Audi Q8 60 TFSI e quattro S-line วาฬเพชฌฆาต เล่นได้แต่ร้ายลึก
ดึงอย่างโหด Audi Q8 60 TFSI e quattro S-line วาฬเพชฌฆาตปลั๊กอินไฮบริด 462 แรงม้า 700 นิวตันเมตร 0-200 ใน 19 วินาที
ท่านผู้ชมอาจจะสงสัยว่านี่ตกลงคลิกเข้ามาอ่านเรื่องรถหรือสารคดีสัตว์โลกกันแน่ ไม่ต้องตกใจหรอกครับ การที่ได้ยืนมองเจ้า Q8 จากระยะใกล้ โดยเฉพาะเมื่อรถคันนี้มาในโทนสีดำเมทัลลิก Mythos Black เมื่อจอดบนถนนพื้นปูนหน้าโรงแรม Ba Ba Beach สีน้ำตาลขาวสะท้อนเงาขึ้นยังส่วนล่างของตัวรถ ตัดกับบอดี้สีดำ ทำให้ตัวรถนั้นมีลักษณะเหมือนวาฬเพชฌฆาต (หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า Orca) แล้วยังมีไฟหน้า Matrix LED ที่ออกแบบมาในทรงที่จะดุก็ไม่ดุ ออกจะมีแววตาทะลึ่งขี้เล่นเสียด้วยซ้ำ หากท่านผู้อ่านเคยได้ลองสบตา Orca ตัวจริงระยะใกล้ๆ จะยิ่งเข้าใจความรู้สึกผม
เมื่อคุณจ้องนัยน์ตาเสือ สิงโต หรือสุนัขป่า..หรือภรรยาคุณตอนจับได้ว่าคุณซ่อนเงิน คุณจะรู้เลยว่านี่คือแววตาแห่งนักล่าอย่างแท้จริง แต่กับ Orca นั้น จ้องตาของมันแล้วบางจังหวะรู้สึกเหมือนจ้องตาลูกแมว เศร้าบ้าง แบ๊วนิดๆ ขี้เล่นเยอะหน่อย มันไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเจ้าของตาคู่นั้นมีฟันแหลมคมนับไม่ถ้วนที่กัดฉับเดียวคุณก็ไปนั่งดูทีวีรอชาติหน้าได้ แล้วนอกจากนี้มันไม่ใช่เครื่องจักรที่เกิดมา ฆ่า แล้วกิน แล้วฆ่า แต่มันมีอารมณ์ที่ซับซ้อนมากเกือบเท่ามนุษย์ เวลามันล่าเหยื่อเป็นกลุ่มนะคุณ..มันจะส่งเสียงสื่อสารกันเหมือนมันมี LINE กลุ่มของตัวเอง สั่งตัวนู้น ไปรอจุดนั้นจุดนี้ ในขณะที่อีกสองตัวต้อนเหยื่อให้เข้าทาง แมวน้ำหนีขึ้นแผ่นน้ำแข็งเหรอ..ตูเอาหางซัดคลื่นน้ำใส่ให้หล่นแล้วให้ลูกน้องคอยงาบได้ หนีขึ้นฝั่งเหรอ..ไม่ยาก เล็งจังหวะคลื่นโถมฝั่งแรงๆ หน่อยแล้วก็พุ่งชาร์จบวกแรงคลื่น ขึ้นไปงาบได้ถึงบนหาด
พละกำลัง ความฉลาด ความขี้เล่น ช่างเหมือนกับบุคลิกของ Q8 คันนี้ ซึ่งถ้าคุณมองผ่านๆ มันก็คือรถ SUV สไตล์ Coupe แบบเดียวกับ BMW X6 และ Mercedes-Benz GLE Coupe รวมถึง Porsche Cayenne Coupe แต่ในขณะที่ผมเผาเรื่องการออกแบบของรถประเภทนี้เกือบทุกรุ่น Q8 เป็นเหยื่อที่ผมละเว้นเอาไว้ เพราะเคารพในความคิดของนาย Marc Lichte ผอ.