อนันดา น้ำตาซึม ไม่คิดว่าจะมีงานแต่ง เผยคำสัญญาจะดูแล ณัฐ ให้ดีที่สุด (คลิป)
ควงกันมาแถลงข่าวก่อนเข้าพิธีวิวาห์สำหรับพระเอกหนุ่ม อนันดา เอเวอริงแฮม และ ณัฐ ณิชชา ธนาลงกรณ์ ที่โรงแรมคาเพลลา ถ.เจริญกรุง กรุงเทพฯ ก่อนจะมีงานเลี้ยงฉลองในวันพรุ่งนี้ (19 ก.พ.66) งานนี้ทั้งคู่ได้เปิดใจเล่าถึงเรื่องราวความรักและคำมั่นสัญญาที่มีให้กันหลังจากที่ตัดสินใจจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันว่า
ความรู้สึกวันนี้?
อนันดา : ถ้าให้พูดจริงๆ มันก็เป็นความรู้สึกแบบ…เรียลนิดหน่อย บางทีเราก็…(น้ำตาเอ่อ) พอเราคิดถึงเรื่องนี้มันจะมีอะไรเหมือนมาจุกคอหอยอยู่ตลอด
กว่าจะมาถึงวันนี้ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันการจัดการต่างๆ?
ณัฐ : ก็ด้วยความที่เราสองคนจะแซวกันตลอดว่าเป็นคนน้อยกันทั้งคู่
แล้วพี่อาร์ต อารยา ที่มาจัดงานให้ ก็เป็นคนน้อยอีก
มันก็เลยมีความน้อยๆ
อนันดา : น้อยตรงไหน
ณัฐ : อันนี้เป็นมุกก็คือเราจะดีเทลกันมากๆ เป็นงานอาจจะไม่ได้ใหญ่โตในเรื่องของจำนวนคน แต่ทุกอย่างที่เราตั้งใจทำกันออกมา คือตั้งใจทุกดีเทลจริงๆ ทุกโต๊ะที่นั่งแขก เราว่าโต๊ะดินเนอร์ที่เราวางไว้พรุ่งนี้ แล้วทุกคนคือนั่งหมด 400 คนไม่รวมอาฟเตอร์ปาร์ตี้ คือทุกอย่างตั้งใจมากจริงๆ ทีมงานทุกคนก็ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ รวมถึงพี่อาร์ต และก็ครอบครัวอนันดา และครอบครัวณัฐด้วยที่ซัพพอร์ตทุกอย่าง
ธีมงานเป็นยังไง?
อนันดา : เราคุยกันไว้ว่าจะเป็นแคชชวล คือสบายๆ เป็นเหมือนเราชวนครอบครัว ชวนคนที่เรารักมาฉลองกับเรา แต่พอไปสักพักมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ เอาแค่ชุดของวันนี้ตอนแรกก็ไม่ใช่อย่างนี้นะ ตอนแรกเราไปทางเกือบจะเป็นเสื้อกล้าม กางเกงเลย์ สบายๆ แล้วครับ แต่ตอนนี้มาไกลแล้ว อยู่ดีๆ ก็มาเป็นแบบนี้ชุดนี้ก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้า
ณัฐ : ชุดนี้ก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานตอน 5 โมงเย็น
ตัดสินใจจนวินาทีสุดท้าย?
อนันดา : ก็ไม่เคยรู้เหมือนกันว่าดีเทลงานจะเยอะมากขนาดนี้
จนนาทีสุดท้ายว่าชุดฉันจะยังไง
มีชุดแบคอัปแล้วก็ชุดแบคอัปของแบคอัป
ณัฐ : ของณัฐรวมจนจบงานมีเป็นสิบ
อนันดา : อันนี้ไม่พูดถึงชุดที่ไม่ได้ใส่ด้วย
ณัฐ : ก็ขอบคุณทีมบริษัทตัวเองที่ทุกคนอดหลับอดนอนเพื่อณัฐ ณัฐรู้ว่าน้องๆ อดทนกันมาก ไม่นอนจนตีสองตีสาม บริษัททำงานเหนื่อยมากๆ แล้วก็รวมถึงแขกที่มาในงาน ก็เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยพอสมควร แล้วก็ขอบคุณดีไซเนอร์ ขอเก็บเป็นความลับก่อน แต่เรามีเซอร์ไพร์สพรุ่งนี้ มีดีไซเนอร์อีกท่านหนึ่งมาช่วยณัฐออกแบบบางชุดด้วย เป็นชุดของเขาและมีชุดที่ณัฐตัดเอง
เจ้าบ่าวเห็นทุกชุดแล้ว?
อนันดา : จริงๆผมเข้าใจว่าตามธรรมเนียม ผมไม่ควรเห็นใช่ไหมครับ แต่ผมเห็นหมดแล้ว อาจจะให้เห็นในไฟนอล แต่นี่เขาโฆษณาที่รักต้องมาดูนะ บางทีก็อาจจะมีมุมที่เขาไม่มั่นใจอะไรแบบนี้เราก็ต้องเข้าไปเหมือนเป็นซัพพอร์ตให้
10 ชุดนี่ใส่จริงกี่ชุด คาดว่า?
ณัฐ : พรุ่งนี้ 4 แล้วก็มีวันที่กระบี่อีกค่ะ วันที่กระบี่จะเป็นชุดที่ณัฐทำเอง พรุ่งนี้จะมีตอนเช้าเป็นของ พี่ป้อม ธีระพันธ์ ช่วยทำให้ฉันชุดไทย ชุดที่สองเป็นของณัฐ ชุดที่สามเป็นของพี่ใหม่ ชุดสุดท้ายก็เป็นของพี่ใหม่เหมือนกันค่ะ
เจ้าบ่าวสู้ไหมกี่ชุด?
อนันดา : ไหนบอกว่าเป็นความลับไง ก็นั่งฟังไหนความลับ นี่หมดแล้วนะ
ณัฐ: ที่บอกเพราะว่าณัฐอยากขอบคุณทุกคน ที่ทุ่มเทจริงๆ
อนันดา : ของผมก็หลายคน หลายชุดอยู่เหมือนกันนะครับ บางที่นี่ก็เอ๊ะ งานแฟชั่นโชว์รึเปล่า แต่ก็สนุกดีครับเพราะว่า ทุกคนก็มาช่วยกันทุกอย่างเลยครับ ทั้งฉาก ทั้งจัดงาน ทั้งเสื้อผ้า แต่งหน้าทำผม ก็เป็นทีมงาน เป็นครอบครัวของเราที่มาช่วย อย่างนี้
ไฟ อะไรอย่างนี้พี่ดมเขาก็เอามาให้เอง ทีมงานเขามาเซ็ตให้เมื่อเช้า ผมเดินมาเห็นผมยังตกใจเลยว่าไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ ตอนแรกเราวุ่นอยู่กับตัวงานหลัก
พี่เขาเอามาให้เอง เมื่อเช้าผมเดินมาเห็นก็งง ก็ตกใจเลยว่าทำไมต้องขนาดนี้ก็ได้ เพราะตอนแรกเราวุ่นอยู่กับตัวงานหลักไง ก็บอกไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวเอาโซฟาที่โรงแรมนี่แหละแค่นั้นก็พอ เดินมาเมื่อเช้ากล้อง ไฟ เขาก็หิ้วมาเองเลย รู้สึกปลื้มมากที่ทุกคนที่เรารู้จักเป็นครอบครัวของเรา ครอบครัวการทำงาน ทุกคนเข้ามาซัพพอร์ต
ก็เลยตื้นตัน?
