ยางคือชีวิต ตอน....จะรู้ได้อย่างไร เมื่อไรต้องเปลี่ยนยาง

อย่าใช้งานยางเกินอายุ! ข้อสังเกตเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนยาง

ยางคือชีวิต ตอน....จะรู้ได้อย่างไร เมื่อไรต้องเปลี่ยนยาง

เดือนธันวาคม ฝนเริ่มน้อยลง และสภาพอากาศในประเทศไทย (ช่วงเช้า) ก็เย็นสบายจากสายลมหนาวประจำฤดู เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาวางแผนไปเที่ยวปลายปีแล้ว สำหรับการขับรถเดินทางไกล นอกจากจะต้องตรวจสอบความพร้อมของรถยนต์ในจุดต่างๆ โดยเฉพาะล้อยางซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญหมายถึงความเป็นความตายในขณะที่ใช้ความเร็ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่ายางอยู่ในสถานะที่พร้อมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวไปได้ทุกที่ที่อยากไป มีวิธีสังเกตอาการของยางรถยนต์ว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางแล้วหรือยัง เพื่อให้รถของคุณ พร้อมรับมือกับทุกเส้นทางอย่างปลอดภัย รับฤดูท่องเที่ยวในหน้าหนาวนี้

สัญญาณว่าต้องเปลี่ยนยาง เช็กได้ด้วยตนเอง

ยางรถยนต์ทุกชนิด ทุกเกรด และทุกประสิทธิภาพ ล้วนแล้วแต่มีวันที่จะเก่าและเสื่อมลงตามกาลเวลา เพราะการวิ่งบนถนนหลากหลายรูปแบบ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และการใช้งานในเรื่องของลักษณะการขับขี่ รวมถึงอุณหภูมิเขตร้อนชื้นของประเทศไทย ส่งผลต่อเนื้อยาง หน้ายาง และดอกยาง ผลกระทบเหล่านั้นสามารถสังเกตได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ดังนี้

1. รอยรั่ว รอยบาก หรือเศษของมีคมบนยาง – ไม่ควรปล่อยให้รถวิ่งบนยางที่มีตำหนิหรือเศษสิ่งแปลกปลอมติดบนยาง เพราะอาจเป็นเหตุให้ยางแตก รั่ว และเกิดอันตรายได้ กรณีที่ยางจำเป็นต้องปะซ่อม ขอแนะนำให้ใช้วิธีการซ่อมแบบดอกเห็ดเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการปะยางแบบแทงใยไหมหรือสตรีมโดยเด็ดขาด เพราะทำให้ยางเกิดความเสียหาย

2. ระยะทางในการเบรกยาวขึ้นกว่าปกติ – การใช้งานยางเมื่อผ่านไปในช่วงระยะเวลาหนึ่งจะเป็นเรื่องธรรมดาที่ดอกยางจะตื้นลง จึงควรเปลี่ยนยางทันทีเมื่อความลึกดอกยางน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร เพราะจะส่งผลต่อระยะเบรกที่ยาวขึ้นโดยเฉพาะเมื่อขับขี่บนถนนเปียก

3. ควบคุมรถบนถนนที่ลื่นได้ยากขึ้น – ความลึกของดอกยางจะลดต่ำลงตามระยะทางขับขี่ที่ใช้งานไป และจะส่งผลต่อการยึดเกาะถนนของรถเมื่อขับรถบนถนนที่ลื่นหรือที่เรียกว่าอาการเหินน้ำ ซึ่งทำให้รถเสียการทรงตัวระหว่างการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อความลึกดอกยางน้อยกว่า 3 มม.

4. ดอกยางสึกไม่สม่ำเสมอกัน – การสึกหรอไม่เท่ากันของดอกยาง เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเติมลมยางที่ไม่ถูกต้อง หรือปัจจัยอื่น สังเกตได้จากจุดต่อไปนี้

· ขอบด้านนอกหรือขอบด้านในสึกมากกว่า (Toe wear) – เกิดจากการตั้งศูนย์ล้อ มุมบังคับเลี้ยว (มุม Toe) ไม่สมดุล

· หน้ายางด้านในหรือด้านนอกสึกมากกว่า (Camber wear) – เกิดจากการตั้งศูนย์ล้อแนวตั้ง (มุม Camber) ไม่ถูกต้อง

· ส่วนกลางของหน้ายางสึกหรอเป็นพิเศษ (Center Wear) –เกิดได้จากแรงดันลมยางที่มากเกินไป

· ส่วนขอบของหน้ายางทั้งด้านในและด้านนอกสึกหรอเป็นพิเศษ (Edge Wear) – บริเวณขอบทั้งสองด้านสึกมากเป็นพิเศษ เกิดจากแรงดันลมยางน้อยเกินไป

เติมลมยางให้ได้ตามมาตรฐานของรถแต่ละรุ่น ตามที่ระบุไว้ในคู่มือ ซึ่งสามารถดูค่าความดันลมยางมาตรฐานได้จากคู่มือผู้ใช้รถหรือป้ายแนะนำความดันลมยาง ซึ่งมักจะติดอยู่บริเวณเสากลางตัวรถด้านใน

5. อายุการใช้งาน - หากยางรถยนต์มีอายุการใช้งานครบ 6 ปี นับจากวันผลิต หรือมีความลึกดอกยางน้อยกว่า 3 มม. หรือใช้งานมาประมาณ 40,000-50,000 กิโลเมตร ควรเปลี่ยนยางโดยทันที รวมถึงยางอะไหล่ที่ควรตรวจสอบและเปลี่ยนทันที โดยไม่ต้องคำนึงถึงการสึกของดอกยางแต่อย่างใด

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความมั่นใจ

สำหรับเจ้าของรถมือใหม่ หรือใครที่ไม่มีอุปกรณ์ และเวลาในการดูแลรถ แนะนำว่าควรนำรถไปที่ศูนย์บริการยางและรถยนต์ เพื่อขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในการระบุจุดสึกหรอของยาง และให้คำแนะนำในการเปลี่ยนยางได้ตรงจุด อีกทั้งยังสามารถรับบริการเปลี่ยนยางรถยนต์ได้ทันที

ข้อมูลจากควิกเลน.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/###

คุณกำลังดู: ยางคือชีวิต ตอน....จะรู้ได้อย่างไร เมื่อไรต้องเปลี่ยนยาง

หมวดหมู่: เคล็ดลับยานยนต์

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด