อ้อน เกวลิน เผยเหตุหยุดรับงานในวงการเพราะป่วยหลังร้องเพลงหนักมา 8 ปี
ถ้าจะเอ่ยชื่อนักแสดงยุค 90 ที่โด่งดังในอดีต ก็ต้องมีชื่อของ อ้อน เกวลิน คอตแลนด์ ติดโผเป็นนักแสดง
- อ้อน เกวลิน อดีตนางเอกชื่อดังหวนคืนวงการบันเทิงในรอบ 15 ปี
- หันหลังให้วงการบันเทิงเพราะป่วยเป็นภูมิแพ้หลังจากร้องเพลงหนักๆ 8 ปี
- ยอมรับสาเหตุที่หยุดรับละครเพราะได้บทแม่
ถ้าจะเอ่ยชื่อนักแสดงยุค 90 ที่โด่งดังในอดีต ก็ต้องมีชื่อของ อ้อน เกวลิน คอตแลนด์ติดโผเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอีกคนของยุคนั้น เพราะเธอเป็นนักแสดงที่มากความสามารถ เล่นได้หลายบทบาท และยังเป็นนักร้องอีกด้วย
แต่เพราะโลดแล่นอยู่ในวงการหลายสิบปี เมื่อถึงจุดอิ่มตัว บวกกับมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ทำให้ อ้อน เกวลิน ตัดสินใจพักงานในวงการบันเทิง เพื่อไปดูแลตัวและเริ่มทำอาชีพใหม่ที่อ้อนมองว่าเป็นงานที่ท้าทายความสามารถของตัวเอง
แต่แม้ อ้อน เกวลิน จะห่างหายไปนาน แต่แฟนๆ ก็ยังคิดถึงอ้อนอยู่เสมอ และล่าสุดอดีตนักแสดง-นักร้องชื่อดัง ก็ได้ตัดสินใจหวนคืนวงการบันเทิงอีกครั้ง ด้วยการกลับมารับละครยาวในรอบ15 ปี กับละครเรื่อง เคหาสน์นางคอย ทางช่อง 7
กลับมาร่วมงานกับบ้านเก่า
วันนี้เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ อ้อน เกวลิน เป็นครั้งแรก ต้องยอมรับว่าแอบตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย ที่จะได้สัมภาษณ์อดีตนักแสดงชื่อดังมากความสามารถ และเมื่อได้เจอกับอ้อน ต้องยอมรับว่า แม้ตอนนี้เจ้าตัวจะมีอายุ 43 ปีแล้ว และมีลูก 2 คน แต่เรื่องความสวยก็ไม่ได้เป็นรองนางเอกรุ่นน้องเลยแม้แต่น้อย
และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราจึงเริ่มสัมภาษณ์อดีตนักแสดงชื่อดังที่วันนี้ได้หวนกลับมาเล่นละครให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงอีกครั้ง ว่าเป็นเพราะอะไรจึงยอมตกปากรับคำกลับมาเล่นละครอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน ซึ่งอ้อนเปิดใจเล่าให้เราฟังว่า
"ที่ผ่านมามีละครติดต่ออ้อนมาตลอดแต่สำหรับเรื่องเคหาสน์นางคอย เป็นละครของบ้านเก่าค่ายกันตนา และเป็นพี่ตุ๊กตา จิตรลดา ซึ่งอ้อนเคยแจ้งเกิดกับการเล่นละครเรื่องแรกกับพี่ตุ๊กตา เลยฝังอยู่ในใจลึกๆ
และในละครเรื่องนี้อ้อนต้องรับบท 2 ตัว ถ้าจะกลับมา อยากจะมีอะไรให้เล่นนิดนึง ไม่ใช่เล่นบทไหนก็ได้ เลยมีความรู้สึกว่าบทนี้เหมือนต้องเป็นอ้อนเท่านั้น กลับมาแล้วสำคัญ และเวลามันได้ อ้อนสามารถจัดเวลาได้