คุมฝ่ายออกแบบของ Audi ที่เลือกจะไม่ทำทรงของหลังคาที่ดูลาดเอียงหรือกลมมนเกินไป แต่กลับนำเอาทรวดทรงของรถแข่งแรลลี่ยุค 80s ที่โด่งดังอย่าง Audi Ur-Quattro ซึ่งเป็นทรง เหลี่ยม-ลาด-โหดแบบวัยกลางคน มาใช้แทนในท่อนบนของรถ บวกกับไฟท้ายที่ประยุกต์มาจาก Audi ยุค 90s แต่เอามาพลิกกลับด้านกัน ผมพบว่าผมใช้เวลาชื่นชมก้นอันสวยงามของ Q8 มากกว่าหน้ามันเสียด้วยซ้ำ ดีนะที่มันเป็นรถ ถ้าเป็นคน ผมน่าจะโดนกรี๊ดใส่ก่อนแล้วตบร่วงไปอยู่กับพื้น
ลึกลงไปใต้เรือนร่างของ Q8 นั้น โครงข้างในและเทคโนโลยีต่างๆ ก็คือแพลตฟอร์ม MLB-EVO ของรถในเครือ Volkswagen Group ซึ่งนอกจากจะใช้กับ Audi Q7/Q8 แล้ว ก็ยังอยู่ใน Lamborghini Urus, Bentley Bentayga และ Porsche Cayenne โฉมปัจจุบันอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่า หลายส่วนของรถจะเหมือนกัน แต่มีการปรับจูนรายละเอียดปลีกย่อยไปตามเอกลักษณ์ของแต่ละค่าย แต่ความที่ Audi กับ Porsche นั้นเหมือนเพื่อนที่อยู่กันมาตั้งแต่สมัยเรียน รักกันบ้าง หยอกกันบ้าง ต่อยกันบ้างแต่ทำงานด้วยกันได้มาตลอด เทคโนโลยีการขับเคลื่อนก็เช่นกัน
หัวใจของ Q8 60 TFSI e นั้น ก็แทบจะเหมือนกันกับของ Porsche Cayenne e-Hybrid ซึ่งพูดง่ายๆ ว่า ถ้าคุณไม่เสพติดตราม้าเยอรมัน หรือกังวลเรื่องจอดรถช่องซุปเปอร์คาร์ได้หรือไม่ คุณสามารถจ่ายน้อยกว่ากันเป็นล้าน ได้รถที่มีขุมพลังเดียวกัน เครื่องยนต์เบนซินข้างหน้า เป็นขนาด 3.0 ลิตร V6 ติดเทอร์โบชาร์จไว้ระหว่างฝาสูบ ลำพังตัวเครื่องยนต์อย่างเดียวก็แรงระดับ 340 แรงม้าเข้าไปแล้ว แต่ยังมีชุดมอเตอร์ไฟฟ้าพลัง 136 แรงม้าเป็นตัวเสริม ซึ่งเมื่อทั้งสองระบบทำงานประสานกัน แรงม้าสูงสุดที่ได้คือ 462 แรงม้า แรงบิดรวม 700 นิวตันเมตร
ความรวดเร็วในการว่ายน้ำล่าเหยื่อของ Orca ก็น่ากลัวพอๆ กับการสำแดงเดชของ Q8 60 TFSI e สำหรับรถที่ยางเกือบห้าเมตร โตจนแทบจะบังลูกช้างมิด มันเร็วสะใจมาก ผมกับคุณไปป์ พลพัต สาเลยยกานนท์ จาก PPTV นั่งรถคันเดียวกันในทริปซึ่งเราขับจากกรุงเทพฯ ไปร่วมงานเปิดตัวอันอลังการของ Audi RS 3 ที่หัวหิน ผมรับหน้าที่ขับกลับกรุงเทพฯ จึงขอทดสอบอัตราเร่ง เปิดโหมด Dynamic ใส่เกียร์ D แล้วกดคันเร่งดังปัง! ผมจับเวลาได้ 19 วินาที...19 วินาที เร็วมากนะครับ เพราะนี่ไม่ใช่ 0-100 แต่เป็น 0-200 กม./ชม. Performance car จะชาติไหนก็แล้วแต่ เจอวาฬดำเมี่ยมตัวเบ้อเร่อวิ่งไล่เหมือนหมาบ้า ก็คงมีใจสั่นบ้างแหละ รถเก๋งหนัก 1.5-1.8 ตัน ถ้าคุณไม่ได้พกม้ามา 300 ปลายๆ ระวังจะโดนวาฬงาบครับ
ตอนกระแทกคันเร่งออกไปได้สักพัก ผมกับคุณไปป์ยังมองหน้ากันแล้วยิ้มหวาน..สื่อรถยนต์อย่างเรานี่ขับซุปเปอร์คาร์ 500 ม้ากันมาหลายคันแล้ว แต่การที่ไอ้รถ SUV Coupe หนัก 2.4 ตันทะยานไปแบบนี้ เราก็อดชมมันไม่ได้ ยิ่งในเรื่องรสชาติการขับขี่ ผมรู้สึกว่า Audi เซตการทำงานของระบบถุงลมช่วงล่างมาเหมาะกับการวิ่งทางไกลมากกว่าเพื่อนร่วมห้องอย่าง Cayenne ด้วยซ้ำถ้ามองในแง่ของการซับแรงกระแทก การควบคุมตัวรถไม่ให้เคลื่อนไหวขึ้น/ลงมากเกินไป ใน Cayenne นั้น ถ้าผมใช้โหมด Comfort ขับ ผมจะแอบเมานิดๆ ซึ่ง Audi ไม่เป็น ในขณะเดียวกัน ถ้าโยกสาดแรงมากๆ Cayenne ในโหมด SPORT ก็ยวบน้อยกว่า Audi อยู่นิดหน่อย แต่ในภาพรวม ทั้งคู่คือ SUV เดินทางไกลความเร็วสูงที่หนักแน่น มั่นคง ถ้าจะให้ลมพัดเสียหลักคงต้องไปตามเฮอริเคนแคทรีนามานั่นแหละ
ความน่ารักของรถ Plug-in Hybrid คือ การเป็นยำรวมมิตรที่พร้อมให้คุณครบรสชาติแห่งการขับ วันนี้คุณอยากแกล้งทำตัวเป็น EV? ไม่มีปัญหาครับนาย แบตเตอรี่ 17.9 kWh ก็มีอยู่ มันอาจจะไม่โตเท่า GLE 350 de แต่ก็เพียงพอให้คุณขับราวๆ 40 กิโลเมตรได้โดยไม่มีการปล่อยไอเสีย ผมลองขับแบบใช้งานจริงจัง ชาร์จแบตเตอรี่ไว้ครึ่งลูกจนระยะทาง EV โชว์ประมาณ 21 กิโลเมตร แล้วลองวิ่ง 70-80 เรื่อยๆ คุณมีแนวโน้มจะได้ระยะตามนั้น แต่ถ้าขึ้นไปวิ่ง EV Mode แถวๆ 120 กม./ชม. พลังงานก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้าไม่จำเป็น ผมไม่แนะนำใช้กดปุ่มสั่งชาร์จกลับระหว่างวิ่งครับ เพราะถึงแม้ Audi จะมีฟังก์ชันสั่งชาร์จ ซึ่งเบนซ์ไม่มี แต่ก็ชาร์จกลับไม่เร็วเท่าระบบของ BMW ชาร์จไฟไป ซัดบ้าง วิ่งปกติบ้าง Q8 ก็จะกิน 8 กม./ลิตรเหมือนชื่อมันเลย ถ้าไฟหมด ก็ปล่อยให้ระบบ Auto มันจัดการเอง คุณจะยังได้ 11.5 กม./ลิตร สำหรับการวิ่งทางไกล 120-140 กม./ชม. ตัวเลขก็สมเหตุผลครับ เพราะระบบของ Audi นั้น ถ้าคุณตั้งเป็น Auto ไว้ แค่วิ่งเกิน 90-100 รถก็จะพยายามให้ใช้เครื่องยนต์เป็นหลัก ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้ามักถูกใช้ช่วงความเร็วต่ำมากกว่า
