอาการแทรกซ้อนที่ร้ายแรงเกิดขึ้น เมื่อผึ้งต่อยคุณมันจะฝังเหล็กในไว้ที่ผิวแล้วตายไป เมื่อผึ้งต่อยมันจะมีการปล่อยพิษออกมาพร้อมกับเหล็กใน ซึ่งนั่นทำให้เกิดอาการปวด และอาการอื่นๆ แต่ถ้าหากคุณมีปฏิกิริยาแพ้เพียงเล็กน้อยก็จะทำให้เกิดผื่นแดงมากและมีอาการบวมบริเวณที่ถูกต้อย แต่ถ้าหากมีอาการแพ้ผึ้งหรือติดเชื้อหลายๆ ครั้ง ก็อาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

อาการที่เกิดขึ้นเมื่อโดนผึ้งต่อย

เมื่อโดนผึ้งต่อยปฏิกิริยาของแต่ละคนจะแตกต่างกัน โดยมีตั้งแต่อาการปวดชั่วคราว ไม่สบาย ไปจนถึงปฏิกิริยาการแพ้อย่างรุนแรง การมีปฏิกิริยาอย่างหนึ่งเกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่าเมื่อถูกต่อยครั้งต่อไปจะเกิดปฏิกิริยาเดิม บางครั้งหากโดนผึ้งต่อยซ้ำอาจมีปฏิกิริยาที่รุนแรงเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ ซึ่งปฏิกิริยาหลังจากโดยผึ้งต่อย สามารถแบ่งได้ดังนี้

  • ปฏิกิริยาที่ไม่รุนแรง

โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่โดนผึ้งต่อย มักมีอาการปวดแสบปวดร้อนในทันทีตรงบริเวณที่โดนต่อย เกิดรอยแดงตรงบริเวณที่โดนต่อย บวมเล็กน้อยรอบๆ บริเวณที่โดนต่อย ซึ่งในคนส่วนใหญ่อาการบวมและปวดจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง

  • ปฏิกิริยาปานกลาง

คนบางคนเมื่อโดนผึ้งต่อยจะ มีปฏิกิริยารุนแรงขึ้นเล็กน้อย เกิดรอยแดงมากบริเวณที่โดนต่อย อาการบวมตรงบริเวณที่โดนต่อยจะค่อย ๆ ขยายขึ้นในวันถัดไปหรือ 2 วัน

ปฏิกิริยาปานกลางสามารถรักษาได้ภายใน 5-10 วัน การเกิดปฏิกิริยาปานกลางไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีอาการแพ้อย่างรุนแรงในครั้งต่อไป แต่บางคนก้จะมีปฏิกิริยาปานกลางเกิดขึ้นในแต่ละครั้ง ซึ่งหากเกิดปฏิกิริยาแบบนี้ ขอแนะนำว่าควรไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการรักษาและการป้องกัน เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงขึ้นในแต่ละครั้ง

  • ปฏิกิริยาการแพ้อย่างรุนแรง

ปฏิกิริยาการแพ้อย่างรุนแรงเมื่อโดนผึ้งต่อย อาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ และต้องได้รับการรักษาอย่างฉุกเฉิน ซึ่งปฏิกิริยาการแพ้อย่างรุนแรงมักจะเกิดขึ้นในคนส่วนน้อย โดยอาการที่แสดงออกมาจะเป็นอาการแพ้ต่าง ๆ ได้แก่ ปฏิกิริยาทางผิวหนัง เช่น ลมพิษ มีอาการคัน และผิวหน้าแดงหรือซีด หายใจลำบาก อาการบวมของลำคอและลิ้น ชีพจรไม่ปกติ อาจจะเต้นอ่อน หรือรวดเร็ว คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย วิงเวียนศีรษะ หรือเป็นลม สูญเสียสติ

คนที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงต่อเหล็กในของผึ้ง มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้ 25%-65% ในครั้งต่อไปที่โดนผึ้งต่อย ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ เพื่อหาทางป้องกัน เช่น ฉีดวัคซีนป้องกันโรคภูมิแพ้ เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาที่อาจจะคล้ายกับกรณีที่คุณโดนผึ้งต่อยอีกครั้ง

การโดนผึ้งต่อยมากกว่าหนึ่งครั้งอาจทำให้เกิดการสะสมพิษ จนทำให้เกิดปฏิกิริยาที่เป็นพิษและทำให้รู้สึกไม่สบาย จนแสดงอาการต่าง ๆ เหล่านี้ออกมา

  • คลื่นไส้
  • อาเจียน หรือท้องเสีย
  • ปวดหัว วิงเวียน
  • ชัก
  • เป็นไข้
  • เป็นลม

ซึ่งการโดนผึ้งต่อยหลาย ๆ ครั้งสามารถกลายเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ได้ในเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือการหายใจ

โดนผึ้งต่อยควรทำอย่างไร

สำหรับคนที่ไม่มีอาการแพ้ เมื่อโดนผึ้งต่อยสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ที่บ้าน ดังนี้

นำเหล็กในออกทันที ด้วยการใช้เหล็ก ลูกกุญแจ หรือบัตรเครดิต ขูดหรือกดเพื่อเอาเหล็กในออก ใช้น้ำแข็งประคบไว้ประมาณ 20 นาที เพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนที่เกิดขึ้น ล้างบริเวณที่โดนผึ้งต่อยด้วยสบู่และน้ำสะอาด จากนั้นทาครีมไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) ลงไป เพื่อบรรเทาอาการแดง คัน และบวม กินยาต้านฮิสตามีน (antihistamine) เพื่อช่วยบรรเทาอาการคันและบวม กินยาอะเซตามิโนเฟน (acetaminophen) เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดตามต้องการ

แต่ถ้าหากคุณรู้ตัวว่ามีอาการแพ้อย่างรุนแรง หรือเคยมีปฏิกิริยารุนแรงเกิดขึ้นในอดีตเมื่อโดนผึ้งต่อย แนะนำว่าควรไปโรงพยาบาลทันที นอกจากนั้นแล้วควรนัดพบแพทย์หากมีอาการ ดังนี้

อาการโดนผึ้งต่อย ไม่หายไปภายใน 2-3 วัน มีอาการอื่นเกิดขึ้นต่อการแพ้ผึ้ง

คุณกำลังดู: อันตรายจาก "ผึ้งต่อย" คุณแพ้พิษผึ้งมากแค่ไหน ?

หมวดหมู่: สุขภาพ

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด