เจาะจุดสลบ จบที่ราคา MG HS ของดีที่ไม่แพง!

ดีตรงไหนมาดูกัน MG HS 1.5 TURBO X 2WD ราคา 1,119,000 บาท

เจาะจุดสลบ จบที่ราคา MG HS ของดีที่ไม่แพง!

MG HS รถยนต์อเนกประสงค์แนวครอสโอเวอร์ของครอบครัวจากแบรนด์รถอังกฤษที่มีเจ้าของเป็นคนจีน HS หมายถึงการตอบโต้ครั้งสำคัญของ MG เนื่องจากรถรุ่นนี้ถูกพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้นแทบจะทุกจุดทุกตำแหน่ง เพื่อลบคำสบประมาทต่างๆ นานา MG HS มีการออกแบบรูปทรงภายนอกและงานตกแต่งภายในให้ดีขึ้นมากกว่ารถรุ่นพี่อย่าง GS ที่ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าที่ควร นอกจากราคาค่าตัวที่ไม่ได้แพง อุปกรณ์ที่ให้มาถือว่าคุ้มราคา HS สามารถแข่งขันในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ซึ่งเต็มไปด้วยสายโหดอย่าง Mazda CX-5 Honda CR-V Nissan Xtrail Subaru Forester เป็นผู้เล่นรายใหม่ที่กำลังมาแรงและเป็นรถยนต์ที่ให้ของมาครบจนใช้ไม่หมด พร้อมจุดเด่นในด้านความหรูหราสไตล์รถยุโรปจากวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายใน ซึ่งถูกนำมาบรรจุอยู่ใน MG HS ควบรวมกับระบบความปลอดภัยแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรถยนต์ยี่ห้อ MG

NEW MG HS รุ่นและราคา

MG HS 1.5 TURBO C 2WD 919,000 บาท
MG HS 1.5 TURBO D 2WD 1,019,000 บาท
MG HS 1.5 TURBO X 2WD 1,119,000 บาท

สีตัวถัง
สีแดง Scarlet Red
สีขาว Arctic White
สีดำ Black Knight
สีเงิน Silver Metallic

การนำเอาจุดเด่นของรถรุ่นต่างๆ มาใส่ไว้ในเรือนร่างภายนอกของ MG HS กลายเป็นจุดขายที่คาดไม่ถึง HS รุ่น X ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุดราคาล้านนิดๆ ไล่เรียงจากทรงของรถโดยเฉพาะบั้นท้ายที่คล้าย Mercedes-Benz GLC ไฟท้าย Full LED เหมือน BMW X1 กระจังหน้าเหมือนกับชุดกระจัง Diamond Grill ของ Mercedes-Benz สำหรับไฟหน้ามีส่วนผสมที่สวยงามของไฟ LED Daytime Running Lights ของ Mazda ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่แบบใหม่ขอบ 18 นิ้ว ห่อรัดด้วยยาง Goodyear Efficientgrip ไซส์ 235/50R18 ทรงด้านข้างของ MG HS ออกแบบเสาหน้าให้เอนลงเล็กน้อย เชื่อมโยงกับผืนหลังคาแบบ Panoramic Roof หลังคากระจกไฟฟ้าขนาดยักษ์ ที่บอกว่ายักษ์เพราะขนาดความกว้างและความยาวของหลังคากระจกนั้นมากกว่ารถหรูฝั่งยุโรปบางแบรนด์ด้วยซ้ำ ความใหญ่ของหลังคากระจกทำให้เปิดรับแสงหรือรับอากาศจากภายนอกได้กว้างมากในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวแค่ล้านนิดๆ ของ MG HS รุ่นท็อปสุด ของที่ใส่มาให้นั้นไม่มีในรถทุกยี่ห้อที่มีราคา 1.1 ล้าน ส่วนใหญ่จะโดดขึ้นไปถึง 1.5 ล้านหรือมากกว่านั้น MG HS เป็นรถครอสโอเวอร์ที่สามารถขับลุยทางลูกรังได้ ช่วงล่างที่ถูกยกให้สูงกว่า MG ZS เล็กน้อย ซุ้มล้อทั้งสี่หุ้มพลาสติกกันกระแทกสีดำในสไตล์ยานยนต์ครอสโอเวอร์ ฝาท้ายไฟฟ้า สั่งงานเปิด-ปิดได้ด้วยรีโมตหรือกดปลดล็อกที่ใต้ฝากระโปรงหลัง จากทรงของรถที่มีความสวยงามทันสมัยและลงตัว การเลือกวัสดุที่ดีมีคุณภาพมาประดับประดาเพื่อเอาใจลูกค้า สื่อให้เห็นถึงความต้องการที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่มีคุณภาพคับแก้วในราคาที่จับต้องได้ ผมลองขับแล้ว แม้เครื่องยนต์และระบบเกียร์จะเป็นรองแบรนด์อื่น แต่ถ้าเป็นคนที่ขับใช้งานเรื่อยๆ ไม่ขับเร็วก็ถือว่าเป็นรถใหม่ที่น่าใช้งานมาก