อนันดา : เนี่ยๆ อย่าชวนดราม่าสิ (หัวเราะ) คือเอาจริงๆ ในมุมของผมไม่เคยคิดว่าจะมีงานแบบนี้อยู่แล้ว ครอบครัวของผมไม่เคยคุยเรื่องพวกนี้ ตัวผมเองที่เรารู้จักกันมาหลายปี เราคุยกันมารู้จักผมตั้งแต่เด็ก เคยได้ยินแต่ว่าเรื่องพวกนี้คงไม่มีหรอก แล้วระหว่างทางก็เจอคนนี้ แล้วมันก็เปลี่ยน ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะมีวันนี้ พอทักมามันก็เลยอาจจะรู้สึกว่ามีความจุกอยู่ในคอหอย มีความตื้นตันใจ เอาจริงๆ ผมเองยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับใครเรื่องนี้ ไม่มีโอกาสที่จะตอบคำถามพวกนี้ (เป็นความตื้นตันใจ?) ประมาณนั้น
อะไรที่ทำให้ตัดสินใจว่าคนนี้แหละ คู่ชีวิต?
อนันดา : เป็นคำถามที่เขาถามผมหลายครั้งเหมือนกัน ก็คงต้องนั่งคุยกันเป็นชั่วโมงๆ ผมก็พยายามหาสาเหตุว่ามันคืออะไร แต่มันคือความรู้สึกว่ามันใช่ ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยมีความรู้สึกนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของครอบครัว ความรัก แต่ความรู้สึกนั้นมันแค่รู้สึกว่ามันใช่ อาจจะนิยามสาเหตุไม่ได้ แต่ว่าเรารู้ของเราว่า มันใช่ และเรารู้ของเราว่ามันใช่และถูกต้องเสมอกับชีวิตเรา
ณัฐ : ตั้งแต่แรกที่คบกับพี่เขา โอเคแรกๆ มีการมีการปรับตัวกันบ้าง แต่พอคบกันมาสักพักก็รู้สึกว่าคบคนนี้แล้วรู้สึกดี สบายใจ แม้จะไม่หวือหวาเป็นความรู้สึกว่า อยู่กับคนนี้ไม่อึดอัดเลย ทุกวันที่ตื่นมาไม่มีปัญหา ไม่มีเรื่องกังวล ไม่มีเรื่องปวดหัว เขาคือกำลังใจทุกๆ วัน ไม่ได้น้ำเน่านะ เวลาไปทำงานเขาพร้อมซัพพอร์ตจริงๆ มีปัญหาเขาก็ช่วยคิด ช่วยแก้มาตลอด หันไปก็มีเพื่อนคู่คิดที่ดี มีกำลังใจที่ดี สบายใจ มีแต่สิ่งดี ณัฐก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะมีวันนี้ ไม่ได้คิดว่าอยากจะแต่งงาน ไม่คิดเลยดีกว่า แต่ก็แค่รู้สึกว่าอยากอยู่กับคนนี้ก็แค่นั้น และงานที่เกิดขึ้นมาเราก็ไม่ได้เรียกว่างานแต่งงาน แค่อยากให้ทุกคนรับรู้ว่า เราอยากจะอยู่ด้วยกัน และอยากจัดฉลองเป็นดินเนอร์ขึ้นมารวมคนที่เรารักและรักเรา มากินข้าวด้วยกัน อยากมีอาหารอร่อยๆ ให้เขากิน อยากจะเปิดเพลงเพราะๆ ให้เขาฟัง และอยากมีโมเมนต์ที่น่ารักอยู่ในความทรงจำของเราสองคนด้วย
ทีแรกไม่ได้อยากมีงานใหญ่โต?
ณัฐ : ที่มันเริ่มใหญ่เพราะว่าเรารักความสมบูรณ์แบบด้วย อย่างนี้สวย อย่างนั้นสวย ก็ตามน้ำมาเรื่อยๆ มากกว่า
อนันดา : มันเริ่มจากโควิด เราสองคนไปอาศัยอยู่ต่างจังหวัดซะส่วนใหญ่ กรุงเทพฯแดงเข้ม เราก็พยายามหลีกเลี่ยงกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตตามเกาะนั้นเกาะนี้ ก็คุยกันว่าจะมีวันนี้ เราก็จัดเล็กๆ ที่ทะเลดีกว่าไหม ทางแม่ๆ ครอบครัวก็บอกว่า ดีนะลูกน่ารักดี แต่พอเขายกเลิกโควิด ก็มาคิดว่าอาชีพการงานเราก็อยู่กรุงเทพฯ งั้นเรามาจัดที่กรุงเทพฯดีกว่าไหม แล้วก็เริ่มจากไปดูร้านเล็กๆ ริมน้ำ 100 กว่าคน เป็นคอนเซปต์เดิมริมทะเล แล้วก็เพิ่มมาเป็น 150 ทีนี้ร้านก็เล็กเกินไป ก็เปลี่ยนร้านไปเรื่อยๆ จนมาถึงตรงนี้ ซึ่งทีแรกเขาให้เราไม่เกิน 200-250 โชคดีผมรู้จักครอบครัวที่เป็นเจ้าของที่นี่ ก็เกลี้ยกล่อมไปเรื่อยๆ จนกลายเป็น 300 จนมาถึง 400 คน จนคนที่จัดงานให้เราเริ่มกริ้วแล้ว แม่ก็เริ่มไม่โอเคแล้ว ห้ามเกินเด็ดขาด ถ้าเกินนี่ตาย ฉันไม่รู้จะยัดไว้ไหนแล้ว (หัวเราะ)
อนันดา : งานที่กระบี่เป็นงานเล็กๆ เป็นงานในแบบที่เราคิดไว้
ณัฐ : งานที่กระบี่จัดขึ้นวันที่ 22 ก.พ. ที่เลือกวันนี้เพราะเขาขอณัฐเป็นแฟนวันแรกคือวันที่ 22 แล้วเราก็ได้วันมาจากหลวงปู่วันนี้พอดี ในเมื่อมันอีกไม่กี่วัน ก็เอาวันนี้เลย เป็นวันที่กำลังดี งั้นก็เลือกวันที่เราเป็นแฟนกันวันแรกเลย จะได้จำวันเดียว (หัวเราะ)
อนันดา : 22 ก็ไม่ได้สรุปมาง่ายๆนะ อีกคนจำ 21 อีกคนจำ 22 ต้องไปเปิดรูปเก่าๆ ดู ไปหาประวัติ จนเออ วันที่ 22 ก็ได้(หัวเราะ)
สินสอดทองหมั้นเท่าที่เปิดเผยได้?
ณัฐ : ไม่มีเลยค่ะ
อนันดา : คุณแม่เรียบง่ายกว่าพวกเราเยอะเลย แม่บอกว่าก็แลกแหวนก็พอ ไม่มีเรื่องของสินสอด ซึ่งจริงๆ มันก็ตรงกับความรักเรามากกว่า เราไม่ได้เป็นเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่แม่บอกว่าให้แล้วห้ามคืน จะดูแลให้อย่างดีครับ
เรื่องมีน้อง?