รถ Plug-in จะมีข้อที่เราพึงระลึกตรงนี้แหละครับ วิ่งในเมือง ประหยัดโคตร! วิ่งทางไกล ถ้าอยากประหยัด คุณก็แวะจอดเติมน้ำมัน ชาร์จแบตบ้างแล้วปล่อยให้ระบบของรถมันบริหารจัดการพลังไป วิ่งโหมด Auto Hybrid ไปจนไฟหมดหม้อค่อยหาสถานีชาร์จที่มีแท่นชาร์จ AC เสียบ เรื่องประหยัดค่าเดินทางน่ะ สู้ e-Tron Sportback ที่เป็น EV แท้ๆ ไม่ได้หรอก แต่ Plug-in อย่าง Q8 ได้เรื่องวิ่งยาววิ่งไกลหายห่วงถ้าคุณมีเงินค่าน้ำมัน
Audi Q8 60 TFSI e quattro S-line แล้วในเรื่องอุปกรณ์กับความสะดวกสบายล่ะ? Q8 60 TFSI e คันนี้น่ะ ราคาสูงกว่า Q7 ที่ใช้เครื่องเดียวกันอยู่เป็นล้านนะครับ ทาง Audi เขาเลยพยายามเพิ่มอุปกรณ์มาให้ เช่น ไฟหน้า Matrix LED (ซึ่ง Q7 ที่มีไฟหน้านี้ มีเอาเข้ามาแค่ 2 คัน) ประตูดูด กล้องรอบคัน ม่านประตูหลังไฟฟ้า หลังคากระจกพานอรามิก นอกเหนือจากนั้นไป คุณได้ลิสต์อุปกรณ์มาตรฐานที่คล้ายกัน เบาะปรับไฟฟ้าพร้อมระบบความจำ 2 ฟากคู่หน้า เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ 3 โซน เครื่องเสียงพรีเมียม Bang & Olufsen ซึ่งถ้าให้พูดตามตรง ในรถราคา 5.799 ล้านนี้ อย่างน้อยควรจะมีระบบ Blind Spot Monitoring กับ Adaptive Cruise Control มาให้ เพียงแต่ว่าพอจะอ้าปากพูด แล้วคู่แข่งส่วนใหญ่มีอะไรบ้างล่ะ? ดูเหมือนวิกฤตการณ์ชิปขาดแคลนนี่ส่งผลกระทบกับทุกค่ายในระดับที่ใกล้เคียงกัน แม้แต่ GLE 53 AMG ก็ขาดอุปกรณ์บางตัวในลักษณะคล้ายกัน ส่วน Porsche Cayenne e-Hybrid ที่คุณเห็นราคาเริ่มต้น 6.45 ล้านนั้น อุปกรณ์หลายอย่างก็ไม่ได้มีเท่า Q8 นะครับ คุณต้องไปเติมเอาเอง ซึ่งถ้าเติมจนเท่าของที่ Q8 มี ก็น่าจะจบแถวๆ 7 ล้านนิดๆ
แม้จะขาดอุปกรณ์ไปบ้างตามสถานการณ์จำเป็น แต่การออกแบบภายในสไตล์ Retro-futuristic ที่ผมถือวิสาสะแปลอย่างบ้าๆ ว่า ช่องแอร์แบบวิทยุคุณป้าบวกกับองค์ประกอบอื่นจากยาน Enterprise ซึ่งจริงๆ แล้วเอามาปนกันไม่น่าได้ แต่คุณต้องลองเข้าไปนั่งเองกับภายในของ Q8 ว่า เฮ้ย มัน Work ได้ด้วย (แม้ว่าจะเป็นประเด็นที่แล้วแต่รสนิยมส่วนตัวก็ตาม)
แม้ว่าเราจะเข้าสู่ยุคสมัยที่บริษัทรถแข่งกันลดจำนวนปุ่มกด ก้านโยก สวิตช์หมุน เพื่อลดต้นทุนและย้ายทุกอย่างไปอยู่บนจอ เพราะมันสวยไฉไลใครเห็นก็กรี๊ด...Audi ก็ดูจะต้องไหลตัวไปตามกระแสนั้นอย่างเลี่ยงได้ยาก แต่ความเหมือนระหว่าง Audi กับ Porsche ในวิศวกรรมการออกแบบก็คือ เราลองขับ ลองจับ ลองใช้ เราจะรู้สึกได้ว่า กลไกการสั่งงาน เปิด/ปิด ใช้งานส่วนต่างๆ มันถูกคิดมาโดยคนที่ชอบรถ เข้าใจในรถจริงๆ อย่างใน Q8 นั้น แม้แผงควบคุมแอร์ที่เป็นทัชสกรีนสั่นตามการแตะจะแหงนหน้าสะท้อนแสงมากไปบ้าง แต่การใช้งานจดจำง่ายมาก ปุ่มต่างๆ ส่วนใหญ่..ย้ำว่าส่วนใหญ่ โต กดง่ายในระหว่างขับ จะมีก็แค่สวิตช์สลับโหมด e-Tron ซึ่งสั่งการทำงานระบบไฮบริด (EV, Hybrid Auto, Battery Hold, Battery Charge) นั่นแหละที่พ่อเจ้าประคุณเล็กเกิน แล้วกดระหว่างขับยากด้วย
แต่นั่นล่ะ มันคือความถนัดที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน แล้วผมก็ไม่ใช่คนแอนตี้เทคโนโลยีนะครับ ผมเป็นคนที่ชอบเทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตเราสบายขึ้น ง่ายขึ้น ส่วนจะสวยวิลิศมาหราขึ้น อันนั้นผมมองเป็นเรื่องของโบนัส ซึ่งภายในของ Q8 ก็ยังเป็นภายในของ SUV ระดับนี้ที่ผมชอบมากที่สุด เช่นเดียวกับการออกแบบภายนอกที่ผมว่า SUV Coupe ทุกค่ายทำออกมา ก็ไม่ได้สัดส่วนลงตัวทั้งเรื่องรูปลักษณ์กับพื้นที่อย่างนี้
เหนือสิ่งอื่นใด การเป็นเจ้าของ Q8 สักคัน
มันไม่ใช่ว่าคุณถวิลหาความขลังจากตัวรถนะครับ พูดง่ายๆ ว่า
ถ้าคุณมีปัญญาซื้อรถราคา 5.799 ล้านบาท
คุณอาจจะอยากเติมเงินอีกสักล้านสองล้าน ก็สามารถแตะกุญแจ Porsche
Cayenne ได้ จอดที่ช่องจอดซุปเปอร์คาร์ได้ แล้วทำไมคุณจะต้องซื้อวาฬ
Orca หน้าโหดที่มีปู่เป็นรถแข่งแรลลี่อย่าง Q8?
ก็อาจจะอยู่ที่ความพอใจในด้านการออกแบบ
รวมถึงการเป็นรถที่หาดูบนถนนได้ยากกว่า Cayenne
และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ..บางคนที่ซื้อ Q8 ใช้น่ะ ในโรงรถเขาอาจจะมี
Porsche จอดอยู่แล้วก็เป็นได้ครับ เพราะในโลกของรถสมัยใหม่นี้
ผู้ซื้อที่มีเงินจริงไม่ได้ใช้แบรนด์เพื่อสะท้อนฐานะ
แต่ใช้เพื่อบอกบุคลิกของตัวเอง ..ผมว่าคนที่ชอบรถที่ดูขี้เล่นแต่จริงๆ
โหดเดือด ร้ายแบบไม่โหวกเหวกอย่าง Q8 ก็มีอยู่ล่ะครับ.
Pan Paitoonpong
คุณกำลังดู: Audi Q8 60 TFSI e quattro S-line วาฬเพชฌฆาต เล่นได้แต่ร้ายลึก
หมวดหมู่: รีวิวรถใหม่