HS รุ่น X มีขนาดความยาว 4,574 มิลลิเมตร กว้าง 1,876 มิลลิเมตร สูง 1,664 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,720 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,573 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หลัง 1,584 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 145 มิลลิเมตร ความจุถังเชื้อเพลิง 55 ลิตร น้ำหนักตัวรถทั้งคันในรุ่นสูงสุดหรือรุ่น X อยู่ที่ 1,570 กิโลกรัม แม้จะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยติดตั้งมาให้ค่อนข้างรกรุงรังแต่ MG HS ก็ยังมีวิชาตัวเบาไม่ได้อ้วนตัวหนักจนวิ่งไม่ออก ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว

ห้องโดยสารรุ่นแพงสุดราคา 1.1 ล้าน จัดเต็มทรงแบบรถยุโรปยังอายเมื่อเปิดประตูเข้าไปดู คุณจะอึ้งกับความหรูหราที่ MG ประดังมาให้แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรียกได้ว่าถ้าไม่กล้าก็อย่ามาร้อง! Cockpit โทนดำสลับแดงบุด้วยวัสดุเนื้อนิ่มเนี้ยบๆ ทำให้ใครต่อใครพากันหลงใหลได้ปลื้มกับงานตกแต่งห้องโดยสารที่ดีที่สุดในรถยนต์ราคาล้านนิดๆ แดชบอร์ดแบบโฟมขึ้นรูปหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์สีดำสลับสีแดง ช่องแอร์ทรงกลมเลียนแบบช่องแอร์ของ Mercedes-Benz New E-Class ในราคาแค่ล้านนิดๆ นั้นมีที่ไหนทำได้แบบนี้

จอมอนิเตอร์กลางระบบสัมผัสขนาดใหญ่ยักษ์สะใจ Smart Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง 3 ก้านหุ้มหนังแท้สีดำเย็บด้วยด้ายแดง ลำโพง 6 ตำแหน่ง ให้เสียงคุณภาพปานกลางพอฟังได้ ไม่ถึงกับกรุ้งกริ้งกระดิ่งแมว จุดเด่นซึ่งเป็นที่มาของความสบายนอกจากพื้นที่ภายในที่พอเพียงก็ขอให้ดูกันที่เบาะไฟฟ้าคู่หน้าหุ้มหนัง Alcantara สีดำสลับแดงใน HS X รุ่นท็อป เบาะทรงสปอร์ตโคตรสวยงามน่านั่งคู่นี้น่าจะอยู่ใน Mercedes-Benz GLC Coupe มากกว่าจะมาเป็นเบาะของ MG HS X ตัวเบาะออกแบบได้ดี ดีไซน์พนักพิงศีรษะที่ลงตัวแม้จะปรับไม่ได้ก็ไม่ได้ดันกบาลคนนั่งแต่อย่างใดทั้งสิ้น เบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้ายังฝัง Airbag เพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตำแหน่งท่านั่งสูงไปนิดแต่มองเห็นได้รอบตัว ความกระชับและพื้นที่รองต้นขาที่พอเพียงทำให้นั่งขับหรือโดยสารทางไกลได้โดยปราศจากอาการปวดเมื่อย เป็นอีกจุดที่ทำออกมาได้อย่างหรูหราเกินราคาค่าตัวอย่างชัดเจน เป็นภายในที่เห็นแล้วกลืนน้ำลายด้วยความอยากได้กันเลยละครับ

พวงมาลัย 3 ก้านหุ้มหนังแท้ทรงฐานตัดแบบสปอร์ตมาพร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชั่น ปุ่ม Super Sport Mode สีแดงคล้ายสวิตช์ปรับโหมดของ Porsche ก้านพวงมาลัยยังติดตั้งปุ่มควบคุมหน้าจอภาพ MID multi information display ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและระบบโทรศัพท์ ก้านสวิตช์ระบบปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control แป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift ให้กันมายิ่งกว่าครบและใช้งานกันไม่หมดละครับ พวงมาลัยปรับได้สี่ทิศทาง ทั้งสูง-ต่ำและไกล-ใกล้

อุปกรณ์ที่คุณต้องมองบ่อยๆ หากทำออกมาไม่ได้เรื่อง คนส่วนใหญ่มักไม่ซื้อ นั่นก็คือ มาตรวัด MG HS ติดตั้งจอภาพมาตรวัดที่ออกแบบได้อย่างสวยงามน่ามอง เป็นจอภาพ TFT LCD ผสมผสานกับมาตรวัดแบบเดิมที่ใช้เข็มวัดทั้งวัดรอบเครื่องยนต์และเข็มวัดความเร็ว ส่วนจอแสดงผลกลาง MID multi information display ขนาดความยาว 7 นิ้ว ติดตั้งอยู่ระหว่างมาตรวัดทั้งสอง คอยแสดงผลการขับขี่ แจ้งเตือนข้อมูลที่สำคัญต่างๆ เช่น การใช้งานระบบความปลอดภัย ตำแหน่งเกียร์ แจ้งตัวเลขความเร็วแบบดิจิทัล ระดับเชื้อเพลิง อุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์ โหมดการขับเคลื่อน การเล่นเพลงในอุปกรณ์ต่างๆ อุณหภูมิภายนอก ทริปมิเตอร์ แรงดันลมยางทั้งสี่ล้อ และอื่นๆ อีกเพียบ ความคมชัดและรูปแบบในการแสดงผลนั้นโดนใจพวกชอบของใหม่กันไปเต็มๆ

จอมอนิเตอร์กลางระบบสัมผัสขนาดใหญ่ยักษ์สะใจ Smart Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว สั่งงานด้วยระบบสัมผัสที่หน้าจอ ควบรวมการปรับตั้งค่าต่างๆ เพื่อความสะดวกสบายและรวดเร็วเชื่อมต่อกับ iSMART เวอร์ชั่นล่าสุดที่มีความเสถียรมากกว่าเดิม คุณสามารถปรับตั้งอุณหภูมิภายในห้องโดยสารด้วยระบบแอร์แบบดิจิทัล Dual Zone แยกส่วน พร้อมช่องแอร์ของผู้โดยสารตอนหลัง แจ้งเตือนอุณหภูมิภายนอก ระบบแผนที่นำทาง ระบบให้ความบันเทิงผ่านอุปกรณ์ต่อเชื่อมทั้งบลูทูธ USB วิทยุ จอภาพมอนิเตอร์กลางขนาด 10 นิ้วยังเป็นจอของกล้องมองภาพรอบคันแบบ 360 องศาพร้อมเส้นระนาบสำหรับกะระยะและสัญญาณเสียงแจ้งเตือนการขับเข้าไปใกล้กับสิ่งกีดขวาง New MG HS ยังมีไฟตกแต่งในเวลากลางคืนหรือ Ambient Lights ปรับได้ถึง 64 เฉดสีพอๆ กับ Mercedes-Benz รุ่นใหม่ กับไฟ welcome light เท่ๆ ที่ใช้ตราสัญลักษณ์ MG ส่องลงพื้นเมื่อเปิดประตูฝั่งคนขับในตอนกลางคืน

ขุมกำลังของ MG HS แม้จะมีความทันสมัยอยู่บ้างแต่โดยภาพรวม เครื่องยนต์และระบบเกียร์ของมันยังคงตามหลังแบรนด์ญี่ปุ่นอยู่หนึ่งช่วงตัว ถ้าเร่งพัฒนาให้เครื่องมีกำลังแรงบิดมากกว่านี้ รวมถึงปรับปรุงให้เกียร์อัตโนมัติมีอัตราทดที่ครอบคลุมทุกรอบเครื่องยนต์ และสามารถปรับให้เครื่องยนต์ปล่อยมลพิษต่ำทำตัวสะอาดจนผ่านมาตรการลดมลพิษของทางการยุโรปได้แล้วละก็ MG จะเป็นแบรนด์ที่น่ากลัวมาก MG HS วางเครื่องยนต์ตัวเล็กกะทัดรัดขนาด 1.5 ลิตร เป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบ รหัส SGE ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 16 วาล์ว ระบบอัดอากาศเทอร์โบ TGI จ่ายเชื้อเพลิงแบบยิงตรงไดเรคอินเจคชั่น มีปริมาตรความจุ 1,490 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ 74.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 86.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1 ให้กำลังสูงสุด 119 กิโลวัตต์ 162 แรงม้า ที่ 5600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,700-4,400 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ Twin Clutch Sporttronic TST-7 สปีด ตัวเลขสมรรถนะด้านอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 10.1 วินาที มาพร้อมหน่วยควบคุมการขับเคลื่อน 4 รูปแบบ เช่น Normal / ECO / Sport และโหมด Custom ที่สามารถปรับตั้งรูปแบบของการขับได้ตามต้องการ รวมถึงปุ่ม Super Sport ที่พวงมาลัยที่ปรับให้การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์ทำงานได้ว่องไวขึ้น เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบ SGE ปรับแต่งระบบจ่ายเชื้อเพลิงเพื่อรองรับน้ำมัน E85

ระบบังคับเลี้ยวทำงานด้วยไฟฟ้าเป็นอีกจุดที่ทำออกมาได้ดี MG HS ติดตั้งระบบบังคับเลี้ยวแบบแรคแอนพีเนียนควบคุมการทำงานด้วยการปรับระดับน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามโหมดการขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้า มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.95 เมตร ระบบรองรับหรือช่วงล่าง ด้านหน้าใช้แบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนระบบรองรับด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกใช้แบบดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อ

จุดเด่นของ MG HS

New MG HS ไม่ใช่เอสยูวีแบบลุยเต็มสูบ มันคือครอสโอเวอร์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า ด้วยความที่ไม่ได้เป็นรถลุยเต็มรูปแบบเหมือน PPV-SUV แต่ใช้ขับฝ่าทางลูกรังขรุขระได้บ้าง ความสูงของมันยังใช้ขับลุยน้ำท่วมขังในกรุงเทพฯ จากความสูง 145 มิลลิเมตร เมื่อวัดจากใต้ท้องรถถึงพื้นถนน ซึ่งมากกว่ารถเก๋งทั่วไปนิดเดียว จุดเด่นของมันก็คือ ความหรูหราและความอเนกประสงค์ของห้องโดยสาร พื้นที่ภายในกว้างขวางสะดวกสบาย ไม่ว่าจะขนคน หรือขนของ เบาะหลังแถวที่สองนั่งได้สบายตัว นอกจากนั้น พื้นที่เหนือศีรษะก็ยังโปร่งโล่งมากกว่ารถเก๋งขนาดกลาง ความสบาย และอุปกรณ์ของรุ่นสูงสุดให้มาเยอะมากและมีจุดที่ชอบอยู่เยอะพอสมควร เช่น เบาะ หลังคากระจก พวงมาลัย หน้าจอ และวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายใน

ระบบส่งกำลังซึ่งใช้เกียร์คลัตช์คู่ Twin Clutch Sporttronic TST-7 สปีด ทำงานเนียนกว่าเดิม ไม่มีอาการกระตุกกระชากโผล่ออกมาให้สัมผัส ความง่ายในการควบคุมตัวรถในย่านความเร็วสูงยังคงเป็นรอง CR-V Forester และ CX-5 ในด้านไดนามิก แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรมากมายนัก โดยเฉพาะการทรงจากช่วงล่างที่ออกแนวยุโรป ไม่นิ่มจนย้วยหรือแข็งจนกระด้าง ช่วงล่างมีความเป็นกลางหนึบๆ แน่นๆ บางจังหวะมีแอบกระด้าง ขับเข้าโค้งมั่นใจใช้ได้ไม่โคลงมากนัก นั่งทางไกลได้สบายก้นจากการออกแบบเบาะและวัสดุรองภายในตัวเบาะที่มีความนิ่มใช้ได้ อารมณ์ของช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวแตกต่างจากรถญี่ปุ่นอยู่บ้างโดยมีกลิ่นของรถยุโรปจากการยึดเกาะที่ค่อนข้างดีในย่านความเร็วสูง เบรกใช้ได้แต่จับเร็วไปนิดต้องใช้ความคุ้นเคยสักพักเดียวก็สามารถปรับตัวกับน้ำหนักของแป้นเบรกและการตอบสนองเมื่อต้องลงเบรกหนักๆ เพื่อลดความเร็ว

เหลือแค่ความเชื่อมั่นของลูกค้าเก่าแบรนด์ญี่ปุ่นที่ยังคงมองว่า MG ต้องปรับปรุงอีกหลายเรื่องเพื่อทำให้รถมีความเหนือชั้นมากกว่ารถยนต์แดนอาทิตย์อุทัย จุดด้อยของ HS ก็คือ ความเชื่อมั่นของลูกค้าคนไทยที่ส่วนใหญ่ยังคงนิยมรถยนต์ญี่ปุ่น ถ้าสร้างเรื่องความเชื่อมั่นได้รับรองว่าจะมีลูกค้าของแบรนด์ปลาดิบหันมากินอาหารจีนกันอีกเยอะเลยทีเดียว ส่วนการขับที่แสนจะธรรมดาของมันก็ใช้งานได้ดีทั้งในและนอกเมือง ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ชอบขับรถเร็ว MG HS ก็ถือว่าเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในครอบครัว พื้นที่ภายในและพื้นที่เก็บสัมภาระมีมาให้อย่างพอเพียง เบาะหลังก็ยังนั่งสบาย ตลอดการขับทดสอบ จอภาพของระบบ iSMART ไม่มีอาการจอดับหรือค้างอย่างที่เคยพบมาใน MG ZS หรือแม้แต่รถกระบะอย่าง Extender ซึ่งยังคงมีอาการดังกล่าวในช่วงทดสอบที่ภูเรือ MG HS รุ่น X เป็นรถที่มีความปลอดภัยใช้ได้ ไม่นุ่มแต่ก็ไม่ได้กระด้าง ไม่แรงแต่คล่องตัว แม้จะมีอุปกรณ์บางอย่างที่ลอกเลียนแบบมาจากรถยุโรป แต่การผสมผสานที่ลงตัว บวกกับความสวยงามของภายในและราคาแค่ 1.1 ล้านบาท ทำให้มันเป็นรถที่มีความน่าใช้งานและคุ้มค่าพอสมควรเมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้รับกับการจ่ายเงิน 1.1 ล้าน.


MG HS X
ยาว 4,574 มิลลิเมตร กว้าง 1,876 มิลลิเมตร สูง 1,664 มิลลิเมตร
ระยะช่วงล้อ 2,720 มิลลิเมตร
ระยะห่างระหว่างล้อคู่ หน้า 1,573 มิลลิเมตร หลัง 1,584 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดจากพื้น 145 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถโดยประมาณ 1,570 กิโลกรัม
ความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร
ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยาง 235 / 50R18

เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Turbo TGI
ระบบจ่ายน้ำมัน GDI - Gasoline Direct Injection
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,490 ซีซี.
เส้นผ่านศูนย์กลางกระบอกสูบ 74.0 มิลลิเมตร
ระยะชัก 86.6 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 10 : 1
กำลังสูงสุด 119 กิโลวัตต์ 162 PS ที่ 5,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน - เมตร ที่ 1,700-4,400 รอบต่อนาที


ระบบเกียร์ Twin Clutch Sportronic Transmission (TST) 7 Speeds
อัตราทดเกียร์ 1 4.231
อัตราทดเกียร์ 2 2.476
อัตราทดเกียร์ 3 1.389
อัตราทดเกียร์ 4 0.929
อัตราทดเกียร์ 5 0.755
อัตราทดเกียร์ 6 0.714
อัตราทดเกียร์ 7 0.566
อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 3.882
อัตราทดเฟืองท้าย 1 / 2 / 6 / 7 4.563
3 / 4 / 5 / R 5.214

ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.95 เมตร
ระบบช่วงล่างหน้า แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบช่วงล่างหลัง อิสระ มัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน
ระบบเบรกหลัง ดิสก์เบรก

อุปกรณ์ภายนอก
ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ฮาโลเจน LED
ระบบปรับระดับไฟหน้าขึ้น - ลง
ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
ระบบควบคุมการเปิด - ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
ไฟเลี้ยวด้านหน้า และหลังแบบ Sequential
ไฟตัดหมอกหน้า และหลัง
ไฟท้าย LED
ไฟเบรกดวงที่สาม LED
ไฟ Welcome Light
ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
ระบบปัดน้ำฝนกระจกหน้า แบบตั้งเวลาหน่วง แบบอัตโนมัติ
ระบบปัดน้ำฝนกระจกหลัง
หลังคาชันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
สปอยเลอร์หลัง
ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า
ราวหลังคา

อุปกรณ์ภายใน
ไฟ Ambient Light
ปุ่มปรับโหมดการขับขี่ พร้อมปุ่ม Super Sport
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)
แป้นเหยียบแบบ Sport
เบาะหนังสังเคราะห์แบบ Sport
ช่องเก็บเอกสารด้านหลังเบาะหน้า
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าแบบ 6 ทิศทาง
เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าแบบ 4 ทิศทาง
เบาะนั่งด้านหลัง พนักพิงพับได้ 60:40
พวงมาลัยหุ้มหนัง ปรับระดับ 4 ทิศทาง
หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้ว (Interactive Multi – Function Display)
กระจกไฟฟ้า One Touch Up - Down
กระจกมองหลังตัดแสง แบบแมนนวล แบบอัตโนมัติ
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบ Dual Zone
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
กรองอากาศ PM 2.5
ระบบกุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Smart key) พร้อม Push Start
แผงปิดสัมภาระด้านท้าย
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ - วางสายโทรศัพท์
จำนวนลำโพง 6
หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ / ช่องเชื่อมต่อ USB


SMART CHECK
ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์
ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์
ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
SMART COMMAND
ระบบสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย
ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
ระบบวางแผนการเดินทาง Travel Plan
ระบบโทรออก - รับสายกรณีฉุกเฉิน
ระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre
SMART CONNECT
ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time
ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง
ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง
อัปเกรดระบบผ่านออนไลน์
ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน
อัพเดปข้อมูลพยากรณ์อากาศ

ระบบความปลอดภัย
ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Spece Frame)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง
AVH (Auto Vehicle Hold)
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control System)
ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR (Motor Control Slide Retainer)
ระบบลดความเสี่ยงที่จะทำให้พลิกคว่ำ ARP (Anti Rolling Program)
ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) แบบแปรผัน
ระบบเปิด - ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
เข็มขัดนิรภัยแถวหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
กล้องมองหลัง
กล้องมองภาพรอบทิศทาง
สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
ล้ออะไหล่.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

คุณกำลังดู: เจาะจุดสลบ จบที่ราคา MG HS ของดีที่ไม่แพง!

หมวดหมู่: รีวิวรถใหม่

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด