AKIO TOYODA ประธานบริหาร TOYOTA เปิดตัวรถกระบะต้นแบบสองรุ่นในงาน 60 ปี TOYOTA

มาจริงปลายปีหน้าประธานบริหารสูงสุด TOYOTA เปิดตัว IMV 0 กระบะอเนกประสงค์ราคาประหยัด และ HILUX REVO BEV กระบะพลังงานไฟฟ้า 100% คาด ขายจริงปลายปีหน้า (2566)

AKIO TOYODA ประธานบริหาร TOYOTA เปิดตัวรถกระบะต้นแบบสองรุ่นในงาน 60 ปี TOYOTA

Toyota Motor ฉลองการดำเนินงานในประเทศไทยครบ 60 ปี แสดงความขอบคุณต่อทุกภาคส่วนผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จ พร้อมร่วมขับเคลื่อนอนาคต และความสุขของผู้คน แนะนำนวัตกรรมการขับเคลื่อนยุคหน้า เปิดตัวกระบะต้นแบบแนวคิด IMV 0 (ZERO) Concept กระบะราคาประหยัดที่สามารถนำไปต่อยอดได้หลากหลายรูปแบบ และ Hilux BEV Concept กระบะพลังงานไฟฟ้า เพื่อเดินตามแผนงานสู่เป้าหมาย “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” สำหรับรถยนต์ต้นแบบแนวคิดทั้งสองคัน คาดว่า น่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วสุดในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 หรืออย่างช้าที่สุดอาจเปิดตัวรุ่นขายจริงในช่วงต้นปี 2567

Akio Toyoda กรรมการผู้จัดการใหญ่Toyota Motor Corporation ประเทศญี่ปุ่น และ Noriaki Yamashitaกรรมการผู้จัดการใหญ่ Toyota Motor Thailand ร่วมเปิดงาน “Toyota ฉลองการดำเนินงานในประเทศไทยครบ 60 ปี” เพื่อแสดงความขอบคุณต่อทุกภาคส่วนผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จตลอด 60 ปี ที่ผ่านมา โดยได้รับเกียรติจากนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายภาคส่วนเข้าร่วมแสดงความยินดี

โดยในงานมีการเน้นย้ำวิสัยทัศน์และพันธกิจในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญซึ่งรวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า พร้อมกับการขยายผลแนวทางการมุ่งสู่เป้าหมาย “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” ผ่านการแนะนำต้นแบบนวัตกรรมยานยนต์ยุคหน้าในทุกระบบส่งกำลังเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภค พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นสานต่อเจตนารมณ์ในการมีส่วนร่วมเติบโตเคียงข้างสังคมไทยอย่างยั่งยืนต่อไป ในวันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

Toyota Motor Thailand ก่อตั้งในวันที่ 5 ตุลาคม 2505 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการลงทุนขยายธุรกิจและการผลิตรถยนต์ ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้องเกิดการเจริญเติบโต และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 12% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ Toyota Motor มียอดผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในประเทศสะสมกว่า 7 ล้านคัน รวมถึงผลักดันประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในฐานะฐานการผลิตเพื่อส่งออกสู่ตลาดโลกด้วยยอดการส่งออกกว่า 5 ล้านคัน นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำในด้าน เทคโนโลยียานยนต์และคุณภาพการให้บริการภายใต้แนวคิด “Best in Town” เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ตลอดจนเป็นหนึ่งในองค์กรบรรษัทภิบาลชั้นนำของประเทศ ด้วยการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย ผ่านหลากหลายโครงการและนวัตกรรมเพื่อสังคม

ทั้งนี้ ในโอกาสการดำเนินงานในประเทศไทยครบรอบ 60 ปี บริษัทฯ ได้มีการนำเสนอถึงแนวทางการดำเนินงานที่ยั่งยืนและเป็นรูปธรรม ในการบรรลุเป้าหมายการสร้าง “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Carbon Neutrality) อันเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของกลุ่มบริษัท Toyota ทั่วโลก โดย Toyota ในฐานะ “องค์กรแห่งการขับเคลื่อน ที่มุ่งมั่นในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกรูปแบบ” หรือ “electrification full line-up car maker” ด้วยการเตรียมความพร้อมในหลากหลายแนวทาง หรือ “Multi - Pathway” เพื่อความเป็นไปได้ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการเดินทางของผู้คน ในขณะที่ยังคง ปรัชญาของ Toyota ที่จะเป็น “ผู้นำพาการขับเคลื่อนสำหรับทุกคน” โดยคำนึงถึงบริบทและปัจจัยในการเลือกใช้งานรถยนต์ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม กำลังซื้อ พลังงานที่มีอยู่ ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน และศักยภาพทางอุตสาหกรรมของแต่ละประเทศ ด้วยเหตุนี้ Toyota จึงได้พัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและพลังงานทางเลือกต่างๆ เพื่อมอบทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นไปได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบไฮบริด (HEV) รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV)

นอกจากนี้ ยังเล็งเห็นว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของตลาดรถยนต์ในประเทศไทยถูกขับเคลื่อนด้วยรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ Toyota จึงถือโอกาสจัดแสดงรถกระบะต้นแบบพลังงานไฟฟ้า (IMV BEV Concept) ให้แขกภายในงานได้รับชม เพื่อแสดงถึงความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีรถกระบะในอนาคตอีกด้วย

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงการเตรียมความพร้อมการขับเคลื่อนยุคหน้าภายใต้แนวทาง Multi – Pathway Toyota ยังได้นำต้นแบบยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (HICEV : Hydrogen Internal Combustion Engine Vehicle) มาเผยโฉมต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Toyota ในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อเพิ่มทางเลือกแก่ผู้คนโดยไม่จำกัดที่การใช้พลังงานใดพลังงานหนึ่ง ด้วยแนวคิดนี้ ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์พลังงานผสม ทั้งไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ Toyota ในประเทศไทย ตั้งแต่เปิดจำหน่ายมาจนถึงปัจจุบัน มีมากกว่า 150,000 คัน มีส่วนช่วยในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 800,000 ตัน เทียบเท่ากับปลูกป่าบนพื้นที่ขนาด 97,000 ไร่ หรือ เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 2.4 ล้านต้น

ภายในงาน ยังได้มีการจัดแสดงประวัติของ Toyota และบทบาทของโครงการ IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicles) ที่มีต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปสู่ตลาดโลก และเพื่อเป็นการสานต่อบทบาทของประเทศไทยในฐานะ 'ดีทรอยต์แห่งเอเชีย' และ 'เมืองหลวงศูนย์กลางรถกระบะโลก' พร้อมทั้งนำเสนอทางเลือกในการเดินทางสำหรับชีวิตประจำวันและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม

Toyota ได้ทำการเปิดตัวต้นแบบของรถกระบะอเนกประสงค์ภายใต้ชื่อ “IMV-0 Concept” ที่มุ่งเน้นความสะดวกในการปรับรูปแบบการใช้งานเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย คาดว่า รถยนต์กระบะต้นแบบทั้งสองรุ่นจะเปิดตัวรุ่นจำหน่ายจริงภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566

Akio Toyoda กรรมการผู้จัดการใหญ่ Toyota Motor Corporation ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “วันนี้ ผมขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง Toyota ได้เติบโตในประเทศไทยโดยมีคนไทยทุกท่านเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราได้มีโอกาสได้เฉลิมฉลองในวันนี้ สำหรับตัวผมเอง มันไม่ใช่เรื่องของ จำนวนยอดขายรถที่เราทำได้ที่นี่ สิ่งที่เราต้องการมอบให้ประเทศนี้มีมากกว่าแค่รถยนต์ เช่น การช่วยสนับสนุนโอกาสทางเศรษฐกิจ ดังเช่น ความตั้งใจที่เราเลือกให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถรุ่นใหม่ระดับโลกภายใต้โครงการไอเอ็มวี”

“การแนะนำรถกระบะ Hilux VIGO ภายใต้โครงการ IMV ยังคงเป็นความทรงจำที่ผมประทับใจมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตการทำงานของผม เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ผมจึงตัดสินใจที่จะสร้างรถ IMV แบบใหม่ เพื่อให้เป็นรถกระบะสำหรับประเทศไทย ได้แก่รถต้นแบบใหม่ล่าสุด IMV 0 (ไอเอ็มวี ซีโร่) และ รถต้นแบบ Hilux REVO BEV พร้อมระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า ทั้งสองรุ่น แสดงถึงแง่มุมที่แตกต่างในเชิงยนตรกรรม ซึ่งตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันและเหมาะกับลูกค้าคนละกลุ่ม รุ่นหนึ่งถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนอีกรุ่นถูกพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริม การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น”

“เมื่อเอ่ยถึงการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน เราต้องเข้าใจว่า คาร์บอนคือศัตรูตัวจริง ไม่ใช่ระบบส่งกำลังแบบใดแบบหนึ่งโดยเฉพาะ ว่ากันตามตรงแล้วรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่ใช่แค่ทางเลือกเดียว ที่จะช่วยบรรลุเป้าหมายในระดับโลก ที่ Toyota เราเชื่อในการสร้างสรรค์รถยนต์ให้ครบทุกประเภท เพื่อเป็นทางเลือกในการช่วยลดคาร์บอนสำหรับลูกค้า ตั้งแต่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบไฮบริด รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด รถยนต์พลังงานไฟฟ้า BEV รวมถึง รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง FCEV นอกจากนั้น Toyota ยังพัฒนา ทางเลือกอื่นๆ ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน อย่าง GR-Yaris และ GR-Corolla ซึ่งเป็นรถต้นแบบที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจน ผมยังคงเชื่อว่า ในขณะที่เราพยายามเดินหน้าสร้างอนาคตที่ยั่งยืน จำเป็นต้องใช้แนวทางแบบ องค์รวมเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนร่วมกัน”

“เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน เราจำเป็นต้องดำเนินงานร่วมกับอุตสาหกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย ดังนั้น ในวันนี้ผมจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศแนะนำพันธมิตรใหม่ของเราคือบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนั่นคือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) โดยเราจะร่วมมือกันในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ โดยคิดทบทวนถึงวิธีการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยีที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ อย่างรถบรรทุกเซลล์เชื้อเพลิง และด้วยการพัฒนาให้ระบบการขนส่งด้วยรถยนต์ประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ นอกจากนั้นแล้ว ภายใต้ความร่วมมือนี้ จะมีการยกระดับความพยายามของซีพีในปัจจุบัน ในการผลิตไฮโดรเจนสะอาดจากชีวมวล เช่น มูลไก่ อีกด้วย ผมตั้งตารอที่จะได้ร่วมกับซีพี นำจุดแข็งที่เรามีอยู่ร่วมกันเพื่อสร้างประโยชน์แก่ประเทศและผู้คนให้มากยิ่งขึ้น”

“และผมก็ยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า พันธมิตรในครั้งนี้ประกอบด้วยสมาชิกอื่นๆ ของบริษัท Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT) ประกอบไปด้วย daihatsu / Suzuki / Isuzu / Hino โดยบริษัท CJPT ก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาการขับเคลื่อนแห่งอนาคตโดยความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ ในอุตสาหกรรมของเรา เราชักชวนคู่แข่งให้มาร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และเฟ้นหาความเป็นไปได้ในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ร่วมกัน”

“ผมอยากขอขอบคุณทุกท่านในฐานะสมาชิกคนสำคัญของครอบครัว Toyota ในระดับโลก เมื่อเราร่วมมือกัน ผมเชื่อว่าทุกอย่างก็จะเป็นไปได้ เราจะสามารถช่วยทำให้โลกใบนี้เป็นที่ที่ดียิ่งขึ้นและค่อยๆ เพิ่มรอยยิ้มไปด้วยกัน”

ภายในงาน ยังได้รับเกียรติจาก นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวแสดงความยินดี และแสดงความชื่นชม Toyota Motor Thailand ที่ได้มีส่วนร่วมในการวางรากฐานให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและธุรกิจเกี่ยวเนื่องได้เติบโตได้อย่างมั่นคง พร้อมกับขับเคลื่อนหลากหลายกิจกรรมที่มีส่วนในการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ และตอบสนองต่อนโยบายภาครัฐและสังคมอย่างต่อเนื่อง

“ผมขอแสดงความยินดีและขอบคุณ Toyota Motor Thailandในโอกาสที่บริษัทฯ ได้ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจประเทศไทยในการดำเนินธุรกิจมากว่า 6 ทศวรรษ บริษัทฯ ได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย โดยสนับสนุนและให้ความร่วมมือต่อนโยบายของภาครัฐ ทั้งในด้านการลงทุน การพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ การถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการผลิต มีการขยายผลทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นฐานการผลิตรถยนต์ทั้งจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ช่วยส่งเสริมการจ้างงานในประเทศกว่า 280,000 คน ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และห่วงโซ่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ให้เติบโตจนเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ส่งเสริมภาคเศรษฐกิจ ของประเทศ”

“ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์โลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ รัฐบาลไทยจึงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable-Development-Goal : SDGs) โดยมีเป้าหมายสำคัญคือประเทศไทยจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality : CN) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศให้เกิดเป็นรูปธรรมตามแนวนโยบาย 30@30”

“ซึ่งจากการที่ Toyota เป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในการเติมเต็มพันธกิจของภาครัฐอยู่เสมอ ทำให้ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ภายใต้การก้าวสู่ยุคแห่งยานยนต์ยุคหน้านี้ บริษัท Toyota จะมีการนำเสนอคุณค่าใหม่ๆ สู่ชาวไทย ตลอดจนมีแผนพัฒนายานยนต์เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของภาครัฐ โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนในทุกด้านเพื่อส่งเสริมการพัฒนาแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างรากฐานที่มั่นคงและความยั่งยืนของทั้งสองฝ่ายร่วมกันตลอดไป”

ตลอดระยะเวลา 60 ปี Toyota มุ่งมั่นที่จะเติบโตเคียงคู่สังคมไทย ได้กำหนดแผนการดำเนินงานในมิติต่างๆ โดยคำนึงถึงบริบทที่เหมาะสมกับสังคมไทยอยู่เสมอ พร้อมปลูกฝังแนวคิดการส่งมอบงานที่เปี่ยมด้วยคุณภาพจากความทุ่มเท ทักษะ และความมุ่งมั่นของพนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์จะเป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพ ความทนทาน และความน่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความอุ่นใจตลอดการใช้งานแก่ลูกค้า นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้วยแนวคิด Closer to customer (ใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น) โดยร่วมกับเครือข่ายทางธุรกิจในการนำเสนอนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้นสู่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ อาทิ การผสมผสานเทคโนโลยีแห่งการเชื่อมต่อเพื่อสร้างความสะดวกสบายในการเดินทาง (Connected) การบริการการขับเคลื่อนในรูปแบบของการแบ่งปันการใช้งาน (Sharing) เป็นต้น