อ้อนเป็นคนที่ใช้เซนส์ในการเลือกงาน ดูจากชื่อเรื่อง ได้ยินแล้วรู้สึกเลย เคหาสน์นางคอย ชอบชื่อก่อนเลย รู้สึกว่าชื่อเรื่องมันก็สำคัญ และก็ขอดูบทก็รู้ว่าทำไมพี่ตุ๊กตาถึงให้บทนี้กับอ้อน (ยิ้ม)
สำหรับการทำงานเมื่อก่อนอ้อนทำงานแบบถ่ายไปออนไป 1 สัปดาห์ถ่าย 2 เรื่องซ้อน เลยทำให้รู้สึกว่าการทำงานของอ้อนจะอ่านแต่บทของตัวเองแต่พอหายไปนานก็คิดถึงงานเดิม เรายังมีไฟอยู่
และเรื่องนี้อ้อนอ่านแทบจะหมดเล่ม พออ่านแล้วสนุก มีอะไรที่ทำให้วางไม่ลง เลยคิดว่าน่าจะเป็นอีกเรื่องที่ปังนะ เป็นเรื่องที่หลายๆ คนน่าจะหายคิดถึงอ้อนได้ (ยิ้ม)"
เราถาม อ้อน ต่อว่าพอห่างหายจากการถ่ายละครไปนาน กลับมาอีกครั้งต้องมีการปรับตัวเยอะมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเราได้รับคำตอบว่า
"น่าจะเป็นเรื่องของการต้องเล่นหลายๆ อารมณ์ในเวลาเดียวกันมากกว่า และต้องใส่หน้ากากทั้งเรื่อง เลยมีความรู้สึกว่า 2 ตัวละครที่ต้องเล่น มีความแตกต่างกันค่อนข้างสูงเพราะฉะนั้น ถ้าผู้กำกับไม่ช่วยเรา ก็อาจจะเกิดความตึงเครียด
แต่สำหรับเรื่องนี้ผู้กำกับเขาช่วยด้วย และนักแสดงคนอื่นๆ ก็ช่วยทำให้อ้อนได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่แบบไม่มีความเครียด เลยทำให้อ้อนสนุกกับการเล่นละครเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่บทมันเครียดมากเลยนะ แต่มันสนุก ได้ร้องไห้ ได้กรี๊ดเหมือนคนบ้า สนุกมากๆ เลยสำหรับการถ่ายละครเรื่องนี้ (หัวเราะ) ถ้าเครียดกับลูกก็ได้มาปลดปล่อยที่กอง (หัวเราะ)
ทุกฉากที่อ้อนเล่นมันยากหมดเลย เพราะต้องใส่หน้ากาก สีหน้ามันออกมาไม่ได้ ต้องส่งออกมาทางสายตา ต้องเล่นกับตรงนี้ แต่อ้อนไม่เครียด เล่นยากแต่สนุก เล่นไปตามอารมณ์ เลยรู้สึกว่าพี่อ๊อด ผู้กำกับ เขาไว้เนื้อเชื่อใจอ้อนนะ"
แต่เพราะเป็น อ้อน เกวลิน อดีตนักแสดงมากฝีมือที่เล่นได้หลากหลายบทบาท การกลับมาเล่นละครกับน้องๆ รุ่นใหม่อีกครั้งนั้น ทำให้หลายๆ คนเกร็งอ้อนบ้างหรือไม่ ซึ่งเราได้รับคำตอบของคำถามนี้ว่า
"ถามว่าคนในกองเกร็งๆ อ้อนมั้ย อ้อนสัมผัสได้อยู่นะคะว่ามีคนเกร็งๆ อ้อน แต่เป็นแค่ช่วงแรกๆ ค่ะ เพราะต่างคนต่างไม่รู้จักกัน อ้อนห่างหายไปจากจอนานและยังไม่ดูละครอีก ก็เลยไม่รู้เลยว่าใครเป็นยังไง ใครดังแค่ไหน อ้อนไม่รู้จัก เลยทำให้ช่วงแรกๆ เขาไม่กล้าคุยกับเรา
อ้อนไม่ชินกับเรื่องนี้ ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาวงการละครเมื่ออายุ 30 ขึ้นไปส่วนใหญ่บทแม่จะมาแล้ว ซึ่งถ้าถามลึกๆ ถ้ามองว่าชีวิตจริงเรายังไม่มีลูก แต่บทแม่มาไวมาก นี่คือเหตุผลที่ทำให้ทุกคนไม่เห็นอ้อน แต่พอเรามีลูก กลายเป็นว่าพอต้องมาเล่นเป็นแม่ อินเนอร์ของการเป็นแม่มันก็ได้ด้วย ก็เลยเป็นการรับส่งค่อนข้างดี
ส่วนเรื่องความกดดันจากแฟนๆ ละครที่เขารอดูผลงานการแสดงของอ้อน บอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำอ้อนมีความกดดันเลยค่ะ เพราะมั่นใจตั้งแต่เลือกที่จะเล่นแล้ว เชื่อว่าแฟนละครที่รอดูผลงานของอ้อนต้องอิ่มหนำสำราญกับละครเรื่องนี้ค่ะ (ยิ้ม) เป็นละครที่อ้อนเลือกจะทิ้งทวน เพราะเชื่อว่าเป็นละครอีกเรื่องที่ทุกคนจะไม่ลืม"
สานฝันให้คุณพ่อ
หลายคนคงอยากจะรู้ว่าเพราะอะไร อ้อน เกวลิน ถึงเลือกที่จะมาเป็นนักแสดง ไม่รับงานแสดงต่อ ทั้งๆ ที่ฝีมือทางการแสดงก็ไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งอ้อนได้เล่าถึงเหตุผลที่เลือกเป็นนักร้องให้ฟังว่า
"ที่อ้อนเลือกที่จะร้องเพลงเพราะมันคือความฝัน ก้าวแรกของการเข้าวงการบันเทิงของอ้อนคือการเป็นนักร้องนะคะ แต่ไม่มีใครรู้ แต่โอกาสไม่ได้มีมาหาอ้อน อ้อนทำเพลงแต่ว่าไม่ได้ออก ไม่มีใครรู้เรื่องนี้
ตอนนั้นอายุ 15 ปีค่ะ เจสัน ยัง เป็นศิลปินก่อนอ้อน และอ้อนต้องเปิดตัวต่อจากเขาในค่ายนั้น ถ่ายทุกอย่างเสร็จ พรุ่งนี้จะโปรโมตแล้ว แต่ไม่ได้ไปเพราะบริษัทปิด เขาเลยโยนอ้อนไปแคสต์งานละคร
ตอนนั้นอ้อนเสียใจมาก พอมีละครเข้ามาก็เลยเล่นยาวเลย ด้วยความฝันไม่ได้เป็นนักร้องก็เลยขอร้องเพลงประกอบละครซะเลยทุกเรื่องที่อ้อนเล่น อ้อนได้ร้องเพลงหมดเลย (ยิ้ม)
จนมีอยู่วันหนึ่งอ้อนไปออกรายการที่เขาเชิญอ้อนไปร้องเพลง แล้วมีอาจารย์เพลงโทรมา บอกว่าอยากทำเพลง อยากเป็นนักร้อง จะช่วยทำเพลงให้ อ้อนกลายเป็นนักร้องที่ค่าย เริ่มต้นมาจากอาจารย์เพลงกับอ้อน
พอได้เป็นนักร้องตามความฝัน ซึ่งเป็นความฝันของพ่อที่เขาอยากเห็นอ้อนเป็นนักร้อง เขาชอบร้องเพลง และเขารู้ว่าเรามีความสามารถในด้านนี้ แต่ทำไมไม่ได้ร้องซะที ผิดหวังตั้งแต่ครั้งแรก
แต่แม่อยากให้เล่นละคร ก็เลยบอกแม่ว่า 8 ปีแล้วที่อ้อนเล่นละครให้แม่ ขอเป็นนักร้องให้พ่อนะ สมัยที่แกมีชีวิตอยู่ก็จะนั่งซ้อนท้ายพ่อไปดูคอนเสิร์ต พอมีโอกาสอ้อนเลยอยากจะทำฝันของพ่อให้เป็นจริงค่ะ (ยิ้ม)"
อ้อน เกวลิน นักแสดงที่ไม่ได้ถูกลืม
จากนั้น เราถาม อ้อน เกวลิน ต่อว่า หลังจากที่หายจากวงการบันเทิงไปนาน แต่แฟนๆ ยังจำได้ ไปไหนมาไหนคนยังทัก และถามอยู่เสมอว่าเมื่อไหร่จะกลับมาเล่นละคร มาร้องเพลงอีกครั้ง อ้อนรู้สึกอย่างไรบ้าง ซึ่งเราได้รับคำตอบว่า
"อ้อนดีใจนะ และแปลกใจด้วย คิดว่าคนจะลืมอ้อนไปแล้ว และนี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่อ้อนไม่กลับมา เพราะกลัวคนจำไม่ได้ (ยิ้ม)
คืออ้อนเป็นคนโลไฮเทค ไม่เล่นโซเชียลเลย ก็เลยคิดว่าคนจะลืมอ้อนไปแล้ว และด้วยความที่พออ้อนหายไป รุ่นพ่อรุ่นแม่เขาจำได้ แต่เด็กรุ่นใหม่เขาคงไม่รู้จักเรา เลยอยากจะอยู่กับปัจจุบันดีกว่าเพราะเราก็หายไปนานมากๆ เขาอาจจะลืมเราไปแล้ว
แต่พอรู้ว่าเขายังไม่ลืม และยังคิดถึง รอให้กลับมามันว้าวมากค่ะ (ยิ้ม) อย่างตอนที่ไปออกรายการร้องข้ามกำแพงก็ทำให้อ้อนแปลกใจมากกับกระแสตอบรับที่ดีมากๆ ซึ่งอ้อนก็แปลกใจว่าทำไมคนถึงว้าวกับเราขนาดนี้ (ยิ้ม) เขาว้าวอะไรในตัวเรานะ
แต่ลึกๆ ดีใจนะ เขาไม่ลืมเราจริงๆ ตอนนี้ไปไหนมาไหนก็เริ่มมีคนจำได้ แต่อ้อนไม่อยากให้คนจำได้ เพราะอ้อนเป็นคนโลกส่วนตัวสูง
ถามว่าอ้อนเสียใจมั้ยที่เลือกจะหยุดรับงานในวงการบันเทิงแล้วไปทำอาชีพอื่น อ้อนไม่เสียใจเลย เพราะอ้อนเชื่อว่าโอกาสมันเข้ามาหาอ้อนแล้ว และอ้อนก็คว้าไว้ อ้อนสนุกกับงานที่อ้อนทำ ทำให้อ้อนได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้พัฒนาตัวเอง ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ และในวันนี้อ้อนก็ทำงานของอ้อนได้ดีมากค่ะ (ยิ้ม)"
หยุดรับงานเพราะป่วย
เหตุผลที่ทำให้ดาราในยุค 90 หลายคนเลือกที่จะหยุดรับงานในวงการ ต้องยอมรับว่าเมื่อเวลาผ่านไป จากที่เคยเล่นเป็นนางเอก ก็ต้องค่อยๆ เปลี่ยนบทไป ซึ่งบทที่ทำให้หลายๆ คนต้องคิดหนักไม่น้อย นั่นก็คือบทแม่ ซึ่งอ้อนก็ยอมรับกับเราแล้วในช่วงแรกว่านี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เธอหยุดรับงานแสดง
แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำให้อ้อนหยุดทำงานในวงการบันเทิง แต่เพราะเธอมีปัญหาเรื่องสุขภาพที่เกิดขึ้นหลังจากที่เลือกทำตามความฝันของตัวเอง ซึ่งอ้อนเล่าให้เราฟังว่า
"นอกจากจะได้รับบทแม่แล้ว อีกเหตุผลที่ทำให้อ้อนหยุดงานเพราะอ้อนป่วยด้วยค่ะ เป็นโรคภูมิแพ้หลังจากที่ร้องเพลงหนักๆ มา 8 ปี
คืออ้อนเล่นละครอยู่ 8 ปีกลางวันถ่ายละคร กลางคืนรับงานร้องเพลง แล้วก็รู้ตัวว่าเริ่มไม่ไหว ทำสองอย่างไม่ได้ ร้องๆ อยู่เสียงหาย ไม่มีเสียง นอนดึกตื่นเช้าทุกวันแบบนี้ ร่างกายแย่ ก็เลยไม่รับงานละครแล้วมารับงานร้องเพลงอย่างเดียว พอลงผับทุกคืน 3 ปี สุดท้ายเป็นโรคภูมิแพ้
บวกกับตอนนั้นมีโอกาสใหม่ๆ เข้ามาพอดี และพอได้ทำก็เริ่มลืมงานในวงการ พอมีละครติดต่อเข้ามาก็ไม่ว่าง ทำงานตลอด พอไม่มีเวลาไปถ่ายละคร ปฏิเสธไปบ่อยๆ เขาก็คิดว่าอ้อนไม่เอาแล้ว อ้อนสนุกกับการทำงานของตัวเอง นึกขึ้นได้อีกทีก็ 7 ปีแล้ว"
วงการบันเทิงไม่เคยตาย
เพราะเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 15 ปี เล่นละคร ร้องเพลง ทำแบบนี้วนๆ ซ้ำๆ มาหลายสิบปี จนถึงตอนที่ชีวิตต้องหยุดทุกอย่าง ทั้งการเป็นนักแสดงและนักร้อง ตอนนั้น อ้อนมีความรู้สึกเป็นอย่างไรที่ต้องหันหลังให้วงการบันเทิง
"อ้อนรู้ว่าถึงเวลาจะต้องหยุดแล้ว แล้วโอกาสอื่นมันเข้ามา อ้อนไม่ได้มีช่วงหยุดหรือว่าต้องทำใจอะไร เรื่องต่างๆ มาซ้อนๆ กันเข้ามาหาอ้อนอยู่เรื่อยๆ เลยทำควบคู่กันมา ตอนเล่นละครก็ได้ร้องเพลง ตอนร้องเพลงก็ได้ทำธุรกิจ มันมีอย่างอื่นมาทดแทน เลยไม่ได้ทำให้อ้อนรู้สึกได้หยุดเลย
ใครจะมองว่าวงการบันเทิงไม่ยั่งยืนก็เป็นมุมมองของเขา แต่สำหรับอ้อน วงการบันเทิงไม่มีวันตาย เขาก็อยู่ของเขาไป แต่สุดท้ายเราต่างหากที่จะมีฝีมืออยู่ต่อได้หรือเปล่า และถ้าทำหน้าจอไม่ได้ก็ไปทำเบื้องหลังก็ได้ แต่อ้อนไม่ได้มีโอกาสไปทำตรงนั้น แต่ได้ไปทำอย่างอื่น
คือเมื่อก่อนยิ่งทำตัวลึกลับยิ่งดัง ร้องเพลงเสร็จต้องขึ้นรถตู้ ห้ามไปเดินที่ไหน แต่พอกลับมาทำงานในวงการอีกครั้ง รู้สึกว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปมาก ดารากับแฟนคลับใกล้ชิดกัน
อ้อนยังรู้สึกเลยว่าดาราสมัยนี้โชคดีนะไม่เหมือนสมัยเรา ตอนยุค 90 ถามว่าอึดอัดมั้ยก็ไม่นะคะ เพราะอ้อนเป็นคนโลกส่วนตัวสูงก็เลยไม่ต้องปรับอะไร แต่ยังไงวงการบันเทิงก็ไม่มีวันตาย และมันก็ยังมีเสน่ห์ที่จะดึงให้หลายๆ คนเข้ามาเดินในเส้นทางนี้อยู่เสมอ (ยิ้ม) และคนที่ยังอยู่ก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปด้วยความรัก
อ้อนเชื่อว่าหลายๆ คนที่ยังทำงานตรงนี้เพราะเขามีความรักในอาชีพนี้ ซึ่งอ้อนเองก็ยังรักในอาชีพนี้ แต่แค่อ้อนมีโอกาสได้ไปเริ่มเรียนรู้และทำอะไรใหม่ๆ ก็แค่นั้นเอง วันนี้ได้กลับมาเล่นละครยาวอีกครั้ง ก็รู้สึกดีและหวังว่าละครเรื่องนี้จะเข้าไปอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆ คนนะคะ"
ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา
กราฟิก :
ช่างภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ
คุณกำลังดู: อ้อน เกวลิน เผยเหตุหยุดรับงานในวงการเพราะป่วยหลังร้องเพลงหนักมา 8 ปี
หมวดหมู่: ความบันเทิง