ณัฐ : ตอนแรกเขาบอกณัฐว่าไม่ต้องมีก็ได้ พอใกล้วันเรื่อยๆ แม่ก็เริ่มพูดขึ้นว่า ตอนที่คุณยายเสีย คุณแม่กับณัฐจะสนิทกับคุณยายมากๆ คุณแม่บอกว่าพอคุณยายเสีย จริงๆที่แม่ยังอยู่ได้เพราะมีณัฐ คุณแม่ณัฐเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มีคุณป้าเป็นแม่บุญธรรม เราโตกันมา 4 สาว พอคุณยายเสีย คุณแม่ก็เลยบอกว่าถ้าแม่ไม่มีณัฐ แม่ก็จะอยู่ยาก แม่ก็กลัวว่าถ้าวันนึงถึงคราวณัฐที่ณัฐไม่มีคุณแม่ เขาก็กลัวว่าณัฐจะ lost คุณแม่ก็เริ่มพูดว่าลองคิดดูไหม แต่ก็เดี๋ยวก่อน (หัวเราะ) ยังเป็นเรื่องที่คุยกันอยู่
อนันดา : เราคุยกันว่าขอไปเที่ยวรอบโลกซัก 2 รอบ แล้วค่อย
ณัฐ : ไม่ใช่ไม่อยากตอบนะ แต่เรายังไม่รู้เลยจริงๆ
อนันดา : ตอนคบกันแรกๆ เราไม่คิดที่จะมีเลยด้วยซ้ำ
พอมาถึงทุกวันนี้ก็ยอมรับว่ามันมีหลายอย่างที่มันเปลี่ยนไป
รวมถึงการที่มีวันนี้มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดไว้
แล้วมันก็มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นผมเลิกคิด
เลิกกำหนดแล้วว่าอนาคตจะเป็นยังไง ก็คือตามนั้น
พรีเวดดิ้งแซ่บมาก?
อนันดา : อาจจะเป็นเพราะผมทำงานกับช่างภาพหลายคนมาตั้งแต่ผมเป็นนายแบบตอนเด็กๆ อนันดามาถึงแล้ว เอ้า! แก้ผ้า เราคุ้นเคยกับคนพวกนี้อยู่แล้ว เราถ่ายรูปกับพวกเขาเพราะเรารู้สึกว่าเขาเป็นครอบครัวเราในวงการบันเทิง มันเลยมีความกันเอง ณัฐเองเป็นดีไซเนอร์เขาก็รู้จักคุ้นเคยอยู่แล้ว มันเลยไม่มีความเขิน
ณัฐ : คอนเซปต์มาจากพี่ๆ ช่างภาพทั้ง 8 คนเลย เขาเอาความเป็นเราที่เราทำกันด้วยกันบ่อยอยู่แล้ว เป็นตามใจพี่ๆ มากกว่า ทุกคนตั้งใจมาช่วยกันจริงๆ ก็เลยได้รูปสวยๆ มาเก็บไว้เยอะเลย
อนันดา : 8 ก็ยังไม่ครบ เพราะคิวบางคนไม่ได้ บางคนก็ขอไปถ่ายทีหลัง อย่างคิวของพี่ใหญ่ อมาตย์
คำว่าคู่ชีวิตเรามองมันเปลี่ยนไป?
อนันดา : ผมคงต้องใช้เวลากับมันหน่อย ก็เพิ่งจะเข้าใจ คงต้องให้เวลาหน่อย แต่พอมาถึงวันนี้ผมรู้สึกตื้นตันใจ มาตกผลึกเอาวันนี้จริงๆ มันเป็นแค่ความรู้สึกที่เรารู้แค่ว่ามันเกิดขึ้นว่านี่แหละ คู่ชีวิต
คำมั่นสัญญาที่มีให้กัน?
ณัฐ : เรามีคำสัญญาให้กันมาซักพักนึงแล้ว เรากำหนดอนาคตไม่ได้อยู่แล้วว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่เราก็ตั้งใจว่าเราจะสู้ไปด้วยกัน อะไรจะเกิดขึ้นเราก็จะพยายามผ่านไปให้ได้ด้วยกัน ก็อยากให้เป็นคนสุดท้ายของกันและกัน
อนันดา : ตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งที่เราไม่ได้เรียกว่างานแต่งเพราะเราอยากจะเฉลิมฉลองว่านี่คือการเริ่มต้นการเป็นคู่ชีวิต วันแรกของที่เหลือของชีวิตเรา
ถามถึงเรือนหอ?
อนันดา : ทำอยู่ แถวๆ นี้ เย็นอากาศ สาทร คือจริงๆ อันนี้ไม่ได้เป็นตามแพลน ผมคุยกับเขาว่ามีเงื่อนไขอยู่ 2 อย่างสำหรับวันนี้ ก็คือ กำหนดการของผมคือ 40 นะ แล้วก็ขอมีบ้าน โอเค 40 มาถึงแล้ว (หัวเราะ) แต่บ้านยังไม่เสร็จ ก็ตามสไตล์สร้างไปเรื่อยๆ น่าจะเสร็จสิ้นปี
ณัฐ : จริงๆ กำหนดการใกล้ๆ กัน ณัฐก็บอกพี่เขาว่า ถ้าจะมีวันนี้จริงๆ อยากจะเลย 31 มาก่อน แล้วเผอิญเราอายุต่างกัน 9 ปี มันก็เลยเป็นแก๊ปที่ค่อนข้างใกล้กัน แต่จริงๆ ก็ไม่ได้แน่นอนว่าเป็นปีนี้หรืออะไร มันก็ด้วยความพร้อมหลายๆ อย่าง ก็ได้วันมา ณัฐแอบเป็นสายมู (อนันดาบอกว่าเป็นมูตัวแม่เลย) หลวงปู่บอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันดี ก็เป็นการเริ่มต้นของสองคนที่ดี
พิธีสงฆ์จะมีมั้ย?
ณัฐ : มีค่ะ พรุ่งนี้ที่ได้เกริ่นไว้ว่ามีชุดไทยก็จะไปเข้าเฝ้าพระสังฆราช เพราะที่บ้านณัฐเป็นคนพุทธ เราไม่มีเรื่องรดน้ำ จะเป็นการฉลองและไปขอพรจากพระสังฆราชเป็นมงคลของเรา 2 คน
อนันดา : แล้วก็มีพิธีเล็กๆ ตอนเช้าเป็นการขอขมาพ่อแม่ และก็แลกดอกไม้กัน
มีฤกษ์มั้ย?
ณัฐ : มีค่ะ (ยิ้ม) 09.19 น. เข้าวัด
อนันดา : มีอยู่แล้ว คนนี้เขามีอยู่แล้ว ต้องเป็นนาทีเลย
ก้าวขาเข้าวัดตอนกี่โมง
ส่วนที่กระบี่เป็นปาร์ตี้เหรอ?
ณัฐ : ใช่ค่ะ ที่กระบี่ไม่ได้ดูวันเลย หลวงปู่ให้เวลามาว่าขอก้าวเข้าวัดเวลานี้ แล้วที่เหลือก็แล้วแต่เราเลย ตามซีเควนงานทั่วไป
อนันดา : กระบี่คือสนุกล้วนๆ อันนั้นคือเพื่อนเราส่วนตัว (หัวเราะ)
ฮันนีมูนที่ไหน?
อนันดา : ยังไม่ได้คิดเลย
หรือทุกๆ วันคือฮันนีมูน?
อนันดา : ก็ดีนะ (ยิ้ม) ถ้าอย่างนี้เป็นข้ออ้างไม่ต้องพาไปเที่ยวไหนแล้ว
ณัฐ : บอกว่าจะพาแม่ไปปาลากอสไง
อนันดา : ก็มีคุยกันเป็นร้อยที่ครับ เรามีลิสต์ที่ทำออกมาว่าแต่ละที่ที่เราอยากไปกัน
ที่แรกที่อยากไปคือที่ไหน?
อนันดา : หลังจากนี้มีไปญี่ปุ่น แต่อันนี้เป็นทริปที่แพลนไว้นานแล้ว แต่หลังจากนั้นผมต้องกลับมาทำงานเคลียร์หนี้ก่อน (หัวเราะ) เล่นหนังอีกประมาณ 2 เรื่อง พอหลุดช่วงนั้นค่อยหาเวลาไป ผมเองก็สัญญาว่าผมจะพักงานไว้สักช่วงหนึ่ง ไปเที่ยวกันแบบเที่ยวจริงๆ ที่ผมอยากไปจริงๆ อาร์เจนติน่าบัวโนสไอเรส แต่มันไกลเราเลยคุยกันว่ามันต้องมีเวลาเป็นเดือน
การอยู่ในวงการมานาน เวลาไปบอกผู้ใหญ่ว่าจะแต่งงาน ได้รับคำอวยพรมาแบบไหนบ้าง?
อนันดา : เอาจริงๆ นะ เมื่อวานก็เป็นครั้งแรกที่ผมมีครอบครัวจากออสเตรเลียมา พ่อก็มากินข้าวกับผม เขาก็มีความแบบ จริงเหรอ (หัวเราะ) เขาก็ยังแซวอยู่ว่า ยังจำได้เลยนะ พูดมาตลอดว่าจะไม่มีวันนี้ เขาก็พูดว่าก็ดีแล้วที่รู้จักการปรับเปลี่ยนตัวเอง เพราะเขาเชื่อว่า พอเราโตขึ้นเรื่อยๆ เราต้องยอมรับการปรับเปลี่ยน เรื่องครอบครัวเรื่องลูกก็ให้เปิดใจไว้
เรื่องการจดทะเบียนสมรสล่ะ?
อนันดา : จริงๆ ไม่ได้ซีเรียส แต่ว่าอย่างน้อยๆ ถ้าสมมติเกิดมีลูกขึ้นมา มันมีเรื่องของกฎหมายก็จำเป็น ก็ควรจะต้องจด
ณัฐ : อย่างที่ณัฐบอกว่า อย่างวันนี้ มันก็ไม่ได้เป็นวันที่เราแพลนมา แต่มันก็เกิดขึ้น รู้สึกว่าทุกอย่างตอนนี้มันเป็นไอเดีย มันไม่ได้เป็นเรื่องซีเรียส เรื่องที่ซีเรียสคือ เรื่องที่เราอยากอยู่ด้วยกัน ส่วนเรื่องอื่นมันเป็นเรื่องภายนอก เพราะว่าณัฐบอกเขาตลอดว่าอยากมีพาร์ตเนอร์ในชีวิต ที่คอยร่วมทุกข์ร่วมสุข หันไปณัฐก็จะเจอเขา นี่คือคนที่อยู่ข้างกายณัฐ เรื่องจดทะเบียนมันเป็นแค่เรื่องตามกฎหมาย
อนันดา : ใช่ มันคนละเรื่องกับความรักอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มองข้าม ถึงเวลาเราก็ต้องไปจัดการตามความเหมาะสมอยู่แล้ว
ถามถึงแหวนวงเดียวกับที่ขอแต่งงานหรือเปล่า?
ณัฐ : ใช่ค่ะ (โชว์แหวน)
มีความหมายอย่างไรบ้าง?
ณัฐ : ในมืออาจจะเห็น 2 วง คือคุณยายเลี้ยงณัฐมาตั้งแต่เด็ก (ร้องไห้) ณัฐมีหลายๆ อย่างในชีวิตได้ก็เพราะคุณยาย แหวนวงนี้เป็นสิ่งที่คุณยายเตรียมไว้ให้ณัฐ ณัฐใส่เป็นที่ระลึกเฉยๆ วันนี้ท่านไม่อยู่แล้ว วันนี้คุณแม่ทั้ง 2 ท่านก็มาให้กำลังใจ ณัฐสนิทกับครอบครัวมาก ก็ไม่ลืมว่าณัฐมีทุกวันนี้ได้เพราะใคร ก็อยากเป็นที่ระลึกว่าคุณยายก็อยู่กับณัฐตรงนี้ ก็เลยแอบใส่มาด้วย (ยิ้มทั้งน้ำตา)
แหวนของอนันดาล่ะ?
อนันดา : เอาจริงๆ ผมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เรื่องแหวน เรื่องงานแต่งงาน ไม่เข้าใจเรื่องเพชร เครื่องประดับ เลยปรึกษาครอบครัวแล้วก็คุยกับณัฐว่าอยากให้ใส่อะไรที่เขาใส่ได้ทุกวันเป็นแฟชั่นหน่อย แล้วเราก็นึกถึงบุคลิกเขา ที่เป็นกันเอง แล้วถ้าจะเป็นเพชรแบบที่เราเห็น วาวๆ เม็ดใหญ่ๆ กลมๆ ผมก็นึกไม่ออก เขาจะใส่ได้ทุกวันหรือเปล่าก็เลยคุยกัน และณัฐบอกว่าจริงๆ ชอบแบบเป็นสี เราก็แจ็กพอต (ตบมือ) มันต้องถูกแน่นอน ไปคุยกับแม่ให้หาให้หน่อย ซึ่งมันก็ยากมาก เขาชอบสีเขียวกับสีชมพู เราก็ปรึกษากับครอบครัวตลอด เพราะเขามีแบล็กกราวน์เป็นจิวเวอรี ให้ช่วยหาให้หน่อย ไซน์ประมาณนี้ เพราะเราไม่เคยรู้ว่ามันหายาก และไม่เคยรู้ว่าราคามันเป็นอย่างไร (หัวเราะ) ก็หาจนได้ เลยได้เป็นเพชรสีเขียว เรียกว่าคามิเลียนไดม่อน เพราะว่ามันเปลี่ยนสีได้ ถ้าอยู่ในที่มืดมันจะเขียวขึ้น ถ้าโดนแดดจะเหลือง
ขนาดเท่าไหร่?
ณัฐ : 3 กะรัตครึ่ง วงสีเขียวคือของพี่เขา อีกวงเป็นของคุณยาย
แหวนที่ให้อนันดา?
ณัฐ :
เป็นแหวนที่ณัฐทำให้เป็นการแกะสลักทองเป็นลายแล้วมีชื่ออยู่ข้างใน
อนันดา ก็หัดใส่อยู่ เราขี้กังวล เรากลัวหาย
ณัฐทำไว้ให้เขาหลายวงเลย กลัวว่าจะหายจะได้ไม่ต้องงอน ทำไว้ 3 วง มีเป็นคล้ายกันอีกวงแต่เล็กกว่า และก็มีแบบอื่นด้วย
มาถึงวันนี้แล้ว มีอะไรจะบอกกันมั้ย?
อนันดา : จริงๆ แค่อยากจะบอก ณัฐรู้อยู่แล้ว เราอยู่ด้วยกัน เขาก็รู้ว่าผมรู้สึกอย่างไร อยากแชร์เฉยๆ ว่าทั้งนี้คือความรักแหละครับ นี่คือสิ่งที่เราอยากจะแชร์กับทุกคน ไม่ได้จะมาพูดถึงเรื่องพิธีการ เรื่องความใหญ่หรืออะไร นั่นไม่ใช่ประเด็น อันนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางเฉยๆ เหตุผลหลักที่เรามาถึงทุกวันนี้ก็คือความรัก และก็อยากจะแชร์ตรงนี้ให้กับทุกคน อย่าให้ผมพูดเยอะเลยเดี๋ยวจะไม่มีอะไรไปพูดในวันงาน (ยิ้ม)
ณัฐ : ก็เหมือนกันค่ะ ณัฐว่าณัฐพูดไปหมดแล้ว ก็เช่นกัน ก็เป็นจุดเริ่มต้นค่ะ อย่างที่บอกว่าเราอยากอยู่ด้วยกัน หลังจากนี้จะเกิดอุปสรรคอะไรก็ให้สัญญากับเขาไปแล้วว่าจะอยู่เคียงข้างเขาในยามสุขและทุกข์.
คุณกำลังดู: อนันดา น้ำตาซึม ไม่คิดว่าจะมีงานแต่ง เผยคำสัญญาจะดูแล ณัฐ ให้ดีที่สุด (คลิป)
หมวดหมู่: ความบันเทิง