นอกจากนั้นแล้ว ยังให้ความสำคัญสูงสุดกับการแสดงความรับผิดชอบของธุรกิจ ผ่านการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม อาทิ การรณรงค์ด้านความปลอดภัยบนท้องถนนผ่านโครงการ “Toyota ถนนสีขาว” ที่ดำเนินการต่อเนื่องกว่า 30 ปี การมีส่วนร่วมในการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากผ่านโครงการ “Toyota ธุรกิจชุมชนพัฒน์” การพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่ผู้ด้อยโอกาสผ่านการดำเนินงานของ “มูลนิธิ Toyota ประเทศไทย” รวมถึงการกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางพันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของ Toyota 2050 “Toyota 6 Environment Challenge 2050” ว่าด้วยความท้าทาย 6 ประการในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life cycle assessment) ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต ไปจนถึงการกำจัดผลิตภัณฑ์เมื่อสิ้นอายุการใช้งานอย่างถูกวิธี การบูรณาการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการที่เกี่ยวเนื่องตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ รวมถึงขยายผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมสู่สังคมผ่านหลากหลายกิจกรรม ภายใต้โครงการ “Toyota เมืองสีเขียว” หรือ การศึกษาแนวทางการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการคมนาคมในยุคหน้าผ่านโครงการ “การจัดตั้งเมืองที่ยั่งยืนโดยปราศจากมลภาวะ” (Decarbonized Sustainable City) เป็นต้น

ทั้งนี้ นาย Noriaki Yamashita กรรมการผู้จัดการใหญ่ Toyota Motor Thailand ได้กล่าวเสริมถึงแนวทางการดำเนินงานขององค์กรในยุคหน้า เพื่อขับเคลื่อนอนาคตแห่งความสุขของลูกค้าและผู้คน และ ส่งเสริมวิสัยทัศน์และพันธกิจในการขับเคลื่อนประเทศของภาครัฐ ว่า

“ในนามของ Toyota ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณประเทศไทย รัฐบาลไทย เครือข่ายธุรกิจ และประชาชนชาวไทยสำหรับการสนับสนุนและความกรุณาอย่างดียิ่งที่มีให้แก่เรา ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา Toyota Motor Thailand มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ Toyota เติบโตในระดับโลก เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตของ Toyota มียอดการผลิตสูงเป็นลำดับที่ 4 รองจากญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา และได้รับเลือกให้เป็นผู้ริเริ่มบุกเบิกหลากหลายพันธกิจสำคัญในภูมิภาคอาเซียน เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตจนยิ่งใหญ่เป็นลำดับที่ 10 ของโลก ตลอดจนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการพัฒนาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม”

“ที่ญี่ปุ่นนั้น การมีอายุครบ 60 ปี นับเป็นโอกาสที่พิเศษมาก เราเรียกกันว่า คันเรกิ แปลว่า การเกิดใหม่ ที่เราจะกลับสู่การเริ่มต้นอีกครั้งด้วยภูมิปัญญาและประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมา วันนี้ Toyota Motor Thailand ได้เฉลิมฉลอง คันเรกิ ของเรา ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับการดำเนินงานในทุกมิติ เราจะมอบประสบการณ์การขับเคลื่อนที่ไร้รอยต่อผ่านแพลตฟอร์มการเชื่อมต่อดิจิทัล เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดียิ่งขึ้น เราจะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อศึกษาหาวิธีการพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนเพื่อสร้างโลกที่ปราศจากการปล่อยมลพิษสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานตามแนวทางของภาครัฐ ตลอดจนยกระดับการดำเนินงานในด้านสังคม เพื่อสิ่งแวดล้อมและผู้คนในสังคม”

“ผมรู้สึกยินดี ที่องค์กรของเราสามารถพัฒนามาได้ไกลขนาดนี้ Toyota จะไม่มีวันหยุดพัฒนาเพื่อมอบคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกค้า และร่วมขับเคลื่อนอนาคตที่ดีสู่พี่น้องชาวไทย ทั้งในอีก 60 ปีข้างหน้า และในอนาคตถัดไปจากนั้น” มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กล่าวในที่สุด.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

คุณกำลังดู: AKIO TOYODA ประธานบริหาร TOYOTA เปิดตัวรถกระบะต้นแบบสองรุ่นในงาน 60 ปี TOYOTA

หมวดหมู่: รถยนต์

บทความที่เกี่ยวข้อง:

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด